เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2566 กลุ่มคนไทยจำนวน 9 คนที่ถูกขบวนการค้ามนุษย์หลอกไปทำงานที่เมืองเล้าก์ก่าย รวมทั้งผู้ที่ขอลี้ภัยสงครามและเด็ก 2 คน ในเขตปกครองโกก้าง รัฐฉานเหนือ ประเทศพม่าติดกับชายแดนจีน ได้เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยโดยทางเรือจากท่าเรือเมืองลามายังท่าเรือเชียงแสน จ.เชียงราย โดย 1 ในคนไทยกลุ่มนี้ระบุว่า ได้รับการชักชวนให้ไปทำงานที่มีรายได้ดี แต่เมื่อเดินทางไปถึงกลับถูกบังคับให้ทำงานที่ไม่ตรงกับข้อเสนอ ถูกกักขัง ข่มขู่ให้ทำงานหลอกลวงออนไลน์และถ้าไม่ยอมทำตาม หรือทำงานไม่ได้ตามเป้าหมายจะต้องถูกลงโทษด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ช็อตไฟฟ้า ขังเดี่ยว
"ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่(เมืองเล้าก์ก่าย) ทุกอย่างมันแย่มาก ยังคิดกับตัวเองเลยว่า จะตายไม่ได้ ต้องสู้ ผมต้องกลับไปดูแลลูก ผมมีแม่ มียายที่รออยู่ ถึงผมจะไม่ใช่ลูกที่ดีของแม่ แต่สัญญาว่าผมจะเป็นพ่อที่ดี ต้องเอาชีวิตกลับไทยให้ได้ แต่ไม่รู้ว่าออกไปได้อย่างไร เพราะคุยกันคนละภาษา สถานทูตไทยก็ไม่รู้อยู่ไหน ไม่มีตังค์สักบาทเดียว เราหนีออกมาขอไปตายดาบหน้า เพราะที่นี่มันโคตรโหดยิ่งกว่านรกอีก ผมโดนไฟฟ้าช็อต โดนตีแขนหัก กัดฟันว่ากูจะตายไม่ได้นะ
เหยื่อรายนี้กล่าวว่า พวกตนหนีออกจากเมืองเล้าก์ก่ายด้วยเดินมาตลอด ลากกระเป๋าเดินมาเป็นสิบๆ กิโลเมตร กว่าจะข้ามชายแดนและข้ามด่านมายังเขตปกครองพิเศษว้า เอกสารอะไรก็ไม่มี เราต้องมาลุ้นอีกว่าจะเป็นอย่างไร จะโดนระเบิดหรือไม่
เขากล่าวว่า หลังจากเดินด้วยเท้าเข้ามายังเขตปกครองพิเศษว้าก็ได้รับความช่วยเหลือจากทางการว้าด้วยดี โดยพาขึ้นรถมายังโรงแรมที่พักซึ่งมีรถนำขบวน พร้อมทั้งมีอาหารให้กินอย่างดี ไม่ว่าจะบอกทำอะไร เขาก็จัดการให้หมด จนกระทั่งทางการว้าส่งตัวพวกตนมายังเมืองลาเพื่อลงเรือกลับประเทศไทย โดยที่เขาออกค่าเรือและค่าใช้จ่ายให้หมด
"เขาดูแลเราอย่างดีมาก ทั้งกองกำลังว้า และกองกำลังเมืองลา ให้พักในโรงแรม สั่งอาหารให้อย่างดี ให้กินวันละ 5 มื้อ จนกินกันแทบไม่หมด ค่าเรือกันคนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 20,000 - 30,000 บาท แต่โชคดีที่ผู้บริหารของเขาสั่งการมาโดยตรงให้ดูแลนำส่งคนไทยทุกคนกลับถึงเมืองไทยโดยเร็วและปลอดภัยที่สุด พวกเราขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้การช่วยเหลือพวกเรา ทีมงานที่อยู่เบื้องหลังทุกท่าน จะไม่ลืมเลย"เหยื่อการค้ามนุษย์ กล่าว