"วิโรจน์" เสนอ "ป.ป.ช.-ผู้ตรวจการแผ่นดิน" สอบ "ทักษิณ" นอนชั้น 14 สร้างบรรทัดฐานเท่าเทียมกัน ไม่ใช่คุกมีไว้ขังคนจน
วันที่ 23 ธ.ค.66 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กระบุว่า
[ กรณีชั้น 14 ควรเป็นบรรทัดฐาน ที่ผู้ต้องขังทุกคนสามารถใช้สิทธิได้อย่างเท่าเทียมกัน ]
ต้องยืนยันให้ทุกๆ ท่านทราบก่อนว่า ผมไม่ได้เห็นแย้งกับกรณีการส่งตัวคุณทักษิณ ที่มีอาการป่วยหนักตามคำวินิจฉัยของแพทย์ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการรักษาที่เหนือกว่า รพ.ราชทัณฑ์ และไม่เห็นแย้งเลยหากคุณทักษิณจะได้รับสิทธิในการถูกคุมขังนอกเรือนจำ ในเวลาต่อมา
เพราะผมยืนยันมาโดยตลอดว่า กระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยวที่กระทำต่อคุณทักษิณ คือ ความอยุติธรรม และสิ่งที่คุณทักษิณควรได้รับคือ “ความเป็นธรรม” และเพื่อให้สิ่งที่คุณทักษิณได้รับเป็น “ความเป็นธรรม” ระเบียบหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่ให้สิทธิแก่คุณทักษิณ ไม่ว่าจะเป็น การส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลภายนอก หรือการถูกคุมขังนอกเรือนจำ จะต้องเป็นระเบียบที่มีความชัดเจน มีหลักเกณฑ์ที่มีกลไกตรวจสอบถ่วงดุล ที่ไม่นำไปสู่ปัญหาการเลือกปฏิบัติ การสั่งการอย่างไม่เป็นธรรม และการเรียกรับผลประโยชน์ ที่อาจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้ผู้ต้องขังทุกคนได้รับสิทธิที่เท่าเทียมกันกับคุณทักษิณ มิฉะนั้นสิ่งที่คุณทักษิณได้รับในวันนี้ จะกลายเป็น “อภิสิทธิ” หาใช่ “ความเป็นธรรม” ไม่
ผมคิดว่าควรมีการปรับแก้กฎกระทรวง การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 ให้มีความชัดเจน โดยระบุให้ชัดไปเลยว่า “ถ้าผู้ต้องขังต้องได้รับการบำบัดรักษาเฉพาะด้าน โดยสถานพยาบาลของเรือนจำไม่มีแพทย์เฉพาะด้านนั้น หรือไม่มีเวชภัณฑ์ หรือเครื่องมือในการรักษาการเจ็บป่วยนั้น ให้ส่งตัวผู้ต้องขังไปรับการรักษาในสถานพยาบาลที่มีศักยภาพในการรักษาโรคชนิดนั้น” เพื่อให้ผู้ต้องขังรายอื่นๆ ได้เข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ตรงกับอาการเจ็บป่วยของตน
สำหรับกรณีห้องพักชั้น 14 ของ รพ.ตำรวจ ที่ประชาชนจำนวนไม่น้อยวิพากษ์วิจารณ์ ก็ต้องยืนยันว่าตามกฎกระทรวงฯ ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “ห้ามผู้ต้องขังเข้าอยู่ในห้องพักพิเศษแยกจากผู้ป่วยทั่วไป” แต่เข้าใจว่ารัฐบาลได้ชี้แจงว่า ชั้น 14 ของ รพ.ตำรวจ นั้นได้ถูกใช้เป็นสถานพยาบาลทั่วไปแล้ว ไม่ได้เป็นห้องพักพิเศษแต่อย่างใด ในกรณีนี้ ก็ควรมีระเบียบออกมาให้ชัดว่า ห้องพักชั้น 14 ของ รพ.ตำรวจ นั้นกรมราชทัณฑ์ จะใช้ส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวด้วยโรคชนิดใด หรือต้องมีอาการเจ็บป่วยอย่างไร ถึงจะได้รับการส่งตัวไปยังห้องพักชั้น 14 ของ รพ.ตำรวจ เพื่อให้ผู้ต้องขังรายอื่นๆ ที่มีอาการเจ็บป่วย ที่อยู่ในหลักเกณฑ์เดียวกันกับคุณทักษิณ สามารถใช้สิทธิขอเข้าพักรักษาตัวที่ห้องพักชั้น 14 ของรพ.ตำรวจได้บ้าง ถ้าหากไม่มีระเบียบที่ชัดเจนออกมา ก็ย่อมมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ที่เรียกร้องให้มีการตรวจสอบที่ห้องพักชั้น 14 รพ.ตำรวจ ไม่จบไม่สิ้น
สำหรับระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ระเบียบฉบับนี้ ครอบคลุมถึง การคุมขังนอกเรือนจำ ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงขั้นตอนในการขออนุญาต ก็พบว่ามีปัญหาในเรื่องความโปร่งใสอยู่มาก ซึ่งควรพิจารณาแก้ไขอย่างเร่งด่วน
กล่าวคือ คณะทำงานพิจารณาการคุมขังในสถานที่คุมขัง ซึ่งมีหน้าที่ในการพิจารณากลั่นกรองว่าผู้ต้องขังรายใด ควรได้รับสิทธิในการถูกคุมขังนอกเรือนจำ เป็นคณะทำงานที่ประกอบด้วย รองอธิบดีที่กำกับดูแลกองทัณฑวิทยาเป็นประธาน ผู้อำนวยการกองทัณฑวิทยา ผู้อำนวยการกองทัณฑปฏิบัติ ผู้อำนวยการกองพัฒนาพฤตินิสัย ผู้อำนวยการกองบริการทางการแพทย์ และผู้อำนวยการ กองกฎหมาย และบุคคลภายนอกซึ่งอธิบดีแต่งตั้งจากบุคคลผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านสาธารณสุข 1 คน และด้านสังคมสงเคราะห์หรืออุตสาหกรรม 1 คน เป็นคณะทำงาน โดยมีผู้อำนวยการกลุ่มงานมาตรการ ควบคุมผู้ต้องขัง สังกัดกองทัณฑวิทยา เป็นคณะทำงานและเลขานุการ และข้าราชการสังกัดกองทัณฑวิทยาที่ได้รับมอบหมายอีกไม่เกิน 2 คน เป็นผู้ช่วยเลขานุการให้คณะทำงาน
องค์ประกอบของคณะทำงานจะมีแต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และบุคคลที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์แต่งตั้ง นอกจากนี้ยังได้กำหนดให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติอีกด้วย
เท่ากับว่าระเบียบฉบับนี้ให้อำนาจการพิจารณาแก่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ โดยปราศจากการตรวจสอบถ่วงดุลใดๆ ผมต้องบอกก่อนว่า ผมเห็นด้วยกับแนวคิดของการคุมขังนอกเรือนจำ สำหรับผู้ต้องขังที่สูง มีโรคประจำตัวเรื้อรัง โทษที่เหลืออยู่ไม่มาก ไม่พบพฤติกรรมหลบหนี และไม่พบว่ามีพฤติกรรมที่อาจส่งผลเชิงลบต่อสังคมได้อีก ผู้ต้องขังเหล่านี้ ก็อาจไม่มีความจำเป็นต้องถูกคุมขังในเรือนจำอีกต่อไป ทั้งนี้เพื่อลดความแออัดของเรือนจำไปด้วยโดยปริยาย
แต่ถ้าเราปล่อยให้ระเบียบที่ขาดกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลแบบนี้ ถูกบังคับใช้ ในภายหลังจะนำมาซึ่งปัญหาที่ใหญ่หลวงตามมา เพราะผู้มีอิทธิพล มาเฟียข้ามชาติ ที่ร่ำรวย จะสามารถวิ่งเต้นเสนอผลประโยชน์ หรือวิ่งเต้นขอใบสั่งจากผู้มีอำนาจ เพื่อให้ตน หรือพวกของตน ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ ทีนี้ล่ะครับระเบียบฉบับนี้ ก็จะกลายเป็นระเบียบ #คุกมีไว้ขังคนจน ทันที
ผมจึงคิดว่า สำหรับกฎกระทรวง และระเบียบที่พบว่าอาจมีปัญหาเหล่านี้ จึงควรมีการทำหนังสือถึง ป.ป.ช. เพื่อให้ ป.ป.ช. ใช้อำนาจตาม มาตรา 32(3) ในการเสนอแนะต่อรัฐบาลให้มีการปรับปรุงกฎกระทรวง และระเบียบดังกล่าว หากพบว่ามีช่องทางให้มีการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ ตลอดจนใช้อำนาจตามมาตรา 35 ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีของชั้น 14 รพ.ตำรวจ เพื่อยืนยันว่าห้องพักชั้น 14 นั้นยังคงเป็นห้องพักพิเศษอยู่หรือไม่ หรือได้รับการปรับปรุงให้เป็นสถานพยาบาลทั่วไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ก็ควรทำหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดินด้วย เพื่อให้ผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาใช้อำนาจตาม มาตรา 22, 32 และ 33 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้มีการแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และมีการเสนอแนะให้มีการปรับปรุงกฎกระทรวง และระเบียบ ฉบับดังกล่าว หากพบว่ามีขั้นตอนใดก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชน
เมื่อ ป.ป.ช. และผู้ตรวจการแผ่นดิน ดำเนินการตรวจสอบจนสิ้นข้อสงสัย และพิจารณาดำเนินการตามสมควร ก็จะทำให้ข้อสงสัย และการวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น และจะทำให้กฎกระทรวง การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ และระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง ได้รับการปรับปรุงให้มีความเป็นธรรม และเกิดประโยชน์แก่ผู้ต้องขังทุกคนอย่างเสมอภาคกัน
#วิโรจน์ลักขณาอดิศร #พรรคก้าวไกล #นักโทษเทวดา #กรมราชทัณฑ์ #ผู้ตรวจการแผ่นดิน #ปปช #ทักษิณชินวัตร