ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นายกฤษดา ไกรสิทธิ์ หรือที่รู้จักในชื่อ "เสือย้อย ตาปี" อายุ 22 ปี อยู่บ้านหมู่ 5 ต.สาคู อ.พระแสง จ.สุราษฏร์ธานี ได้บันทึกตัวเองไว้ขณะที่กำลังไหว้พระและร่ายคาถาอย่างเชี่ยวชาญ ซึ่งถูกระบุว่าเป็นคาถากำบังกายในขณะที่ออกก่อเหตุลักทรัพย์ตามที่ต่างๆเป็นการอำพรางไม่ให้เจ้าทรัพย์หรือเจ้าหน้าที่พบเห็น และยังนำเหรียญมาเสี่ยงทายก่อนที่จะออกไปก่อเหตุ โดยนายกฤษฏาจะปฏิบัติเช่นนี้ทุกครั้งก่อนที่จะก่อเหตุโดยมีพื้นที่ทำการคือนครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี
ช่วงสายวันที่ 20 ธ.ค. นายกฤษฎา ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถ้ำพรรณรา และ สภ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ได้ร่วมกันติดตามตัว จนพบว่ามากบดานซ่อนตัวอยู่ที่ ขนำภายในสวนยาง ท้องที่หมู่ 3 บ้านทุ่งคางิ้ว อำเภอถ้ำพรรณรา จังหวัดนครศรีธรรมราช ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปคุมตัวขณะที่นายกฤษฎา หลับอยู่บนที่นอนก่อนปลุกแล้วสวมกุญแจมือโดยอยู่ในสภาพที่ยังงัวเงีย และยึดของกลางที่ใส่ในกระเป๋าสะพายสีดำ และบางส่วนวางอยู่ที่พื้นขนำ พร้อมยึดรถจักรยานยนต์ซูซูกิสีเขียวที่ถูกผู้ต้องหานำสีสเปย์สีบรอนซ์เงินมาพ่นทับปิดบังอำพราง ทะเบียน กษพ 433 สุราษฏร์ธานี
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สอบเค้นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกรรมถูกเก็บซ่อนไว้ที่ไหน นายกฤษฎายอมรับว่าไปซุกซ่อนอยู่ในขนำแห่งหนึ่งห่างจากจุดที่จับกุมไปราว 3 กิโลเมตร จึงเข้าทำการตรวจยึดเป็นพระเครื่องเกือบ 200 องค์ สร้อยพระ 16 เส้น เงินต่างประเทศสกุลต่างๆจำนวนหนึ่ง ผ้ายันต์ นาฬิกาข้อมือ 2 เรือน หูฟังบูทูธ 1 อัน โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง สายตระกรุดพระ 2 เส้น กระเป๋าสะพาย 2 ใบ หมวกแก๊ป 1 ใบ ค้อน 1 อัน เงินสดจำนวนหนึ่ง คุมตัวมาที่ สภ.ถ้ำพรรณรา เพื่อสอบสวนผู้ต้องหาอย่างละเอียด
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว โดยตระเวนก่อเหตุในพื้นที่ อ.พระแสง จ.สุราษฏร์ธานี และ อ.ถ้ำพรรณามาแล้วหลายครั้ง โดยหลังจากที่ชาวบ้านทราบข่าวจึงมาดูผู้ต้องหาที่ สภ.หลายราย ซึ่งมีทั้งได้แจ้งความและไม่ได้แจ้งความ
ขระที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบประวัติพบว่าเคยก่อเหตุลักทรัพย์ชิงทรัพย์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 61-62-63 และถุกจำคุกมาระหนึ่ง เมื่อพ้นโทษออกมาในปี 66 ได้ตระเวนก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาข้อหาลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืนโดยทำลายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ และขอให้เจ้าทรัพย์ที่ถุกคนร้ายรายนี้ก่อเหตุมาตรวจสอบทรัพย์สินของตัวเองได้