วันที่ 22 ธ.ค. 66 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส โดย พล.ต.ต.ไมตรี สัตยากุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส นายสังคม เกิดก่อ ปลัดจังหวัดนราธิวาส นาวาโท ธียุทธ ภักดีศักดิ์ หัวหน้าฝ่ายข่าว หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ และผู้แทน ผบ.ฉก.นราธิวาส ได้ร่วมกันแถลงข่าว การจับกุมคดีเครือข่ายยาเสพติดและคดีน่าสนใจ 3 คดี
พล.ต.ต.ไมตรี สัตยากุล ผบก.ภ.จ.นราธิวาส ได้กล่าวว่า ตำรวจภูธรจังหวัด ได้บูรณาการทำงาน ตำรวจ ปกครอง ทหาร และหน่วย ปปส. ภายใต้นโยบายรัฐบาลให้มีการปราบปรามยาเสพติดอย่างงจริงจัง ถือเป็นนวาระแห่งชาติ ซึ่งในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ เป็นแหล่งแพร่ระบาดยาสเพติด เป็นแหล่งจุดพักยา และเป็นเส้าทางงลำเลียงไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ ระดมสรรพกำลังเพื่อขับเคลื่อนนโยบายในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ในการปราบปราม อย่างจริงจังและต่อเนื่องตลอดมา โดยสามารถดำเนินการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น จับกุม ทำลายโครงสร้างสร้างเครือข่ายกระบวนการผู้ค้ายาเสพติด ซึ่งมีความคืบหน้าทางคดี นำขยายผลคดียาเสพติดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ที่จังหวัดนราธิวาส
คดี 1. จับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาเสพติด (ยาบ้า) 27,955 เม็ด บริเวณบนถนนทางเข้านสะแต ม.4 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จว.นราธิวาส ต่อเนื่องบนถนนหน้าไม่มีเลขที่ท่าเทียบเรือนราธิวาส ต.บางนาค อ.เมือง จว.นราธิวาส เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 เจ้าหน้าที่ที่ตำรวจชุดจับกุมผู้ต้องหาคือ นาย อิสมาแอ , นาย อาบูบากา และ นาย ซลูกีปลี คดี 2. จับกุมผู้ต้องหาหาพร้อมด้วยยาเสพติด (ยาบ้าา) จำนวน 20,000 เม็ด คาร์แคร์ร้าง ไม่มีเลขที่บ้าน ปูโปะ ม.๔ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จว.นราธิวาส ได้ผู้ต้องหาคือ นายสมพัตร อยู่ขั้นตอนขยายผลผู้เกี่ยวข้อง
คดี 3. วันที่ 18 ธันวาคม 66 เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหา พร้อมของกลางยาเสพติด (ยาไอซ์) จำนวน 10 ก้อน น้ำหนัก 10 กิโลกรัม บริเวณ หัวสะพานริมถนนข้างปั้ม ปตท.ยี่งอ อ.ยี่งอ จว.นราธิวาส ผู้ต้องหาคือ นายสุชีพ พบยาเสพติด (ยาตรวจสอบนาย สุชีพฯ ให้การว่า ได้รับการติดต่อจาก จาก นายเฮีย (ไม่ทราบทราบชื่อนามสกุล) ให้นำยาไอซ์ มาส่งว จนถูกเจ้าหน้าที่จับกุม ดำเนินคดี และขยายผลถึงเครือข่ายยาเสพติด
รวมของกลางที่ตรวจยึดทั้ง 3 คดี
1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าา) ชนิดเม็ดสีแดงพิมพ์อักษร WY และเม็ดสีเขียวปะปน ประทับ อยู่บนตัวยาบรรจุในถุงพลาสติกชนิดรีดปากสีน้ำเงิน และสีชมพูพิมพ์อักษร A ด้านหนึ่ง มัดด้วยยาเส้น บรรจุอยู่ในกระสอบปุย จำนวน 14 ก้อน ก้อนละ 10 ถุงฯละ 200 เม็ด รวมจำนวนยาบ้า 27,955 เม็ด
2. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ชนิดเม็ดสีแดงพิมพ์อักษร WY และเม็ดสีเขียวปะปน ประทับ อยู่บนตัวยาบรรจุในถุงพลาสติกชนิดรีดปากสีน้ำเงิน และสีชมพูพิมพ์อักษร A ด้านหนึ่ง มัดด้วย 20 ถุงฯละ 200 เม็ด รวมจำนวนยาบ้า 20,000 เม็ด
3. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์ จำนวน 10 ก้อน น้ำหนัก 10 กิโลกรัม บรรจุในถุง
กระสอบปุ้ย ใส่รวมกัน 10 ก้อนน น้ำหนัก 10 กิโลกรัม
4. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ วี่โว้ สีดำ จำนวน 1 เครื่อง
5. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ทรูสีฟ้า จำนวน 1 เครื่อง
6. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ออพโป้ สีฟ้า จำนวน 1 เครื่อง
7. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ออฟโป้สีเทา จำนวน 1 เครื่อง
8. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ไอโฟน 11 สี ดำ จำนวน 1 เครื่อง
9. รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่นดีแมกซ์ หมายเลขทะเบียน นราธิวาส
10. รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ มิซูบิชิ รุ่น ไทรทัน สีขาว หมายเลขทะเบียน นราธิวาส
11. รถยนต์เก๋งโตโยตา รุ่น ออติส สีขาว หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร
12.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ ดีแมก สีบอร์นเทา หมายเลขทะเบียน สงขลา
13.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้ายารีส สีดำ หมายเลขทะเบียน สุราษธานี
14.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ เอ็มจี สีเหลือง หมายเลขทะเบียน นครศรีธรรมราช
รายชื่อผู้ต้องหา 5 ราย
๑.นายอิสมาแอ อายุ ๔๘ ที่อยู่ ๔๐/๔ ม.๕ ต.กะลุวอเหนือ อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส
๒. นายอาบูบากา อายุ ๔๒ ปี ที่อยู่ ๑๐๐/๓ ถ.พิทักษ์ลิขิต ต.บางนาค อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส
๓.นายซูลกีปลี อายุ ๔๑ ปี ที่อยู่ ๘๖/๓ ม.๔ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จว.นราธิวาส เลข
4. นายสมพัตร อายุ ๔๙ ปี ที่อยู่ ๑๔๔ ม.๒ ต.เกตรี อ.เมืองสตูล จว.สตูล เลขประจำตัว
5. นายสุชีพ อายุ 38 ปี ที่อยู่ 114 ม. 3 ต.นาหมอบุญ อ.จุฬาภรณฺ จ.นครศรีธรรมราช
6. นายอุทิศ อายุ 38 ปีที่อยู่ 110 ม. 1 ต.นาหมอบุญ อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช
จากการสืบสวนและขยายผลเครือข่าย ยาเสพติดของจังหวัดนราธิวาส จำนวน 3 คดี รวมผู้ต้อหารา 6 คน
รวมยึดทรัพยมูลคค่ากว่า 4 ล้านบาทและยังอยู่การขยายผลเพิ่มเติม ต่อไป
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การจับกุมเครือข่ายยาเสพติดจะมีความเข้มข้น ทั้งในพื้นที่ และตามชายแดน ร่วมถึงมาตรการ ควบคู่ ในการักษาความมั่นคง และป้องกันความไสงบในช่วงระหว่าง ส่งท้ายปีเก่า รับปีใหม่ 67 เจ้าหน้าที่จะรดมกวาดล้างสิ่งผิดกฎหมายและ จะสกัดกั้นผู้ไม่หวังดี ที่จะแอบแฝงเข้าพื้นที่ มาก่อเหตุในช่วงเทศกาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ปกครอง จะเพิ่มความเข้มข้นมาตรการความปลอดภัยให้มากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นกับประชาชน ตามนโยบายคำสั่ง กอ.รมน.ภาค.4