วันที่ 21 ธ.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงมาตรฐานการทำงานของพนักงานสอบสวนในคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ว่า ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่และรู้สึกพอใจผลการปฏิบัติงานในคดีนี้ ซึ่งคดีดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นการทำงานที่ยากมาก เนื่องจากคดีนี้ไม่มีพยานหลักฐานในอากาศ ไม่มีประจักษ์พยานใดๆ แต่เจ้าหน้าที่โดยเฉพาะฝ่ายสืบสวนได้พยายามสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด โดยเฉพาะหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ คือเส้นผมของน้องชมพู่ ที่ถูกตัด และพยานบุคคลที่ให้การมาตั้งแต่ต้น และไม่เคยกลับคำให้การเลย ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้สำนวนมีความแน่นหนาในระดับหนึ่ง จนทำให้ศาลเชื่อและมีคำพิพากษาดังกล่าวได้
ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาได้โต้แย้งว่า ไม่ได้รับความชอบธรรมในการเข้าตรวจค้นรถของตนเองนั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิ์ที่ผู้ต้องหาสามารถทำได้ แต่เจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน และการที่ศาลยกฟ้องนั้นก็เนื่องจากมีเหตุอันควรสงสัย จึงยกประโยชน์ให้จำเลย แต่หากมีพยานหลักฐานอื่นๆ ก็สามารถเพิ่มเติมในชั้นอุทธรณ์ได้
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่า จะต้องยกคดีของลุงพลนี้เป็นโมเดลในการปรับปรุงพัฒนางานสืบสวนในอนาคต ทั้งการวิเคราะห์พฤติกรรมศาสตร์ของคนร้าย และการสืบสวนแบบดั้งเดิม (back to basic) ซึ่งวานนี้ (20 ธ.ค.) ได้แจ้งกับที่ประชุมของกองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล แล้วว่าให้ฝึกนักสืบรุ่นใหม่ๆให้สามารถสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งประจักษ์พยานและพยานแวดล้อมด้วยวิธีแบบดั้งเดิม ยกระดับให้มีความเป็นสากลและมืออาชีพมากขึ้น