วันที่ 23 ธันวาคม 2566 นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ที่มีผลสรุปออกมาว่าจะจัดทำให้มีออกเสียงประชามติแก้รัฐธรรมนูญถึง 3 ครั้ง  ว่า การแก้รัฐธรรมนูญถือเป็น 4 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้กับสภาไว้แล้วก็ตาม แต่เรื่องแรกตนมองว่า ควรให้น้ำหนักความสำคัญกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง สร้างรายได้ พัฒนาอาชีพ ความเป็นอยู่ให้กับประชาชนในภาพรวมทั้งประเทศมาเป็นอันดับแรกก่อน ควบคู่ไปกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยกเว้นหมวด1 และหมวด 2 เนื่องจากที่ตนรับฟังเสียงสะท้อนของพี่น้องประชาชนจากการลงพื้นที่มา  ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องการให้รัฐบาลเร่งสร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจ แก้ปัญหาความเดือดร้อนปากท้องความเป็นอยู่ของประชาชนมาเป็นเรื่องแรก เพราะหลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 มา  เศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ รายได้ไม่เพิ่ม แต่ภาระค่าใช้จ่ายยังเท่าเดิม 

เมื่อถามว่า แต่การแก้รัฐธรรมนูญก็ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่แถลงต่อสภารัฐบาลควรทำอย่างไร นายธนกร กล่าวว่า นโยบายเร่งด่วนมี 4 เรื่อง แก้ปัญหาหนี้สิน ให้เกษตรกร ประชาชนและภาคธุรกิจ  การลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม และค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและ เร่งผลักดันสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวจากการจัดเทศกาลต่าง ๆเพื่อดึงเม็ดเงินเข้าประเทศ และการแก้ รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น  ตนเห็นว่า การทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญสามารถทำควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไปด้วยกัน 

“เห็นด้วย เรื่องการทำแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยกเว้นหมวด 1 หมวด 2  ถ้าคณะอนุกรรมการฯมีผลสรุปว่าควรทำประชามติ 3 ครั้ง การใช้งบประมาณที่กกต.แจ้งว่าจะใช้ครั้งละ 3,200 ล้านบาทนั้น เท่ากับต้องใช้งบประมาณสูงถึง 9,600 ล้านบาท จึงขอให้มีการพิจารณาทำประชามติ พ่วงไปกับการเลือกตั้งท้องถิ่นเพื่อลดการใช้งบประมาณลง เพื่อให้สามารถแก้รัฐธรรมนูญควบคู่กับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไปพร้อมกันได้โดยไม่ใช้งบประมาณมากจนเกินไป” นายธนกร ระบุ