วันที่ 24 ธ.ค.2566 นายนิกร จำนง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 โพสต์เฟซบุก ส่วนตัว Nikorn Chamnong ระบุว่า
" ต่อกรณีที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ได้ให้ความเห็นต่อข้อเสนอที่มาของสสร.ที่คณะอนุกรรมการรับฟังความเห็นฯรวบรวมสรุปจากความเห็นของประชาชนกลุ่มต่างๆจะนำเสนอต่อคณะกรรมการคณะใหญ่ที่มีคุณภูมิธรรมเป็นประธาน แล้วได้มีข้อโต้แย้งมาว่าควรมาจากการการเลือกตั้งทั้งหมด100%
ผมในฐานะประธานอนุรับฟังความเห็นเห็นฯขอเรียนว่าเคยได้รับฟังความเห็นนี้จากอนุกรรมของสภาฯที่มีนายพริษฐ์ เป็นประธานก่อนแล้วด้วยความเคารพ แต่ทางคณะอนุฯของเราเห็นว่าการได้มาของสสร.ที่เราเสนอก็มาจากประชาชนทั้งหมดด้วยเช่นกัน คือตัวแทนของ77จังหวัด ซึ่งเป็นส่วนมากนั้นจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน กลุ่มหลากหลายของประชาชน5กลุ่มและกลุ่มนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นส่วนน้อยแค่ 23 คนก็มาจากการเลือกตั้งโดยอ้อมจากในกลุ่มของเขาเองมากลุ่มละจำนวนหนึ่ง แล้วให้รัฐสภาซึ่งในขณะนั้นก็เป็นสส.ที่มาจากประชาชนโดยตรงและสว.ที่มาจากการเลือกตั้งจากกลุ่มอาชีพของประชาชนเช่นกัน ไม่ใช่สว.ชุดปัจจุบันที่ส่วนใหญ่มาจากการแต่งตั้ง
ดังนั้นสสร.ส่วนที่นายพริษฐ์ เป็นกังวลก็มาจากประชาชนล้วนๆเช่นกัน มิได้มาจากรัฐบาลแต่งตั้งขึ้นแต่อย่างใดเลย และที่สำคัญมากของการให้ฝ่ายนิติบัญญัติเข้ามามีส่วนในการร่วมพิจารณาสสร.โดยอ้อมด้วยในส่วนน้อยนี้ก็เพื่อยึดโยงกับรัฐสภา ทั้งนี้ป้องกันการถูกร้องว่าไม่ดำเนินการตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในปี2564 ที่ได้กำหนดว่า" รัฐสภามีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่" อันเป็นแนวทางเพื่อไปสู่การดำเนินการให้สัมฤทธิ์ผล
อย่างไรก็ตามผมก็ขอเรียนว่าการนำเสนอกรอบที่มาของสสร.นี้ยังไม่ถือเป็นที่สุดในชั้นนี้เลย ยังต้องรอให้คณะกรรมการชุดใหญ่โดยคุณภูมิธรรม พิจารณาแล้วเสนอต่อครม.เพื่อนำรอไปบรรจุในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา256 ถ้าประชามติของประชาชนเห็นชอบให้ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และสุดท้ายร่างแก้ไขนั้นก็จะไปยุติที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภาที่น่าจะมีคุณพริษฐ์และพรรคก้าวไกลอยู่ในนั้นด้วยแน่นอน จึงยังจะมีทางเดินเพื่อการปรับปรุงแก้ไขที่ยาวไกลอยู่พอสมควร ช่วยประคับประคองกันนะครับ"