บิ๊กต่อเค้นสอบเอง ผู้ต้องหายิงครูเจี๊ยบ

 บิ๊กต่อลุยเอง! เค้นสอบ 2ผู้ต้องหาคดียิงครูเจี๊ยบ-น้องหยอดเสียชีวิต ด้านแม่น้องหยอด บุกศูนย์สืบ บช.น. ดูหน้ามือยิง ยันเรียกร้องความยุติธรรมถึงที่สุด ฝากขังแฟนสาวคนขับรถพามือยิงน้องหยอด-ครูเจี๊ยบหนี  คัดค้านประกันตัว

     ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล จับกุมตัว นายอนาวิน แก้วเก็บ มือยิงครูเจี๊ยบและน้องหยอด และนายกฤติ ล้ำเลิศ หรือทิว ได้ที่บริเวณลานกางเต้นต์ดอยปุย จ.เชียงใหม่ 
 

   ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาถึงกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ตั้งแต่เช้ามืดโดยมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เดินทางมาสอบปากคำด้วยตนเอง
 

   พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยผลการสอบปากคำนายอนาวิน มือยิงนักศึกษาอุเทนถวาย และอาจารย์โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ และนายกฤติ หรือทิว ที่ถูกจับกุมตัวได้บริเวณลานกางเต็นท์ดอยปุย จ.เชียงใหม่ ว่า จากการพูดคุยผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย นายวิน รับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือยิงจริง มีแรงจูงใจจากเรื่องสถาบัน และรู้สึกสำนึกผิด ตั้งใจจะไปทำบุญถวายสังฆทานให้ครูเจี๊ยบ นอกจากนี้ยังพบว่านายวิน เป็นเด็กหัวอ่อน กำลังจะขึ้นชั้นปีที่ 2 จึงมีการสร้างวัฒนธรรมรับน้องอย่างผิดๆ แต่จากการตรวจสอบไม่พบสัญลักษณ์รูปฟันเฟืองที่ตัวนายวิน ส่วนผู้ต้องหาอีกราย คือ นายทิว ยังไม่รับสารภาพ โดยปัจจุบันเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายนี้ได้แล้วทั้งหมด 24 ราย จากทั้งหมด 26 หมายจับ อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมอีก 2 ราย
 

   "หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะขยายผลเพื่อทำลายองค์กรอาชญากรรมกลุ่มนี้ให้ได้ทั้งหมดทั้งขบวนการ ไม่ใช่เพียงการจับรายคดีเท่านั้น รวมถึงจะดำเนินการกับกลุ่มที่โพสต์รูปปืนข่มขู่ครอบครัวของผู้เสียหาย ส่วนกลุ่มที่ไปข่มขู่ญาติของผู้เสียหายที่บริเวณศาลอาญา กรุงเทพใต้ เนื่องจากเป็นการละเมิดอำนาจศาล ต้องให้ศาลเป็นผู้ดำเนินการ" ผบ.ตร. กล่าว
   

 ผบ.ตร. กล่าวว่า ส่วนมาตรการแก้ไขในระยะยาวนั้น นอกจากจะให้เจ้าหน้าที่สายตรวจคอยสอดส่องดูแลในพื้นที่เสี่ยงแล้ว ยืนยันว่าจะต้องขอความร่วมมือจากสถาบันอาชีวศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงศึกษาธิการ ให้เข้ามาช่วยเหลือ บังคับใช้ระเบียบ มาตรการ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหานี้
 

   "อาจต้องพิจารณาย้ายสถาบันคู่ขัดแย้ง ไม่ให้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อลดการเผชิญหน้าและเพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งขอชื่นชมทีมสืบสวนนครบาลที่ทำงานอย่างมืออาชีพ ถึงแม้ไม่ได้มีการให้ข่าวบ่อยๆก็เพื่อเป็นการยกระดับการทำงานให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานอย่างรอบคอบ เพื่อให้สำนวนคดีรัดกุมมากที่สุด ขอให้ประชาชนวางใจได้ รวมถึงจะต้องรื้อคดีเก่าที่มีความเกี่ยวข้องขึ้นมาตรวจสอบด้วย" ผบ.ตร. กล่าว
 

   ขณะเดียวกัน น.ส.พรพิมล จำเมือง อายุ 50 ปี แม่น้องหยอด ได้เดินทางมาที่บช.น. โดยได้กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาดูผู้ต้องหา และขอให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย เพราะคนพวกนี้สำนึกไม่เป็นและไม่กลัว มาถึงจุดนี้ก็ต้องไปให้ถึงที่สุด และมั่นใจว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับกุมคนที่หลบหนี โดย 99% ยอมรับว่าอยากเห็นตัวนายเลาะ มากที่สุด เพราะอยากดูหน้าคนที่โหดเหี้ยมสั่งให้ฆ่าคนให้ตายได้ ว่ามีหน้าตา แววตา สายตา เป็นอย่างไร และจิตใจทำด้วยอะไร

       ก่อนเดินทางมาได้จุดธูปบอกกับลูกชายว่า วันนี้จะเดินทางมาเพื่อดูหน้าของคนร้ายตอนนี้เข้าใกล้ความจริงแล้ว ขอให้คนที่สั่งฆ่า ไปไหนไม่รอดถึงทางตัน น้องหยอดจะได้ไปแบบไม่ต้องมีห่วงอะไรซักที เพราะเวลานี้ รู้ว่าน้องหยอดยังคงวนเวียนกังวลอยู่
 

   วันเดียวกัน พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ได้ควบคุมตัวน.ส.อัญญารัตน์ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.1203/2566 ในข้อหาสนับสนุนร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อขออำนาจศาล ฝากขังผัดแรก โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัว 
 

   สำหรับน.ส.อัญญารัตน์ เป็นเพื่อนสาวคนสนิทของนายนพวุฒิ ซึ่งเป็นบุคคลที่ขับรถพานายอนาวิน และนายอับดุลเลาะ หลบหนีไปยังจ.สุพรรณบุรี หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงน้องหยอดและครูเจี๊ยบ จากนั้นน.ส.อัญญารัตน์ได้ขับรถ honda accord สีทอง ไปรับนายนพวุฒิกลับมายังกรุงเทพฯ