ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ / ทหารประชาธิปไตย

สำนักข่าว AP รายงานว่านายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ที่บาห์เรน อันเป็นที่ตั้งของฐานทัพกองเรือที่ 5 ของสหรัฐฯว่า “อังกฤษ บาห์เรน แคนาดา ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ เซเชลส์ และสเปน จะให้การร่วมมือกับกองเรือของสหรัฐฯ ในการปกป้องเส้นทางการค้าในทะเลแดง โดยบางประเทศจะร่วมขบวนปกป้องเส้นทางการค้าในทะเลแดง บางประเทศจะร่วมขบวนตรวจการณ์ และบางประเทศร่วมในด้านการข่าว”

ทั้งนี้เพราะเส้นทางดังกล่าว ไม่มีความปลอดภัยในการเดินเรือ เนื่องจากถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธจากกองกำลังฮูตี ที่ยึดที่ตั้งอยู่ที่ช่องแคบบาบอัลมันดับ ที่ปากทะเลแดงอันมีความกว้างเพียง 3 กม.เท่านั้น

ทว่าปฏิบัติการของฮูตีนั้น มันมิใช่การปฏิบัติการแบบไร้ความเกี่ยวโยง เหมือนการกระทำของโจรสลัดโซมาเลีย

แต่กองกำลังฮูตี ประกาศชัดเจนว่าจะโจมตีเรือทุกลำที่เป็นพันธมิตรกับอิสราเอล เรือของอิสราเอล และเรือที่จะมุ่งหน้าไปอิสราเอล ไม่ว่าจะผ่านคลองสุเอซ หรือจะไปเมืองท่าอีลัทของอิสราเอล ในอ่าวอักบาร์ของอียิปต์ ตราบใดที่ยังไม่มีการหยุดยิง อย่างถาวร และมีการยินยอมให้มีการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม เข้าไปในกาซา ทั้งทางบกและทางทะเล เพื่อให้นำอาหารและปัจจัยที่จำเป็นในการดำรงชีวิตไปให้ชาวกาซากว่า 2 ล้านคน ที่ถูกอิสราเอลปิดล้อมและโจมตี โดยขัดกับหลักมนุษยธรรม

นี่แสดงว่าวิกฤติการณ์ในทะเลแดง นั้นเกี่ยวกันกับเหตุการณ์ในกาซา และกำลังขยายวงออกไปเป็นวิกฤติการณ์ในภูมิภาค จนเลยเถิดเป็นวิกฤตการณ์นานาชาติ

แต่เมื่อสหรัฐฯได้มีการระดมกำลังทางเรือที่จะแก้ปัญหาในทะเลแดง ที่กลายเป็นปัญหานานาชาติ เพราะมันเป็นเส้นทางสำคัญในการขนส่งทางทะเล ไปมาระหว่างยุโรป-เอเชีย ที่ย่นย่อและประหยัดต้นทุนการขนส่งมากที่สุด จึงทำให้ต้นทุนการขนส่งทางเรือในเส้นทางนี้สูงขึ้นมาก เพราะต้องไปวิ่งอ้อมทวีปแอฟริกา จนทำให้สายการเดินเรือ ที่ขนสินค้าพลังงานและอาหารต้องเพิ่มค่าระวาง และค่าประกันภัยสูงขึ้น ก่อให้เกิดผลกระทบทั้งยุโรปและเอเชีย

อย่างไรก็ตามการแก้ปัญหาดังกล่าวของสหรัฐฯที่อ้างว่าเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนานาชาติ รวมทั้งอิสราเอลเป็นสำคัญนั้น จะยุติได้โดยง่าย โดยไม่ต้องใช้กำลังและสิ้นเปลืองงบประมาณของนานาชาติ นั่นคือ สหรัฐฯให้การสนับสนุนมติของคณะมนตรีความมั่นคง ที่จะให้มีการหยุดยิงในสงครามกาซา และเปิดให้มีการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ทั้งทางบกและทางทะเล

ทั้งนี้เพราะปฏิบัติการโจมตีเรือในทะเลแดงของฮูตี นั้นไม่ใช่การก่อการร้าย แต่เป็นการกระทำที่มุ่งให้เกิดสันติภาพในตะวันออกกลาง ด้วยการหยุดยิง ระหว่างฮามาส-อิสราเอล ต่างหาก

ถ้าอิสราเอลไม่ดึงดันที่จะกวาดล้างฮามาส ด้วยการปิดล้อมด้านอาหาร ยารักษาโรค และสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตอันเป็นการทำร้าย เข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์ในกาซา ตลอดรวมไปถึงการโจมตีด้วยกองกำลังต่างๆของตนเพื่อบีบให้ฮามาสยอมแพ้ โดยการปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลมุ่งไปที่พลเรือนกาซา จนเกิดการล้มตายกว่า 20,000 คน ในจำนวนนี้มีเด็กเกือบ 1 หมื่นคน แล้ว

อนึ่งสหรัฐฯ ที่หนุนอิสราเอล ในการทำสงครามด้วยเงิน อาวุธและกำลังสนับสนุน ยังดำเนินการขัดขวางมติของคณะมนตรีความมั่นคง ที่จะออกมติให้หยุดยิง และทำการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวกาซา อันเป็นความขัดแย้งกับมติของสมัชชาใหญ่ สหประชาชาติ ที่มีมติถึง 153 เสียง ให้หยุดยิง และนำการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ตลอดจนการสร้างสันติภาพ อันเป็นภารกิจหลักของสหประชาชาติ

อย่างไรก็ตามยังมีหนทางอีกประการที่จะแก้ปัญหาวิกฤติการณ์กาซา ด้วยมติของสมัชชาใหญ่ โดยทำตามมติที่ 377 A วรรคที่ 5 ที่เรียกว่า “ความสามัคคีเพื่อสันติภาพ” ที่ระบุว่า “ในกรณีใดที่คณะมนตรีความมั่นคงขาดความเป็นเอกฉันท์ ในหมู่สมาชิกถาวร 5 ประเทศ ที่ล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาความมั่นคง และสันติภาพระหว่างประเทศ สมัชชาใหญ่ก็สามารถดำเนินการโดยเร่งด่วนที่จะจัดตั้งกองกำลังรักษาสันติภาพ เพื่อระงับเหตุและสร้างสันติภาพ”

ทั้งนี้การประกาศใช้มติดังกล่าวเคยถูกใช้มาแล้วเมื่อปีค.ศ.1950 วันที่ 12 กันยายน ในสงครามเกาหลี ที่สหภาพโซเวียตทำการวีโต้ จนคณะมนตรีความมั่นคงทำงานไม่ได้ และปีค.ศ.1956 ในสงครามคลองสุเอซ ที่อังกฤษและฝรั่งเศสทำการวีโต้โดยตลอด

ครั้งนี้ถ้าสหรัฐฯยังดึงดันวีโต้มิให้มีการลงมติให้หยุดยิง และช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแล้วก็มีความเป็นไปได้ที่สมัชชาใหญ่อาจประกาศใช้มติทั้ง 377 A วรรคที่ 5

นั่นจะเป็นการแสดงที่ชัดเจนว่าสหรัฐฯฝืนกระแสโลก และไม่ได้มีเจตนาสร้างสันติภาพ นอกจากจะทำให้สงครามขยายตัว ด้วยการจัดตั้งกองเรือมาควบคุมวิกฤติทะเลแดง อันจะกลายเป็นปัญหานานาชาติ แทนที่จะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือการหยุดยิงและช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ตามมติของสมัชชาใหญ่ ซึ่งทำได้อย่างง่ายๆ คือ สนับสนุนมติคณะมนตรีความมั่นคง ตามมติของสมัชชาใหญ่

อนึ่งท่าทีของจีนในการจัดตั้งกองเรือควบคุมทะเลแดงนี้ จีนโดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ หวัง เหรินปิน กล่าวว่าจีนจะร่วมในปฏิบัติการตามมติสหประชาชาติ โดยเฉพาะในเรื่องการปราบปรามโจรสลัด แต่ในกรณีฮูตี เยเมน มันเป็นกรณีที่เกี่ยวเนื่องกับกาซา และอาจแก้ไขได้ที่ต้นเหตุ แม้จีนจะได้รับผลกระทบจากการขนส่งทางเรือผ่านทะเลแดงก็ตาม แต่จีนก็ไม่ต้องการทำให้เหตุการณ์บานปลายออกไป โดยการแก้ปัญหาที่ผิดๆแบบนี้ (ของสหรัฐฯ)

ด้านสหพันธรัฐรัสเซีย การเยือนของประธานาธิบดีปูติน และมีการพบปะกับมกุฎราชกุมาร ซาอุดีอาระเบีย และมกุฎราชกุมารสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ ตลอดจนการต่อสายตรงกับเนทันยาฮู และประธานาธิบดีอียิปต์ พล.อ.ซีซี่

ตลอดจนเมื่อกลับถึงมอสโก ก็ได้ต้อนรับประธานาธิบดีอิหร่าน นายราอิซี ตามด้วยมกุฎราชกุมารโอมาน ก็นับว่าเป็นสัญญาณว่ารัสเซีย มีท่าทีจะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งดังกล่าว

ตอนนี้ก็เหลือแต่สหรัฐฯ และพันธมิตรที่ยังมีท่าทีกระหายสงคราม ขัดต่อมติสหประชาชาต และกระแสของโลก

คิดผิดคิดใหม่ได้นะ