วันที่ 21 ธ.ค.66 ที่ บก.สอท.1 พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1.กล่าวว่าสืบเนื่องจาก เมื่อประมาณเดือน มิถุนายน 2566 ผู้เสียหายได้เข้าใช้งานแอปพลิเคชัน Facebook
ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อหนึ่ง ทักมาหาผู้เสียหายพูดคุยกันจนเกิดความสนิทและเชื่อใจ
จากนั้นคนร้ายชักชวนผู้เสียหายลงทุน ผ่านแพลตฟอร์ม หนึ่ง อ้างว่าได้กำไรจากการเทรดจำนวนมาก ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงซื้อเหรียญผ่าน แบบ ลงทุน 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ล้านบาท รวมเสียหายในแพลตฟอร์มดังกล่าว 2,000,000 บาท โดยการโอนใส่กระเป๋ า Binance คนร้ายเพื่อให้ไปลงทุน จากนั้นคนร้ายยังได้ชักชวนผู้เสียหายลงทุนอีกแพลตฟอร์มเสียหายเพิ่มเติมอีก 296,250 บาท โดยการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารซึ่งผู้เสียหายได้โอนเงินไปให้คนร้ายทั้งหมด จ านวน 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 2,296,250 บาท เมื่อต้องการที่จะถอนเงินหรือยอดกำไรไม่สามารถถอนเงินได้ คนร้ายจะอ้างด้วยเหตุผลต่าง ๆ เพื่อให้โอนเงินเพิ่มเรื่อย ๆ ถึงจะสามารถถอนเงินได้ สุดท้ายแล้วไม่ได้รับเงินคืน จึงทราบว่าถูกหลอกลวงทำให้ได้รับความเสียหาย และมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ค าช านาญ รอง ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1, พ.ต.อ.ปรีดา คงจัด รอง ผบก.สอท.1 และ พ.ต.อ.ศุภรฐโชติจ าหงษ์ ผกก.3 บก.สอท.1 เร่งสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระท าผิดมาลงโทษตามกฎหมาย จนเจ้าหน้าที่ต ารวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออ านาจศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้เพื่อตัดวงจรการหลอกลวงออนไลน์
ต่อมา วันที่ 20 ธ.ค. 2566 เวลาประมาณ 18.00 น. พ.ต.อ.ศุภรฐโชติ จ าหงษ์ ผกก.3 บก.สอท.1 ได้สั่งการพร้อมชุดสืบสวน กก.3 บก.สอท.1 เข้าร่วมจับกุมตัว นางแสนดี แก้วปะเสิด อายุ 46 ปี สัญชาติลาว หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ ตามหมายจับ ศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.1237/2566 ลงวันที่ 24 พ.ย. 2566 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่นและโดยทุจริตหรือหลอกลวง น าเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคลใดบุคคลหนึ่ง” โดยควบคุมตัวได้ที่ บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองชายแดนบ้านฮวก ต.ภูซาง อ.ภูซาง จว.พะเยา จึงน าตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป