"ภูมิธรรม" เผยได้ข้อสรุปทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญชัดเจน 25 ธ.ค.นี้ เตรียมชงเข้าครม.ปีหน้า ด้าน"ชัยธวัช" จี้รัฐบาลเคลียร์ปม "ทักษิณ"ใช้อภิสิทธิ์นอนรพ.ครบ 120 วัน ซัดระเบียบใหม่เข้าข่าย 2 มาตรฐาน ขู่หากรัฐยังนิ่งเฉย ฝ่ายค้านลุยตรวจสอบแน่ ศรีสุวรรณบุกฟ้องศาลปกครอง กล่าวหากราวรูด อธิบดีกรมคุก-แพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจ ละเลยหน้าที่เอื้ออดีตนายกฯ นอนนอกนอกคุก ขณะที่ครม.เห็นชอบ 3 มาตรการ 4,500 ล้าน แก้หนี้ทั้งระบบ 
       
     ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สิน โดยพักหนี้เอสเอ็มอี ช่วยเหลือหนี้นอกระบบ ลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา รวมถึงการสนับสนุนการใช้รถยนต์อีวี ตามมาตรการอีวี 3 และ 3.5 และขยายสิทธิประโยชน์ด้านสรรพสามิตให้กับรถอีโคคาร์หรือรถที่ยังเป็นสันดาป
   
  ด้าน นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าที่ประชุมครม.ในวันนี้ กระทรวงการคลังได้เสนอแนวทางแก้ไขการแก้หนี้ทั้งระบบ ซึ่งกระทรวงการคลังได้ให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการการแก้ไข 3 มาตรการคือมาตรการช่วยเหลือพักหนี้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบ และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด 19 ตามโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระ
    
 โดยมีการขออนุมัติวงเงินงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีจำนวน 4,900 ล้านบาท โดยแยกเป็นการช่วยเหลือSMEs จำนวน 400 ล้านบาท และช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ 4,500 ล้านบาท โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจคือธนาคารออมสิน ,ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ,ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ,ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ,ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดกลาง โดยเป็นการสำรองเงินของสถาบันไปก่อน ก่อนตั้งงบประมาณมาชำระคืนจากสำนักงบประมาณ

     ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ความชัดเจนจริงๆ ต้องรอวันที่ 25 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะมีการประมวลความเห็นทั้งหมดของส.ส.และส.ว. รวมถึงรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ โดยคณะกรรมการจะประชุมสรุปในวันดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่าจะจบทุกอย่าง
      
 "จะนำข้อสรุปและความเห็นที่แตกต่างเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์แรกที่มีการประชุมครม.หลังจากหยุดปีใหม่ จากนั้นต้องรอดูว่าครม.จะมีมติอย่างไร เพราะเรื่องที่จะส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้อง และมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นในสภาฯ เพราะหากครม.เสนอไปเอง อาจเป็นไปได้ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะบอกว่าเรื่องยังไม่เกิดขึ้น และไม่รับวินิจฉัย" นายภูมิธรรม กล่าว
    
 นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงระเบียบกรมราชทัณฑ์เรื่องการคุมขังนักโทษนอกเรือนจำที่สังคมมองว่าอาจจะเอื้อประโยชน์ให้กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ต้องยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นที่สังคมจับตาว่าเรามีปัญหาเรื่องกระบวนการยุติธรรมแบบ 2 มาตรฐานมาโดยตลอด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองด้วย เราจึงคาดหวังว่าเป็นสิ่งที่จะไม่เกิดขึ้นอีก แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้มีการตั้งคำถามเยอะ โดยเฉพาะกรณีนายทักษิณ ซึ่งยังไม่ต้องพูดถึงระเบียบราชทัณฑ์ในการควบคุมตัวนอกเรือนจำ
    
 "ขณะนี้คุณทักษิณอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจจะครบ 120 แล้ว มันก็เกิดคำถามว่าทำไมคุณทักษิณถึงได้รับการปฏิบัติที่ดูเหมือนมีอภิสิทธิ์เหนือกว่าผู้ต้องขังคนอื่น เราเห็นด้วยว่าหากผู้ต้องขังมีปัญหาเรื่องสุขภาพ จำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาล โดยที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์มีศักยภาพไม่เพียงพอ เราเห็นด้วยว่าผู้ถูกคุมขัง ควรได้รับสิทธิ์ออกไปรักษาข้างนอกได้ แต่ที่ผ่านมามีผู้ต้องขังน้อยมาก ที่ได้รับสิทธิ์นี้ ผู้ต้องขังหลายคนมีปัญหาสุขภาพรุนแรง แต่ก็ไม่ได้รับสิทธิ์นี้" 
    
 นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า คนที่ได้รับสิทธิ์นี้ส่วนใหญ่เป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมือง มีฐานะ แต่คนธรรมดาไม่เคยได้รับสิทธิ์นี้เลย จึงเกิดคำถามว่าทำไมนายทักษิณได้รับสิทธิ์นี้เพียงคนเดียว รักษามา 120 วันแล้ว ทำไมถึงได้รับสิทธิ์นี้อยู่ เรื่องนี้รัฐบาลไม่ควรปล่อยไว้ควรตอบสังคมให้ชัดเจน และเรื่องนี้ทำให้เกิดการตั้งคำถามกับระเบียบราชทัณฑ์ที่ออกมาใหม่ เพราะปรากฏการณ์นี้ทำให้คนจำนวนหนึ่งสงสัยว่า ระเบียบที่ออกมาใหม่จะเอื้อให้กับนายทักษิณแบบ 2 มาตรฐานอีกหรือไม่
     "การควบคุมตัวผู้ต้องขังนอกเรือนจำเป็นเรื่องที่ดี และควรทำมานานแล้ว หลายประเทศที่พัฒนาแล้วก็มีการพัฒนากระบวนการพวกนี้ เพื่อลดจำนวนผู้ต้องขังอยู่ในเรือนจำ...แต่หากระเบียบนี้จะถูกใช้ในแบบ 2 มาตรฐาน มีใครได้รับอภิสิทธิ์เพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือไม่ ต้องเข้าใจสังคมว่า ทำไมสังคมถึงตั้งคำถามแบบนี้" 
       
    
 นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า รัฐบาลควรตอบคำถามให้ชัดทั้ง 2 กรณี เพื่อให้สังคมสบายใจ ว่าเรื่องนี้ทุกคนจะได้รับสิทธิ์ในกระบวนการยุติธรรม เสมอภาคเท่าเทียมกัน ไม่มีใครได้ได้รับอภิสิทธิ์ เหนือคนอื่น นอกจากนี้ระเบียบก็ยังมีปัญหา เช่น ไม่มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนว่าใครจะได้รับสิทธิ์พิจารณาคุมตัวนอกเรือนจำบ้าง แต่ใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ล้วนๆ ถึงมีปัญหาทั้ง เรื่องนายทักษิณและระเบียบที่หละหลวม
    
 ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องการเปิดเผยข้อมูลโรค รวมถึงการรักษาหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ข้อมูลสุขภาพ เป็นข้อมูลส่วนบุคคล แต่กรมราชทัณฑ์ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า มีเหตุผลที่ฟังได้อย่างไร ว่าทำไมนายทักษิณถึงมีสิทธิ์อยู่โรงพยาบาลเกือบจะ 120 วัน ไม่เหมือนกับนักโทษคนอื่นที่อาจจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพรุนแรง เมื่อถามว่า หากรัฐบาลยังเงียบ นายชัยธวัช กล่าวทันทีว่า แน่นอนว่าฝ่ายค้านจะต้องตรวจสอบแน่นอน ตนคิดว่าฝ่ายบริหาร ควรตอบสังคมให้ได้ในเรื่องนี้ อย่าเงียบและคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก
   
  นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลงานรัฐบาลที่โดดเด่นที่สุด ว่า นโยบายของรัฐบาลที่มีผลงานเป็นประจักษ์และสำเร็จมากที่สุดคือทำลายกระบวนการยุติธรรมของประเทศไม่มีชิ้นดี เพียงเพื่อตอบสนองความต้องการของครอบครัวชินวัตร กรณี นายทักษิณ ชินวัตร ยังไม่ติดคุกเหมือนประชาชนนักโทษรายอื่น เป็นการใช้ทฤษฎีเลือกปฏิบัติ สองมาตรฐานชัดเจน การอ้างว่ามีความจำเป็นต้องรักษาตัวรพ. ตำรวจ ชั้น 14 มีคำถามมากมาย หนึ่งป่วยเป็นโรคอะไร สองพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 จริงหรือไม่ สามกรมราชทัณฑ์ใช้ระเบียบใดทักษิณถึงได้สิทธิ์นานขนาดนั้น หลากหลายคำถามที่ประชาชนเกิดความสงสัย แต่ไม่เคยได้รับคำตอบ
   
  โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยังไม่นับรวมที่ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ที่คนในรัฐบาลนี้ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน นายกรัฐมนตรีไม่ทราบเรื่องนายทักษิณ รองนายกรัฐมนตรีก็ไม่ทราบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ไม่ทราบ กรมราชทัณฑ์ก็ตอบไม่ได้ กระบวนการต่อจากนี้คงต้องถามนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์เป็นลายลักษณ์อักษร และเชื่อว่าเรื่องนี้จะต้องมีคนที่รับผิดชอบอีกหลายคน
   
  นายราเมศ กล่าวอีกว่า กระบวนการยุติธรรมไทยโดนรัฐบาลชุดนี้ทำลายไม่มีชิ้นดี และคนรวย นักการเมืองที่มีอำนาจ จะใช้โมเดลทักษิณชั้น 14 เพื่อมีสิทธิพิเศษ ประชาชนทั้งประเทศต้องจำไว้ว่า คุกมีไว้ขังคนจน สำเร็จยอดเยี่ยม ภายใต้รัฐบาลชุดนี้
    
 วันเดียวกัน ที่ศาลปกครองกลาง นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางมายื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อฟ้องอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผบช.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ผอ.รพ.ราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ และละเลยต่อหน้าที่กรณีร่วมกันเอื้อประโยชน์ให้ นายทักษิณ ชินวัตร ได้สิทธิ์พิเศษไปนอนในรพ.ตำรวจ โดยเพิกเฉยต่อการบังคับใช้กฎกระทรวง และระเบียบต่างๆของกรมราชทัณฑ์ รวมทั้งการออกระเบียบให้ผู้ต้องขังออกไปคุมขังที่บ้านได้ ทั้งๆที่กฎกระทรวงไม่เคยกำหนดให้สามารถออกไปคุมขังที่บ้านได้ ถือเป็นการใช้อำนาจเกินไปกว่าที่กฎหมายกำหนด
   
  ทั้งนี้ หลังจากที่นายทักษิณเดินทางกลับมารับโทษจำคุกในประเทศ หลังจากที่หนีฟังคำพิพากษาไปกว่า 17 ปี แต่พอกลับมาจะเข้าคุกผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 ต่างใช้อำนาจต่างกรรมต่างวาระในการช่วยเหลือโดยใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบหรือกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือโดยไม่สุจริต หรือมีการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ร่วมกันอนุญาตให้นายทักษิณ ไปนอนรักษาตัวนอกเรือนจำในโรงพยาบาลตำรวจอย่างผิดกฎหมายมานานจนจะครบ 120 วันแล้ว
   
  อย่างไรก็ตาม พรบ.ราชทัณฑ์ 2560 มาตรา 55 กำหนดไว้ชัดเจนว่ากรณีที่กรมราชทัณฑ์จะอนุญาตให้ผู้ต้องขังที่ป่วยไปรักษาตัวนอกเรือนจำได้นั้น จะต้องมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต หรือเป็นโรคติดต่อเท่านั้น แต่นายทักษิณตามคำแถลงของกรมราชทัณฑ์และแพทย์ต่างๆ มิได้เข้าเงื่อนไขดังกล่าวแต่อย่างใด การอนุญาตให้นายทักษิณออกไปรักษาตัวยัง รพ.ตำรวจ จึงเป็นข้อพิรุธที่สังคมจับได้ ซึ่งต้องไปพิสูจน์กันในชั้นศาลเท่านั้น จึงจะเป็นที่ยุติ
   
  นอกจากนั้น ยังมีการออกระเบียบอนุญาตให้ผู้ต้องขังไปคุมขังนอกเรือนจำได้อีก โดยประกาศใช้เมื่อ 7 ธ.ค.66 ที่ผ่านมา ยิ่งตอกย้ำความพยายามในการเอื้อให้นายทักษิณไม่ต้องนอนคุกสักวันเดียว โดยอ้างเหตุนักโทษล้นคุก ทั้งๆที่นักโทษส่วนใหญ่ 99% เป็นนักโทษที่เกี่ยวกับยาเสพติด ไม่ได้อานิสงค์จากระเบียบแต่กลับเข้าเงื่อนไขที่จะให้ไปคุมขังที่บ้านได้ อันเป็นการทำให้คำพิพากษาของศาล ไม่มีความหมายต่อการลงโทษให้หลาบจำ
    
 ด้วยเหตุดังกล่าวองค์กรรักชาติ รักแผ่นดินจึงจำต้องนำความมายื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ศาลไต่สวนและมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งให้นักโทษออกไปนอนพักรักษาตัวนอกเรือนจำ อันเป็นคำสั่งหรือดุลยพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งขอให้เพิกถอนระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง 2566 นั้นด้วย โดยในการยื่นฟ้องวันนี้ได้ขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อขอให้มีคำสั่งทุเลาการบังคับการใช้ระเบียบดังกล่าว จนกว่าคดีจึงถึงที่สุด