สองมือปราบ-อัยการ-ทนาย เผย 2 ทางเลือก “ลุงพล” หมอบเพื่อลดโทษ หรือ สู้สุดซอย! ต้องชดใช้ “แม่น้องชมพู่” 2 ล้าน 
 
เรียกว่าเป็นมหากาพย์บ้านกกกอก กรณี “ลุงพล ไชย์พล วิภา” ตกเป็นผู้สงสัยในการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่” เด็กหญิงวัย 3 ขวบ เสียชีวิตบนภูเหล็กไฟ จังหวัดมุกดาหาร ล่วงเลยมาเป็นเวลา 3 ปี 7 เดือน จนวันนี้ (20 ธ.ค.66) ศาลจังหวัดมุกดาหารได้มีคำพิพากษาตัดสินให้ลุงพลจำคุก 20 ปี ยกฟ้อง “ป้าแต๋น” ภรรยาลุงพล แต่ทั้งคู่ต้องร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ “แม่น้องชมพู่” เป็นเงิน 2 ล้าน โดยล่าสุดลงพลได้รับการประกันตัวไปเรียบร้อยแล้ว 

รายการโหนกระแส ออกอากาศวันที่ 20 ธ.ค. 66 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 ได้สัมภาษณ์ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด, พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส สำนักงานการสอบสวน, ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล 

อาจารย์ตามเรื่องนี้และวิเคราะห์มาตลอด และอาจารย์เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่รอด?
ปรเมศวร์ : หนึ่ง ท่านผบ.ตร.เป็นคนสอบสวน และเขาตั้งข้อหา  ทีแรกผมไม่เข้าใจ เขาตั้งข้อหาต้องรอผลชันสูตรพลิกศพเกือบปี ปกติชันสูตรพลิกศพต้องเสร็จภายใน 67 วันแต่ก็ไม่มีการแถลง จนอยู่มาวันนึง ท่านสุวัฒน์ แจ้งข้อหา พรากผู้เยาว์ ทอดทิ้งเด็ก ทำลายศพ พรากผู้เยาว์ผมถึงนึกออกว่าต้องมีคนเห็นครั้งสุดท้าย ต้องเห็นลุงพล หรือไม่ก็มีพยานแวดล้อมชี้ชัดว่าลุงพลเกี่ยวข้อง ไม่งั้นเขาตั้งข้อหาพรากผู้เยาว์ไม่ได้ เสร็จแล้วผลชันสูตรพลิกศพ ขาดน้ำ ขาดอาหาร นั่นหมายความว่าถูกทอดทิ้ง เขาตั้งมาถูกนะ พอทำลายศพ ผมพูดว่าอาจจะยาก แต่พอไปถึงอัยการ เขาตั้งข้อหา 288 ฆ่าโดยเจตนาโดยเล็งเห็นผลว่าเด็กอาจจะตายได้ พอศาลตัดสินวันนี้ชัดเลย ศาลบอกหนึ่งพรากผู้เยาว์ สองประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย สามไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่า แต่ประมาทเพราะเอาเด็กไปทิ้ง การทำลาย การเคลื่อนย้ายศพ ก็ยอมรับว่าพยานหลักฐานอาจไม่พอ 

นี่ถือว่าเต็มแม็กซ์มั้ย?
ปรเมศวร์ : เต็มแล้วครับ

ตามข่าวส่งฟ้องฐานความผิดฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา?
ปรเมศวร์ : อันนี้อัยการแจ้งเพิ่มเติมทีหลัง

พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากบิดามารดา ผู้ปกครอง ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกิน 9 ปีถึงแก่ความตาย ร่วมกันกระทำใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อม เรียกว่าอำพรางแหละ?
ปรเมศวร์ :   ทอดทิ้งเด็กกับประมาทถึงแก่ความตาย ศาลลงเป็นกรรมเดียวกัน ไม่ได้แยกสองกรรม ฉะนั้นลงสองข้อหาหลักถูกแล้ว พรากก่อน พาไปทำให้เด็กตาย พูดง่ายๆ พาไปแล้วทำให้ตาย ส่วนกระทำโดยประมาท ศาลมองว่าประมาท แต่อัยการมองว่าเจตนา จึงตั้งข้อหาทีหลัง อัยการเห็นว่าทิ้งเด็ก เล็งเห็นได้ว่าเด็กอาจจะตาย แต่ศาลมองว่าประมาท ผมว่าไปได้ 

เจตนากับประมาทต่างกัน?
ปรเมศวร์ : เจตนาคือตั้งใจให้ตาย เอาไปทิ้งเลย แต่เราไม่รู้ในสำนวน อาจมีข้อขัดแย้งเล็กน้อย เอาไปทิ้งเดี๋ยวไปเอาคืน อะไรแบบนั้นหรือเปล่า จนกระทั่งตาย ผมเชื่อว่าไม่น่าจะฆ่า ผมคุยกับพี่เรวัช รองแต้ม ก็เห็นตรงกัน ไม่น่าตั้งใจฆ่าหรอก พอศาลบอกประมาทก็โอเค

พี่เรวัช?
เรวัช : ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ทีแรกแล้ว ที่จริงอยากให้ตัดสินหลังรายการออกด้วยซ้ำไป จะได้รู้ว่าเราวิเคราะห์ถูก เรื่องนี้เป็นเรื่องสะเทือนใจมาก เอาเด็กไปทำอย่างนี้ได้อย่างไร ผมเองโดยส่วนตัวก็สนิทกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ก็เร่งว่าเมื่อไหร่จะจับสักทีวะ มันก็รู้อยู่แล้วว่าไอ้ลุงพลมันก่อเหตุ 

เรียกลุงเฉยๆ ไม่ได้เหรอ?
เรวัช : มันอ่อนกว่าผมเยอะ จะไปเรียกนายพลก็ไม่ได้ เราก็มองกับทีมชุดสอบสวน ว่าทำไมตรวจเส้นผมนานนักวะ สุวัฒน์ เขาคือมือสอบสวน ถ้าเราจะไม่มั่นใจ เราปล่อยคนผิดไปสิบคน ดีกว่าเอาคนบริสุทธิ์คนนึงเข้าคุก มันบาป เราฟันธงกันแล้ว แต่การทำให้อัยการเชื่อตามเรามันต้องมีหลักฐาน ผมก็บอกนกตั้งแต่เช้าว่ายังไงก็ติด แต่ข้อหาเจตนายกเพราะไม่ได้เจตนาฆ่า แต่มันจะเอาเด็กไปบูชายัญ หรืออะไรก็ไม่รู้ แต่ศาลลงว่าประมาท อันนี้ศาลลงถูกต้องแล้ว และลงเต็มแม็กซ์เลย เรื่องพรากติดแน่ แต่เรื่องฆ่าโดยเจตนายก เพราะอะไรที่ศาลท่านสงสัยท่านจะยก อาญาต้องชัดมาก ศาลมองว่าพาเด็กขึ้นไป แล้วทิ้ง ทำให้เด็กตาย ศาลมองว่าประมาท แต่ตร.ดันไม่ได้แจ้งข้อหาประมาท ทำให้เด็กถึงแก่ความตาย อัยการก็เห็นตามตร.ว่าฆ่าโดยเจตนา แต่ศาลท่านมีคุณธรรม 

ภาษากายลุงพล เป็นส่วนหนึ่งในการวิเคราะห์ด้วยมั้ย ลุงพลเจอศพน้องชมพู่คือคนแรกนะ ร้องไห้บอกว่ามีชายคนนึงอายุประมาณ 30 ปีหายไป ไปล้อมเอาไว้เลย อย่าให้มันหนีไปได้ ดูสภาพแล้วเหมือนพาน้องมาทิ้งเอาไว้ น้องน่าจะอดอาหารตาย มองยังไง?


รองแต้ม : อาชญาวิทยา หรือวิเคราะห์ คนที่กระทำความผิดจะต้องมีอาการหรือต้องแสดงหลักฐานเพื่อป้องกันตัวเองมากที่สุด ถ้าเกิดผมฆ่าคน ผมต้องหาทางออก พฤติกรรมแบบนี้ คุณบอกว่าให้ล้อมจับได้เลย มีคนร้าย คุณรู้ได้ไง อย่างนี้คุณก็โกหกแล้ว สองคนร้องไห้ด้วยความสุดซึ้ง กับร้องไห้ด้วยแกล้งก็ผิดกันแล้ว นี่เป็นหลักฐานอาชญากรที่จะทำให้ตัวเองรอด แล้วที่ไปเจอศพ ลึกๆ จริงๆ พนักงานสอบสวนบอกว่ามันแสดงอาการพิรุธมากที่สุด มันรู้มากที่สุด แล้วก่อนเจอมันพยายามไปย่ำ แล้วอ้างได้ว่าเขามาเดินตอนโดนหา เขาทำทุกอย่างในสำนวน ทุกวันเขาขับรถไปจุดนึงปกติ แต่งานนี้หลังเกิดเหตุ เขาขับรถไปไหน เขาหน้าโผล่หมด เพื่อแสดงถิ่นที่อยู่ หมายความว่าผมขับรถไปตรงนี้ปกติ แต่วันนั้นจะขับรถไปถึงจุดที่มีกล้อง แสดงให้เห็นว่าอยู่ตรงนี้นะ แล้วจะไปตรงนั้นตรงนี้ เหมือนพระบอกว่าเจอ แต่วันเวลาเขาสามารถเช็กได้ สร้างหลักฐานเท็จทั้งนั้น นี่คือองค์ประกอบคนร้าย ที่จะทำอะไรก็ได้ เพื่อให้ตัวเองพ้นจากการกระทำผิด นี่คือภาษากายที่บ่งบอกของผู้กระทำความผิด ผมวิเคราะห์ตั้งแต่แรกว่าเวลามีเหตุอะไรให้ดูแรงจูงใจ สองพฤติกรรมของคดี ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย พยาน หลักฐาน ทุกอย่างเจือสมกันหมด แต่เขาไม่ออกข่าวคดีนี้ มีแต่สื่อมวลชนเล่นคดีนี้ จริงๆ เจือสมหมดศาลถึงตัดสิน ทั้งที่ไม่เห็นพยานหลักฐานสักคนว่าลุงพลทำความผิด แต่หลักฐานที่ตร.เช็กมามันเจือสมหมด

 

ภาษากายชัด?
เรวัช : ตร.ที่เป็นนักสืบ อย่างมองทนายแก้วเป็นผู้ต้องหาหรือเปล่า จะจ้องตา เป็นวิทยาด้วย จ้องตาปุ๊บ ผมไม่ได้ถามอะไรสักคำ ทนายแก้วกลืนน้ำลายเฮือก เราเห็นปุ๊บไอ้คนนี้มันไม่ใช่ ขนาดไม่มีหลักฐาน ไม่มีอะไรเลย เหมือนแม่ค้าเห็นปลาจะรู้เลยว่าตายกี่โมง

รองแต้ม : เวลาฝ่ายสืบสวนเห็น เรารู้เหมือนเครื่องจับเท็จ แต่ไม่มีหลักฐาน ก็ต้องไปหาหลักฐาน ฝ่ายสืบสวนมีความชำนาญก็จะรู้ เราเหมือนเครื่องจับเท็จคนนึง ดูทุกคนดีใจกันหมดเลยนะ

เรวัช : หนึ่งคือเราวิเคราะห์ถูก สองถ้าศาลไม่ลงโทษลุงพล เสียหมาหมดเลยนะ (หัวเราะ)

ทนายแก้ว : ผมเข้าใจว่าการตัดสินของศาลใช้นิติวิทยาศาสตร์เป็นหลัก กฎหมายได้เปิดช่องให้ตร. ศาลได้วินิจฉัยอยู่แล้ว 

ลุงพลออกทีวีครั้งแรกที่รายการโหนกระแส วันนั้นก็ถามลุงพลร้องไห้ทำไม แกบอกว่าดีใจ ปลื้มปิติ ครั้งแรกที่มีการชันสูตรไม่พบร่องรอยล่วงละเมิดทางเพศ แต่หลังจากนั้นครั้งที่สองเหมือนพบร่องรอยฉีกขาดที่อวัยวะเพศ ถามว่าเพราะอะไร ครั้งแรกมีการตรวจแล้ว ทำให้สภาพศพเปลี่ยนไป ทำให้มีรอยถลอกที่อวัยวะเพศได้ สองเขาบอกมีร่องรอยบาดแผลที่อวัยวะเพศ เขาคิดว่าเป็นอย่างที่เขาคิด เขาคิดว่าน้องน่าจะถูกล่วงละเมิด

รองแต้ม : เขาดีใจมากกว่า เขาไม่ได้ทำไง ถ้าบอกมีล่วงละเมิดทางเพศ เขาหลุดทันที เพราะเขาไม่ได้ทำ หลักฐานจึงไม่ปรากฏที่ศพ เขาร้องไห้เพราะดีใจเรื่องจุดนี้ 

ปรเมศวร์ : ยังร้องไม่เต็มปากเต็มคำ ถ้าบอกว่าล่วงละเมิดทางเพศ ควรร้องตั้งแต่ครั้งแรกที่พูดถึงเรื่องล่วงละเมิดทางเพศน้องเสียชีวิต ตัวหลังน่าจะตกใจมากกว่า ไม่ควรร้องไห้ครั้งที่สอง มองว่ามันไม่น่าจะใช่ ถ้าร้องต้องร้องครั้งแรก แล้วมีน้ำตาหรือเปล่าก็มองไม่เห็น แต่ผมว่าไม่สมบทบาทเท่าไหร่ 

เรวัช : มันแกล้งร้อง มันร้องจริงๆ ซะที่ไหน

รองแต้ม : อวัยวะเพศฉีกขาดต้องมีดีเอ็นเอ หรือนิติวิทยาศาสตร์ต้องปรากฏ ลุงพลก็รู้เลยว่าไม่มีมัน มันร้องไห้ด้วยความดีใจ สิ่งนี้มันแสดงออกด้วยความดีใจ

แต่ก็สามารถอุทธรณ์ได้อยู่?
ปรเมศวร : ได้

รองแต้ม : ท่านปรเมศวร์บอกว่าคดีนี้อ่านยาวมาก แสดงว่าศาลวิเคราะห์ทั้งหมดละเอียด ผมว่าอุทธรณ์ก็ลำบาก หมายถึงศาลอุทธรณ์คงยืนตามศาลชั้นต้น เพราะเหตุผลที่ศาลชั้นต้นได้พูด บางทีชัดเจนมาก 

ได้ประกันตัวมั้ย?
รองแต้ม : การพิจารณาเรื่องประกัน เขามองเรื่องความหนักเบาของคดี คดี 20 ปีถือว่าหนักนะ สองถ้าพนักงานสอบสวนคัดค้านหรือมีญาติคัดค้านด้วย จะทำให้ศาลพิจารณาไม่ให้ประกันได้ อีกอันคือดูเรื่องหลักทรัพย์ ดูพฤติกรรมผู้ก่อเหตุจะไปยุ่งเหยิงพยาน หรือมีอิทธิพลอะไรต่างๆ หรือไม่ อย่างพี่เรวัชบอก อาจมีอิทธิพลต่อความคิดชาวบ้าน ศาลก็ไม่ให้ประกันก็ได้ ก็รอดู

เรวัช : แนะนำแม่น้องชมพู่ให้ไปยื่นคัดค้านการประกัน ผมมองว่าคดีนี้ศาลไม่น่าให้ประกัน เพราะลุงพลเต้นรำเต่างอยมา 3 ปีแล้ว ซึ่งลุงพลเป็นผู้ต้องหา สังคมมันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย ไปชื่นชมผู้ต้องหา กลายเป็นพระเอกไป ครั้งแรกอาจสงสารว่าคนบ้านนอกบ้านดอนไม่ได้ทำหรือเปล่า แต่ท่านๆ นักข่าวนี่หละไปปั้นกันจนเป็นดาราเลย 

ผมนี่แหละโดนด่ายับ ผมนำเสนอมุมตรงข้ามลุงพลในบางครั้งโดนด่ายับหมดเลย?
เรวัช : ให้แม่น้องชมพู่ไปค้านประกัน ลุงพลเป็นคนดัง มียูทูปเบอร์เชียร์เยอะ เอฟซีเยอะ เดี๋ยวจะไปบีบทำให้ครอบครัวผู้เสียหายเขาเดือดร้อน ถ้าผมเป็นศาลผมไม่ให้ประกันเด็ดขาด 

ทนายแก้ว :   หลักในการให้ประกันตัวเป็นดุลยพินิจของศาล หนึ่งคือไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน กับมีพฤติกรรมหลบหนี มันก็เป็นสองเหตุ ต้องให้แม่น้องชมพู่เขียนให้เห็นว่าเขามีพฤติการณ์หลบหนี

ปรเมศวร์ : เขามียูทูปเบอร์เยอะ เขาสร้างกระแสได้ ศาลอาจถูกวิจารณ์จนเกินสมควร  เหมือนคดีกำนันนก ศาลออกแถลงการณ์เลยนะว่าห้ามโจทก์ คืออัยการ จำเลย ทนายจำเลยให้ข่าวต่อสื่อมวลชน เพราะเกรงจะไปละเมิดอำนาจศาล ไปชี้นำ นี่ก็เหมือนกัน ยูทูปเบอร์เยอะมาก คนทำมาหากินกับเขาเยอะมาก ถ้าปล่อยให้เขาออก ศาลอาจเสียได้

รองแต้ม : ที่สำคัญเป็นตัวอย่างของกระแสสังคม เอาคนไม่ดีมาเชิดชูด้วย 

เรวัช : ถ้าได้ประกันตัวนะ เป็นข่าวใหญ่เลย แถลงข่าวยูทูปเบอร์ไป 10-30 คน ผมมองว่าลุงพล ณ เวลานี้มีเงินแล้ว เขาก็รู้ว่าตัวเองทำผิดหรือทำถูก คดีนี้เป็นคดีใหญ่ ผมคิดว่าผู้พิพากษาที่มานั่งเป็นองค์คณะในการตัดสิน อาวุโสทั้งนั้น เขาดูแนวทางแล้ว ทั้งอุทธรณ์ ทั้งฎีกา เขาจบอยู่แล้ว หนีดีกว่าไปอยู่ประเทศข้างเคียงไปเป็นดาราที่ประเทศลาวก็ได้ กระแสมีนี่ ยูทูปเบอร์ก็ตามไป 

เขาเต้นเต่างอยกับจินตหรา?
รองแต้ม : ป่านนี้จินตหราลบเทปนี้ไปแล้วมั้ง 

เรวัช : มันเป็นผู้ต้องหาฆ่าเขา ยังไม่สำนึกเลย 

รองแต้ม : ผมไม่เห็นด้วยเรื่องนี้ ผมตำหนิที่รายการใครไม่รู้ ผมบอกเลยว่าคนทำคอนเสิร์ตทำเรื่องนี้ทำลายสังคมมาก”

แต่เขาเป็นนายแบบน?
รองแต้ม :   คดีนึงคนท้าชกตร. ด่าตร. มีคนเอาคำพวกนี้มาสร้าง ผมว่ามันทำลาย ทำให้สังคมบิดเบี้ยว

ปรเมศวร์ : เอาคนที่มีปัญหาขึ้นมา จริงๆ เขาต้องพิสูจน์ให้จบก่อน 

เรวัช :   ไม่อยากให้ผู้ต้องหามาเป็นเซเลบ ตอนนี้เขาเป็นนักโทษชาย เดี๋ยวเด็กมันเอาอย่างผมมองว่าไม่เข้าท่า ผมไม่ดูข่าวมันนะ หมั่นไส้ จริง ๆ มันเป็นผู้ต้องหาตั้งแต่ทีแรก คนทำผิดถ้าเกิดเหตุแล้ว สงสารหลานก็ไปบวช ผมก็โอเคนะ ใช้ชีวิตสมถะ ผมสงสารและมองว่ามันเพิ่งกระทำผิดครั้งแรก มันเข้าใจได้

รองแต้ม : ดูเลย ตาหมองหมด แม้จะร้องเพลง ทำอะไรต่างๆ ตามันฟ้องหมด เราฝ่ายสืบสวนจะดูดวงตาคนหมด 

ปรเมศวร์ : เรื่องชดใช้ค่าเสียหาย เข้าใจว่าทนายโจทก์ร่วมเขาคงขอ ถ้าให้ชดใช้ค่าเสียหาย ผมก็แนะนำครอบครัวน้องชมพู่ ยึดทรัพย์ก่อน รวยแล้วนี่ ก่อนจำหน่ายจ่ายโอน ทนายโจทก์ร่วมก็ดำเนินการได้เลย 

เรวัช :   ศาลจำคุกก็ดีใจแล้ว 

คุณกันบอกว่าลุงพลการละคร?
เรวัช : น้องกันพูดถูก คุณไปซูมภาพเวลาไอ้พลร้องไห้ ผมจะอ่านเวลาใครเสียชีวิต ผมซึ้งไม่ต้องทำท่าร้องไห้แต่น้ำตามันไหลมาเอง แต่ไอ้ห่- ไม่มีน้ำตาเลย

มีแฟนคลับกลุ่มใหญ่กลุ่มนึงของลุงพล เขามองว่าไม่ยุติธรรมกับลุงพล ลุงพลเป็นแพะหรือเปล่า?
ปรเมศวร์ : วันนี้วิจารณ์ศาลไม่ได้ คุณไม่เห็นด้วยได้ แต่บอกว่าศาลตัดสินผิดไม่ได้ 

เรวัช : คุณไม่มองตัวเองว่าคุณเป็นคนโง่ ก็ไม่ได้โง่หรอก เขาอาจประสบการณ์น้อย  สงสารลุงพลว่าคนบ้านนอก

ปรเมศวร์ : ศาลวิเคราะห์ยังไงนั่นคือเหตุผล ถ้าใครจะวิเคราะห์ศาลว่าถูกหรือไม่ถูก อ่านให้จบก่อนนะ ไม่ได้ไปอ่านว่าศาลตัดสินผิด ลุงพลเป็นแพะระวังคุณละเมิดอำนาจศาลนะ 

เรวัช : ไปสะเดาะเคราะห์สักสองเดือน (หัวเราะ) 

สรุปคดีนี้ทิศทางต่อไปจะเป็นยังไง?
ปรเมศวร์ : แน่นอนลุงพลอุทธรณ์ แต่ถ้าแม่น้องชมพู่ยื่นคำร้องยึดทรัพย์บังคับคดีก่อน เอาทรัพย์ไว้ที่ศาลก่อน ส่วนเรื่องประกันตัว ใจผมคิดว่าไม่ได้ หนึ่ง 20 ปี ที่สำคัญคือยูทูปเบอร์ และพฤติกรรมก่อนหน้านี้ กลุ่มทนายแถลง พยานไม่มี ต้องยก เมื่อเช้าที่บอกว่ามีเฮ ยกฟ้องๆ เป็นการไปรบกวนการทำงานของศาล ต้องปล่อยให้ศาลเขาอิสระ ส่วนการอุทธรณ์ก็ปล่อยให้เขาอุทธรณ์ไป แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะอุทธรณ์หรือเปล่านะ แต่ถ้าผมเป็นอัยการเจ้าของคดีผมว่าลงครบแล้วนะ อาจเห็นว่าทำไมประมาทลงเต็มเลย เจตนามันหนักกว่าประมาท แต่พอศาลเห็นว่ามันไม่เจตนา ศาลก็ลงประมาทได้ ควบกับกฎหมายทอดทิ้งเด็ก ศาลจึงลงเต็ม 10 ปี อันนี้ชัดแล้ว ส่วนข้อหาทำลายศพ ผมไม่มีข้อมูลเพียงพอว่าจะลงได้หรือไม่ได้ ถ้ามีข้อมูลก็อาจอุทธรณ์ ผมว่าอีกสองปี จะจบชั้นฎีกา เพราะวันนี้ระบบศาลเขากำหนดไว้แล้ว การพิจารณาคดีชั้นอุทธรณ์ ใช้เวลา 6 เดือนถึงปี ศาลฎีกาก็หนึ่งปี 

เมื่อวานอาจารย์คุยกับคุณอุ๋ย ภาคภูมิ อาจารย์ได้เจอลุงพล เห็นเขาเบรกอาจารย์เหมือนกัน?
ปรเมศวร์ : เขาเถียงกับหมอปลา ผมฟังเขาตอบ ผมก็บอกว่าลุงพลฉลาดตอบ เขาก็คิดว่าผมไปว่าเขา ผมไม่ได้ว่า แต่ผมชมว่าเดี๋ยวนี้รู้สึกฉลาดตอบ เขาบอกกำลังลงเรียนกฎหมาย แต่พื้นฐานการลงเรียนกฎหมาย ต้องลงด้วยใจที่อยากจะรักความเป็นธรรม ใจต้องการศึกษาจริงๆ

ในคุกมีสอนกฎหมาย?
ปรเมศวร์ : มี มีคนจบกฎหมายเยอะ เวลาออกมาสอบเป็นเนติบัญญัติสอบได้ แล้วขอขึ้นทะเบียนสามัญสมาชิก เขาก็ดูว่าคุณโดนข้อหาอะไร ข้อหาฆ่านี่ไม่ได้ ถ้าข้อหาผิดสัญญาทางแพ่ง เมาแล้วขับ เสพบ้างนิดหน่อย ได้ แต่ข้อหาลักวิ่งชิงปล้น  กรรโชกทรัพย์ ทุจริตต่อหน้าที่ มีตร.ลูกน้องหลายคนไปไปเรียนกฎหมาย แล้วจะมาขอขึ้นสามัญสมาชิกเพื่อไปสอบอัยการ ผู้พิพากษา กรรมการเนติบัญฑิตยสภาไม่ผ่านให้ 

รองแต้ม : ลุงพลเมื่อวานคุยกับหมอปลา หมอปลาเสียท่านะ เสียคะแนน ถ้าคนฟังเชื่อลุงพลเลยนะ เขาฉลาด แล้วเขาตอบหมอปลา หมอปลาไปไม่เป็นเลย สมัยก่อนลุงปลาก็พูดเก่งเหมือนกันนะ

ปรเมศวร์ : ผมบอกลุงพลฉลาดตอบ เขาบอกว่าไงรู้มั้ย เขาบอกว่าผมผ่านประสบการณ์มาเยอะ มันก็ต้องเรียนรู้ 

เรวัช : ลุงพลผ่านประสบการณ์ให้สัมภาษณ์ ในการต้องเจอยูทูปเบอร์ 3 ปี แต่หมอปลามันพูดซื่อๆ มันคิดยังไงก็พูดอย่างนั้น หมอปลาก็เป็นรอง 

ศาลตัดสินแสดงว่าเขาเป็นผู้กระทำแล้ว เป็นนักโทษชาย กรณีที่ว่าลุงพลไปตัดผมน้องชมพู่ ตัดทำไม?
เรวัช : ผมว่าไอ้ลุงพลเป็นคนฉลาด มันจะสร้างพยานหลักฐานเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด ทั้งตัดผม ไปโชว์กล้องอ้างถิ่นที่อยู่ และมันรู้ว่าตร.ยังไงก็เจอศพ ต้องเจอร่องรอยเท้า หรือวัตถุพยานอื่น ไอ้พลก็เลยตัดสินใจว่ากูพาไปเจอเอง พอตร.เก็บรอยเท้า นี่รอยเท้าคนร้าย ลุงพลก็บอกว่ารอยเท้าผมไงที่พามาเจอศพ มันเป็นคนฉลาด

คุณเปียส่งเข้ามาบอกว่าเอาคนตกอับมาหากิน เขายังมีอีกสองศาล ตอนลุงพลไม่ถูกตัดสิน ไม่เห็นออกมาพูดกันเลย?
เรวัช : พูดมานานแล้ว 

รองแต้ม : ไปดูเทปของรายการพี่หนุ่มและทุกช่อง ผมไม่เคยให้ค่า และไม่เคยวิเคราะห์ผิดไปจากที่ศาลตัดสิน ผมเป็นพนักงานสอบสวน ผมรู้ว่าคดีนี้จะเดินไปไหน จะสืบพยานยังไง ผมไม่เคยผิดเพี้ยนแม้แต่นิดเดียว ผมยืนยันว่าพวกเราวิเคราะห์มาตั้งแต่ต้น วิเคราะห์ในฐานะเราเป็นตร. พี่เขาเป็นทนาย ปรเมศวร์เป็นอัยการ ไม่มีผิดเพี้ยน เพราะเราไม่ได้กลั่นแกล้ง ผมจะย้อนกลับ พวกคุณเสียอีกไปหากินกับไอ้คนที่เป็นผู้ต้องหา หากินกับไอ้คนไม่ชอบ ถ้าพูดว่าใครจิตใจเลว ถ้าบอกว่าพวกเราจิตใจเลว มึงนั่นแหละ  ไม่ต้องว่าพวกเรา มึงต้องย้อนกลับไป มึงไปหากินกับคนเลวหรือเปล่า กี่ศาลก็ช่าง แต่เราเชื่อในความบริสุทธิ์ใจของเรา ว่าสิ่งที่เราพูดวิเคราะห์ เราวิเคราะห์ตามหลักการ ตามกฎหมาย  และที่เรามีประสบการณ์ เราวิเคราะห์ว่าสิ่งที่คุณกระทำมันเข้าข้อกฎหมาย คุณน่าจะเป็นผู้กระทำความผิด ศาลก็ตัดสินตามที่เราได้พูด เราไม่เคยคิดชั่วกับเขา ไม่เคยเอาเขามาหากิน พวกมึงหรือเปล่า

เรื่องที่มีการเอามีดตัดผม แล้วเก็บผมไป?
รองแต้ม : ตร.เวลาเขาไปพิจารณา สมมติเขาได้เส้นผม จากรถ หรือจากรอยตัดของน้องชมพู่ เขาจะดูเลยว่าเส้นผมตัดอย่างไร สมมติใช้กรรไกรตัดเส้นผมรอยบากจะกลมกริ๊บเลย ถ้าใช้มีดหั่น มันก็ขาดแบบขรุขระ ไม่ตรง ถ้าสับจะมีรอยกระแทก ตรงนี้ตร.เขาเข้าเครื่องและพิสูจน์ได้ว่ารอยต่างๆ เกิดจากรอยสับ รอยหั่น รอยอะไรหรือเปล่า มันเข้ากันกับหลักฐานเจือสมที่ได้จากรถหรือเปล่า มันก็เลยเป็นพยานหลักฐานสำคัญ 

เป็นการสะกดวิญญาณมั้ย?
รองแต้ม : แล้วแต่ความเชื่อ บางทีทางเขาอาจเชื่อได้ว่า เวลาเขาฆ่ากันตาย เขาอาจเอาผ้าของคนตายไปฝังทำลาย เพื่อไม่ให้วิญญาณตามมา ก็เป้นความเชื่อนั้นได้ แล้วแต่ภูมิภาค 

ลุงพลเป็นคนเชื่อไสยศาสตร์ อาจเชื่อเรื่องพวกนี้ อย่างแกสร้างพญานาค เวลาสาบานก็เอาธูปปักลง?
รองแต้ม : ผมว่าที่ปักไม่ใช่ความเชื่อหรอก เป็นการลบคำสาบานที่เขาสาบานเมื่อกี้ ถ้าบริสุทธิ์จริงก็ต้องปัก ไอ้นี่ต้องหักกับที่สาบานปักเอาหัวลง 

เรวัช : ปกติผู้ต้องหาหากรับสารภาพก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา ศาลจะเมตตาลดโทษให้บ้าง ไอ้เรื่องนี้ศาลท่านลงโทษเต็มไปแล้ว จากประสบการณ์ ผมเชื่อว่าทั้งอุทธรณ์ ทั้งฎีกา ลุงพลน่าไม่รอด ลุงพลน่าจะพูดความจริงว่าคุณพาเด็กขึ้นไปทำไมดีกว่า สังคมยังจะให้อภัย

“คุณออย” อยู่กับแม่สาวิตรี แม่น้องชมพู่ แม่รู้สึกยังไงกับคดีนี้ วันนี้เหมือนยกภูเขาออกจากอกของแม่ ที่ทนกว่า 3 ปี รออย่างอึดอัดว่าใครเป็นคนทำลูกสาว วันนี้ได้รับรู้แล้ว?
สาวิตรี : ดีใจที่คดีนี้ชี้คนร้าย ตามที่ตร.ได้สืบสวนสอบสวนมา อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ตลอดระยะเวลาก็รอคอย เรามั่นใจว่าลูกเรามีคนกระทำให้ถึงแก่ชีวิตค่ะ ตอนศาลอ่านคำพิพากษา ก็ตั้งใจฟังให้ละเอียดทุกประโยคค่ะ เรื่องทางนั้นจะยื่นอุทธรณ์ก็ไม่กังวลใจเลย เรามีทีมทนาย ท่านอัยการพิจารณาในส่วนนี้ เรามั่นใจในอัยการและทีมทนายโจทก์ร่วมของเราเหมือนกันค่ะ 

อยากบอกอะไรเกี่ยวกับสังคม?
สาวิตรี : อยากให้ทุกคนก่อนคอมเมนต์อะไรใคร แม่ขอใช้คำว่าทำให้สังคมบิดเบี้ยว พอเกิดข่าวอะไรในสังคม ด้วยความมีโซเชียลในมือ ก็พากันพิมพ์โดยไม่รู้ข้อเท็จจริง อย่างครอบครัวน้องชมพู่เองเบื้องต้นโดนประณามแรงมาก คนประณามพวกเราก็ไม่ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับอะไรทั้งสิ้น แม่ว่ามันไม่ยุติธรรมค่ะ 

เป็นไปตามที่สงสัย?
สาวิตรี : ใช่ค่ะ ตอนแรกเราก็แค่สงสัย ไม่ใช่เราฟังข่าวพูด เราฟังตัวคนให้สัมภาษณ์เขาพูด ประโยคที่เขาพูด โดยที่เรารู้ความจริงบางส่วนว่าจริงๆ แล้วเขาพูดอะไร แต่ในข่าวตรงกันมั้ย 

จากนี้จะไปทำอะไรต่อไป?
สาวิตรี : อาจแค่ใส่บาตรธรรมดาเหมือนชาวบ้านทั่วไป ทำบุญใหญ่แม่ทำให้น้องแล้วตอนปลายเดือนพ.ย. ที่ผ่านมา อยากให้น้องรู้ว่าวันนี้น้องได้รับความยุติธรรมแล้ว อยากให้น้องเป็นนางฟ้า หลุดจากความมืดมนตรงนี้ค่ะ 

หลังจากนี้ถ้าลุงพลอุทธรณ์ต่อไป แม่กังวลใจมั้ย เรื่องคัดค้านประกันตัว?
สาวิตรี : ไม่กังวลใจค่ะมันเป็นไปตามขั้นตอน แม่ก็รู้อยู่แล้ว เตรียมใจไว้อยู่แล้วเราไม่ได้เครียด ถ้าเราสงสัยเราก็ถามทนาย ถามอัยการได้ค่ะ เรื่องคัดค้านประกันตัวไม่ยื่นค่ะ เพราะวันนี้ศาลบอกไว้แล้วว่าอนุญาตให้จำเลยประกันตัว 

มุมป้าแต๋น แม่ติดใจมั้ย?
ออย : แม่ไม่ติดใจค่ะ 

ส่วนของแพ่ง ศาลลงมั้ยว่าต้องชดใช้เท่าไหร่?
ออย : เบ็ดเสร็จ ประมาณ 2 ล้านค่ะ ตอนนี้ตัวลุงพลอยู่ระหว่างเตรียมหลักทรัพย์ยื่นประกันตัวค่ะ ส่วนเอฟซีต่างๆ ทุกคนมีน้ำตา ยังยืนยันจะสู้และอยู่เคียงข้างลุงพลต่อไป ส่วนคุณแม่ก็มีเอฟซีหลากหลายจังหวัดมาให้กำลังใจเหมือนกัน แม่ไม่ได้หันไปมองลุงพลในศาล ทันทีที่ศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จ เมื่อมีโทษจำคุก ก็มีเจ้าหน้าที่ศาลเดินเข้ามาทำตามขั้นตอน เลยไม่รู้ว่าลุงพลจะร้องไห้หรือเปล่า ส่วนป้าแต๋นยังไม่เห็นออกมาจากศาล 

ทนายแก้ว :   กรณีแฟนคลับลุงพลออกมาพูดว่ายังไม่มีสองศาล คือศาลชั้นต้นไม่ได้พิพากษาหลวมๆ นะ รายละเอียดในการสืบพยาน ทนายจำเลย ทนายลุงพลเอง ก็มีสิทธิ์ไปพิสูจน์ ไปคัดค้าน ไม่ว่าเรื่องนิติวิทยาศาสตร์ เท่าที่ตามมา ฝ่ายนี้ไม่ได้เอานิติวิทยาศาสตร์มาดีแคลร์กัน ศาลเลยเชื่อนิติวิทยาศาสตร์ของพนักงานอัยการ 

แม่บอกศาลให้ลุงพลประกันตัวได้?
รองแต้ม : ผมว่าเขาไม่พูดว่าให้ประกันตัว อาจพูดว่าคุณสามารถประกันตัวได้ 

ทนายแก้ว : ใช่ครับ เพราะคดียังอยู่ในการพิจารณา ศาลอ่านจบปั๊บ จำเลยก็ต้องยื่นเอกสาร ยื่นคำร้อง ยื่นหลักทรัพย์ 

เรวัช : แม้แต่ยื่นไปแล้ว ศาลจะให้ประกันหรือไม่ ยังต้องรอฟัง 

แม่อาจเข้าใจผิด?
เรวัช : ใช่ครับ 

มุมเงิน 2 ล้าน ศาลให้ชดใช้แม่น้องชมพู่?
ทนายแก้ว : ความเห็นผม น้อยไป กรณีการที่เด็กเจริญเติบโต ทำงานทำการเพื่อดูแลครอบครัว มันยังมีเวลาอีกเยอะ ดังนั้นการที่ศาลวินิจฉัย 2 ล้าน ผมคิดว่าอยากให้แม่น้องชมพู่อุทธรณ์ครับ ส่วนคดีป้าแต๋น ถึงแม้แม่ไม่ติดใจ ถ้าอัยการเห็นว่าการยกประโยชน์แห่งความสงสัย ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ผิดนะ ศาลมองว่ายัง 50-50 ไม่ได้หมายถึงคุณไม่มีความผิดนะ ศาลอุทธรณ์อาจกลับก็ได้ ดังนั้นในส่วนนี้ผมว่าอัยการโจทก์น่าจะอุทธรณ์ 

คดีนี้อีกนานแค่ไหน?
เรวัช : 2 ปี แต่เดิมอุทธรณ์ 2 ปี ฎีกา 2 ปี เดี๋ยวนี้กระบวนการเร็วขึ้นแล้ว การที่อยู่ในวงการกฎหมายสอบสวนมา มองออกแทบทุกคดี คดีนี้ผมเองไม่ใช่ว่าจะมาเฮฮาหลังลุงพลถูกตัดสินจำคุกนะ อยากให้รายการคุณหนุ่มออกก่อนศาลตัดสินด้วยซ้ำ เราจะได้ชี้ว่ามันตรงกับที่เราตั้งข้อสังเกตมั้ย ผมเป็นห่วงถ้าผมเป็นศาลจะอึดอัดใจนิดนึงนะ ข้อหาฆ่าโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะมันไม่ชัดเจน แต่สองสามลงแน่ เราฟันธงไป ศาลท่านก็ลงตามที่เราวิเคราะห์จริงๆ 

ทนายแก้ว :   กรณี 288 โทษมันจำคุกตลอดชีวิต ถูกประหารนะ ดังนั้นกรณีศาลมองว่ายกประโยชน์ให้จำเลยบ้างในบางข้อหา ผมเห็นด้วยครับ 291 คือประมาท ศาลพิพากษา 10 ปีเต็ม จำเลยไม่มีมาแก้ตัวอยู่แล้ว 

ถ้าเอฟซีลุงพลจะออกมาตีโพยตีพาย?
รองแต้ม : ศาลพิจารณาด้วยพยานหลักฐาน ไม่ใช่ความรู้สึก พยานหลักฐานต้องน่าเชื่อนะ มีเจือสมกันทุกอย่าง ทั้งเอกสาร พยานบุคคล พยานวัตถุ พยานแวดล้อมต่างๆ เขาเอามาพิจารณาหมด ไม่ใช้เอามาจากความรู้สึก 

เรวัช : อย่าไปว่าเอฟซีเลย เอฟซีไม่ได้อยู่ในวงการกฎหมาย 

รองแต้ม : สังคมจะบิดเบี้ยว 

เรวัช : ลองสะเดาะเคราะห์ก่อนสัก 2 เดือน

“ปู่มหามุนี” อยู่ในสาย เอาดอกไม้ทรงกลมไปให้เขาทำไม?
ปู่มหามุนี : เป็นกำลังใจให้เพื่อนครั้งสุดท้ายครับ 

ที่เห็นมันพวงหรีดไม่ใช่เหรอ?
ปู่มหามุนี : คนไทยเรียกพวงหรีดครับ แต่ต่างประเทศเขาเรียกว่าคริสต์มาส เอามาเป็นกำลังใจ ผมติดตามตั้งแต่ต้น

เมื่อก่อนปู่มุนีเป็นแฟนคลับลุงพล?
ปู่มหามุนี : ผมเข้าไปสืบตั้งแต่ 12 ก.พ. 

แฝงตัวไปสืบเหรอ?
ปู่มหามุนี : ครับ เขาจับไม่ได้ครับ เขาจับได้ตอนหลัง เนื่องจากผมเตือนประชาชนเรื่องการโอนเงินหรือใช้เทคนิคขอเงินประชาชนครับ 

เป็นหนอน ไปแตกหักกับเขายังไง?
ปู่มหามุนี : ผมออกมาเตือนดีๆ ว่าประชาชนเขาติงมาเรื่องการขอรับบริจาค เวลาตอนเช้าคุณไม่มีเงิน พอตกตอนสายป้าแต๋นไปจับจ่ายใช้สอน สังคมจะมองคุณไม่ดี ผมก็เตือนเขาดีๆ เขาคงโกรธแหละ ก็ออกมาไลฟ์ว่าพ่อแม่เขายังไม่ว่าเขาเลย ผมก็ห้ามเขาไม่ได้แล้ว ก็เลยปล่อย

มีการทะเลาะกันมั้ย?
ปู่มหามนี :  ไม่ๆ ตั้งแต่ 3 ก.ค. เขาทำการปิดช่องยูทูปของผมทั้ง 3 ช่อง เกลี้ยงเลยครับ 

เมื่อเช้าคุณไปปะทะแฟนคลับเขาเหรอ?
ปู่มหามุนี : ผมถอยหลังสามก้าวห้ามเขาก่อน 

ปู่ตั้งใจไปกวนตีนเขาหรือเปล่า?
ปู่มหามุนี : ถ้ากวนตีนผมก็ต้องใช้คำว่าไว้อาลัย แต่ผมให้กำลังใจ เพราะเราช่วยเขามาตลอดอยู่แล้ว 

ลุงพลโดนดำเนินคดี เป็นนักโทษชายรู้สึกยังไง?
ปู่มหามุนี : อยากฝากลุงพลว่าไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ในเมื่อเราผิดไปแล้ว เราพลาดไปแล้ว สำนึกเป็นสิ่งที่สำคัญ ผมเคยเตือนท่านแล้ว ให้ท่านหยุดการไลฟ์สดกับพวกพ้องแต่ท่านไม่ฟังผมเลย อย่าลืมว่าทุกคนมีโทรศัพท์เขานั่งดูแต่เขาอาจไม่พูดแค่นั้นเอง 

20 ปีน้อยไปมั้ย?
ปุ่มหามุนี : ผมว่าปกติครับ ความเชี่ยวชาญที่ผมเจอคดีมาเยอะ ถือว่าสมส่วนแล้วครับ ส่วนป้าแต๋นที่ศาลยกฟ้อง ถือว่าศาลท่านให้ความเมตตาสูงนะ อย่างน้อยๆ เราต้องมองถึงเยาวชนเป็นหลัก ถ้าป้าแต๋นโดนไปด้วยอีกคน หรือศาลเห็นว่าทำอะไรร่วมกันแบบนี้ ก็คิดว่าเป็นการดูเยาวชนแล้วกัน เพราะป้าแต๋มก็มีลูก มองในมุมมองความเป็นคนดีกว่า

อยากบอกอะไรคนไทย?
ปุ่มหามุนี : อย่าให้โซเชียลแค่ไม่กี่นาที มาตัดสินสังคมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม รับฟัง ถ้าเข้าไปคอมเมนต์ด่าเขา แล้วคุณโดนเขาตอกกลับมาอย่าไปเสียใจ 

เรวัช : ปู่เก๋าเกม บอกมึงอย่าเข้ามานะ แต่ตั้งใจตีเขาเต็มที่ ถือว่าป้องกัน ถอยแล้ว ถือว่าป้องกันตัว เก๋าเกม (หัวเราะ) 

รองแต้ม :   ฝากเตือนสังคม อย่าเอาคนไม่ดีมาเป็นฮีโร่ มาเป็นตัวอย่าง ให้ใช้สมองใช้สติคิด สังคมจะได้มีความสุข 

ผมเคยบอกว่าเขาชันมาก ผมยังขึ้นไม่ไหว ยังไงเด็กก็ขึ้นไม่ได้ แต่ละชั้นมีหิวใหญ่ๆ ต้องปีนขึ้นไป เด็กอายุ 3 ขวบกว่าจะปีนได้ยังไง อีกอย่างที่สงสัย รองเท้าน้องชมพู่ใหญ่กว่าเท้าด้วยซ้ำไป รองเท้าขึ้นไปอยู่ใกล้ๆ ศพ ตอนปีนน้องต้องปีนพร้อมรองเท้า ซึ่งเป็นไปไม่ได้ นอกจากน้องฉลาดมาก มันแปลก แต่มีคนเถียงนะ?
เรวัช :   คนเถียงพี่หนุ่มคงจบมาสูงแต่ไม่เคยเลี้ยงเด็ก ธรรมชาติเด็กเขาจะไปในที่ที่เขาเคยไป จะไปหาพ่อแม่ปู่ย่าที่เขาเคยไป หรือคนเลี้ยงหมามาตั้งแต่เด็ก หมาไม่เดินขึ้นเขาหรอก นอกจากไล่กระรอก กระแต แล้วก็วิ่งกลับมาในที่ที่เคยอยู่ ดูภาพสถานที่เกิดเหตุแล้ว ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ ต้องมีคนพามา

เขาว่ากันว่าคนล้มอย่าข้าม มีคนส่งมา?
เรวัช : เอฟซีไม่ได้อยู่วงการกฎหมาย เขาสงสารลุงพล ว่าไม่น่าใช่คนร้าย เลยไปลุ่มหลง รักลุงพล พอรักแล้วลุงพลโดนโทษจำคุกก็สงสาร พอเราวิเคราะห์ในฐานะนักกฎหมายที่มีประสบการณ์ แต่เขาไม่รู้หรอก เขาบอกลุงพลล้มแล้วอย่าไปข้าม คนร้ายต้องโดนลงโทษ ตร.กว่าจะรวบรวมพยานหลักฐานได้เป็นปีนะ 

ทนายแก้ว : เรื่องนี้ใช้เครื่องจับเท็จ ใช้บุคลากร สืบพยานเป็นร้อยปาก ศาลพิพากษาก็มีการตรวจทานโดยส่งให้อธิบดีภาคพิจารณาก่อนส่งด้วยซ้ำ

ลุงพลเคยบอกว่าสงสัยฝั่งแม่น้องชมพู่ไปอีก?
เรวัช : เขาพูดฉะฉาน ไม่สะดุด ทำให้เอฟซีมั่นใจว่าลุงพลไม่ผิด สงสัยพ่อแม่แหละมีพิรุธ แต่ผมคิดว่าพ่อแม่ลูกตายเขาเศร้าพอแล้ว เขาพูดฉะฉาน เพราะมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่ารอด

เคยออกกับหมอปลา เป็นมิตรสหายกัน หมอปลาตอนนั้นก็เชื่อลุงพลทุกอย่าง?
เรวัช : มาออกรายการคุณหนุ่มครั้งที่สอง ทุกคนจะเชื่อว่าลุงพลบริสุทธิ์ ดูภาษากาย คำพูด เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ พ่อแม่คนตายมากกว่าที่อาจจะมีส่วน แต่พอไปสัมผัสความจริง ไปรู้เรื่องเข้าทุกคนก็ถอยออกมา

ทนายแก้ว : ผมกลับไปตรงที่ร้องห่มร้องไห้ เอาจริงๆ นะ มันร้องมากไป อีกอย่างลุงพลเป็นแค่ลุง ไม่ใช่ลุงแท้ๆ มันเกินไป อะไรจะขนาดนั้น 

เรวัช : แค่ลุงพลออกคุกมา ผมว่าเขาเป็นนักแสดงได้ เขาเก่ง ตร.จะใช้การสังเกตเอาประสบการณ์มาบวก โดยหลักถ้าสงสัยคน 4-5 คน ใครข่มขืนและฆ่าศพ เราจะพาไปดูศพ และจะจับพิรุธ เหมือนเครื่องจับเท็จ 

วันลุงพลไปเจอศพน้อง ไม่มีน้ำตาไหล?
เรวัช : เขาพยายามสร้างพยานหลักฐานเพื่อเอาตัวรอด จนสุดท้ายเตลิดไป 

(เลียนแบบการร้องไห้แบบลุงพล)?
เรวัช :   ถ้าผู้หญิงผัวตายแล้วร้องแบบพี่หนุ่ม ไม่เกิน 7 วันมีผัวใหม่  

ถ้าลุงพลจะอุทธรณ์ จะอุทธรณ์ยังไง?
ทนายแก้ว :   แน่นอนว่าอุทธรณ์ให้ศาลยกฟ้อง มีสองขา ขานึงยกฟ้องหรือขอหมอบ ขอให้ศาลลดโทษ ลดโทษคือลงมา 5 ปี ลุงพลต้องยอมรับ และสำนึกผิด ขอให้ลงโทษสถานเบา กระทำผิดครั้งแรก 

เรวัช : ภาษาพวกเราคือยอมหมอบให้ศาลเมตตาหน่อย กระทำผิดครั้งแรก 

ทนายแก้ว : ถ้าไปมุมนี้ กฎหมายวางไว้ว่าถ้าต่ำกว่า 5 ปี มีสิทธิ์รอลงอาญาได้ เขาก็ต้องขอให้ศาลอุทธรณ์ลดโทษลงมาสเต็ปแรกก่อน แล้วค่อยขออนุญาตฎีกาให้ลดลงมาอีก 5 ปี ถ้าทนายความเขาจะยอมหมอบ 

ขาแรก ยอมรับสารภาพ ลดโทษต่างๆ นานา อีกขานึง?
ทนายแก้ว : ขอให้ศาลยกฟ้อง สู้ อาจหยิบเรื่องนิติวิทยาศาสตร์ ว่าการเก็บเส้นผมเป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนทำโดยพลการ อาจไม่มีตัวแทนจำเลย หรือทนายจำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องเลย หรือกรณีตรวจวัตถุพยานต่างๆ ร่องรอยเลือดต่างๆ เป็นเรื่องที่ตร.ทำเองล้วนๆ ต้องสู้มุมนี้เท่านั้น

เขาควรสู้มุมไหน?
เรวัช : ทนายลุงพล ระหว่างสู้คดีมา ทุกอย่าง ต้องเอาหลักฐานมาเปิดเผยในการซัก ถาม ค้านกันอยู่แล้ว ศาลแต่ละท่านจะตัดสินใคร ลงโทษใครยากมาก สงสัยนิดเดียว ทั้งที่รู้ว่าไอ้นี่มันฆ่า ถ้าสงสัยศาลยกเลย แต่การที่ศาลลงโทษเต็มแม็กซ์ ผมมองว่าศาลท่านมั่นใจ ท่านถึงลงโทษเต็ม ผมมองว่าต่ำๆ 3 ปี ถ้าศาลไม่มั่นใจจะลงโทษประมาณนี้ แต่ศาลพิจารณา แล้วเป็นผู้พิพากษาอาวุโส ลงโทษเต็มแม็กซ์แบบนี้ ผมว่าอุทธรณ์ก็คือกัน 

ทั้งหมดที่เราเห็น แรงจูงใจลุงพลมาจากอะไร ทำไมต้องทำแบบนี้?
เรวัช : ผมมองว่าลุงพลอาจจะเชื่อถืออะไรสักอย่าง อาจไปดูสายมู ต้องเอาเด็กหญิงบริสุทธิ์ไปบูชายัน ผมคิดว่าอย่างนั้น แต่ถ้าคิดจะไปข่มขืนหรือฆ่า ไม่จำเป็นต้องไปสูงขนาดนั้น

เป็นไปได้มั้ย เด็กร้องไห้ งอแง ก็เอามืออุดปาก แล้วเด็กสลบไป อาจพาไปข้างบนพาไปทิ้งไว้?
เรวัช : ผมไม่มองอย่างนั้น ผมมองว่าเขาตั้งใจจะไป คงไม่ได้แกล้งเด็ก แต่จะเอาไปบูชายัน ผมมองว่าลุงพลมีเจตนาฆ่านะ แต่ศาลอาจมองว่าไม่มีประจักษ์พยาน หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ยืนยันว่าลุงพลก่อเหตุแน่ เราฟ้องข้อหาฆ่าโดยเจตนา มาตรา 288 นะ

ทนายแก้ว : 288 ต้องมีประจักษ์พยานชี้ว่าเขามีเจตนากระทำ ซึ่งนิติวิทยาศาสตร์ไม่สามารถบอกได้ แต่เขารู้ว่าใกล้ชิดกับลุงพลแน่นอน ลุงพลมีส่วนแน่นอน เขาเลยสรุปได้แบบนี้ ผมเข้าใจว่าลุงพลเองก็เล่นของ เป็นสายมู ผมไม่เชื่อเลยว่าเขาทำตายก่อนหิ้วเด็กไปทิ้ง ผมคิดว่าสถานที่ตรงนั้นเหมือนเป็นจุดสูง เป็นภูเขา ต้องไปตายตรงนั้น ผมคิดแบบนั้น 

เรวัช : ลุงพลนับถือพญานาค จุดที่เด็กตายอยู่ปากถ้ำ ลุงพลอาจคิดว่าพญานาคอยู่ในนั้นก็ได้ เลยจะเอาเด็กไป มันไม่มีมูลเหตุอะไรที่ต้องไปทำเด็กแบบนี้ ลุงพลเข้าใจว่าพญานาคสิงสถิตอยู่ในนั้นหรือเปล่า ถึงพาเด็กเข้าไปเหนื่อย เวรกรรมหนีไม่พ้น เงินที่ลุงพลมีคงเกิน 2 ล้าน ในเมื่อศาลตัดสินแล้วว่าให้จ่าย ก็ทำบุญกับหลานไปเลย แต่ยืนยันว่าไม่ผิดก็ขออุทธรณ์ ไม่ต้องประกันตัว ระหว่างติดคุกปีนึงหรือสองปี อาจเป็นผลดีกับตัวลุงพล แต่ต้องอุทธรณ์แบบหมอบ ขอให้ศาลเมตตา