ธนกรมั่นใจรัฐบาล-พรรคร่วมฯเดินหน้าไปได้ เร่งลุยต่อก่องานใหม่ลดความขัดแย้งทางการเมือง ติงก้าวไกลอย่าดีแต่ผลิตวาทกรรมดิสเครดิตรัฐบาล ฟันธงนิรโทษกรรมมาตรา112 ไม่สำเร็จแน่นอน  "อดิศร" ฟาดกลับ "พิธา" วิจารณ์ 100 วันรัฐบาลไม่มีดี เหน็บดีเฉพาะ "ก้าวไกล"  ด้าน "วันชัย"ชี้เปลี่ยนรัฐบาลทุกอย่างยังเหมือนเดิม "เศรษฐา"แค่ขยัน ไหว้สวยอยู่ยาก แนะปรับการบริหารใหม่ ไม่ต้องรีบดึง "อุ๊งอิ๊ง" มาแทน

     เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.66 นายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ให้สัมภาษณ์โดยวิเคราะห์ว่า วันนี้ทุกพรรคการเมืองต้องพิสูจน์การทำงานให้กับประชาชนได้เห็น เหมือนรัฐบาลที่เพิ่งเข้ามาได้ 3 เดือน ก็ต้องพิสูจน์ผลงาน ต้องทำนโยบายให้สำเร็จ  พรรครวมไทยสร้างชาติเองก็เช่นกัน รวมถึงต้องปรับยุทธศาสตร์เพื่อจะเดินหน้าทำงานต่อไปได้ หากพรรคใดไม่ปรับตัว ในการเลือกตั้งครั้งหน้าก็ไปยาก ยกตัวอย่างเช่นภาคใต้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก และเชื่อว่าเลือกตั้งที่ผ่านมา ทุกพรรคไม่ได้คิดว่าพรรคก้าวไกลจะมา ทุกพรรคจึงต้องมีรูปแบบการทำงาน นโยบาย ปรับวิธีคิดใหม่เช่น การใช้โซเชียลมีเดีย แต่ตนเชื่อว่าวันนี้ทุกพรรคปรับแล้วทั้งหมด แต่วิธีคิดที่ใหม่อย่างเดียวก็ไม่ได้  ต้องเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและทำสำเร็จด้วย ไม่ใช่พูดไปเรื่อย
    
 ผู้สื่อข่าวถามว่า ในอนาคตการเลือกตั้งรอบหน้า ไม่ได้สู้กันแบบเดิม แต่อาจจะเป็นการรวมพลังของทุกพรรคเพื่อสู้กับก้าวไกลหรือไม่ นายธนกร กล่าวยอมรับว่า ก็เป็นไปได้ ต้องยอมรับความจริงว่าในอนาคต พรรคเล็กเกิดยาก เมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กติกาใหม่ต้องสู้กันทั้งระบบ 
     
  ในพรรคก้าวไกลเองก็ต้องปรับตัว หลังจากเลยช่วงพีคผ่านไปแล้ว และต้องมาปรับ มาแก้ปัญหาภายในพรรคที่มีปัญหาหลายเรื่อง วันนี้ประชาชนเห็นทั้งหมดแล้ว ไม่ใช่ไปว่าคนอื่น ว่าพูดอย่างทำอย่าง  แต่ในขณะเดียวกัน ตัวเองพูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โกหกไปวันๆ ประชาชนฉลาดทุกคน และโซเชียลมีเดียในยุครัฐบาลพลเอกประยุทธ์ มีการเน้นให้ประชาชนเข้าถึง แอปพลิเคชันต่างๆ เช่นแอปฯเป๋าตัง วันนี้ประชาชนฉลาด รู้ทันนักการเมือง การพูดอย่างทำอย่าง พูดไม่ตรงข้อเท็จจริง  ประชาชนรู้หมด
    
 เมื่อถามว่า การแก้รัฐธรรมนูญในสมัยรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำนั้นจะสำเร็จหรือไม่  นายธนกร กล่าวว่า หากพรรคแกนนำมีความตั้งใจจริงที่จะแก้ก็แก้ได้ แต่การจะแก้ไขต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ และในส่วนพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต้องไม่เกี่ยวข้องกับคดีทำผิดมาตรา 112 หากฝั่งที่จะแก้ยืนกรานตน เชื่อว่าไม่ผ่าน ฟันธงว่าไม่สำเร็จแน่นอน  
    
 ทั้งนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ง่ายและมีการใช้งบประมาณทำประชาพิจารณ์เกือบ 7,000 ล้านบาท หาวิธีการที่จะประหยัดงบประมาณได้หรือไม่เอาเงินจำนวนนี้มาทำโครงการ คนละครึ่ง ต่อดีกว่า ซึ่งหากพรรคก้าวไกลไม่ยอมถอยมันก็เดินต่อไม่ได้ 
     
  "วันนี้สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ทำไว้ให้กับคนไทยมีความยั่งยืนอย่างแน่นอนเป็นประโยชน์กับประเทศชาติมาก วันนี้อยากให้ความขัดแย้งลดลงและทุกวันนี้ก็ถือว่าดีขึ้นมาก  การชุมนุมต่างๆ ก็น้อยลง คนไทยเริ่มหันหน้าเข้าหากันมากขึ้น อยากให้คนไทยรักกัน จะทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้และด้วยนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลชุดนี้และพรรคร่วมรัฐบาล ผมคิดว่าเราไปได้และทำให้ยั่งยืนได้ ซึ่งมีหลายอย่างที่ทำต่อยอดจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่อยากให้หวนกลับไปสู่ความขัดแย้งอีก ขอให้ถ้อยทีถ้อยอาศัยและพูดคุยกันจะดีกว่า" นายธนกร กล่าว
   
  นายชนินทร์ รุ่งแสง ว่าที่รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ว่าที่กรรมการพรรคประชาธิปัตย์หลายคนได้เริ่มต้นเตรียมการและมีความเคลื่อนไหวมีการพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น เพื่อเดินหน้าทำงาน ซึ่งทุกคนก็ยอมรับว่าการทำงานฟื้นฟูพรรค ขณะนี้เป็นเรื่องที่ยากแต่ทุกคนก็ไม่ท้อหรือถอดใจ ถึงแม้จะคิดว่าคณะกรรมการบริหารชุดนี้มีต้นทุนต่ำโดนวิพากษ์วิจารณ์ในทางไม่ดีเยอะมากและหลายฝ่ายก็ไม่ได้ คาดหมายถึงผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นในระยะใกล้นี้ โดย ในการทำงาน ช่วงแรก คงจะมีการเริ่มต้นเดินหน้าทำงาน ถอดบทเรียนความล้มเหลว และความแตกแยกที่เกิดขึ้น เพื่อหาทางแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคต
   
  อย่างไรก็ตาม อยากจะตั้งเป้าหมายไว้เบื้องต้นเพื่อให้พรรค เป็นที่ยอมรับและมีสมาชิกเข้ามาร่วมงานการทำงานเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าภายในหกเดือนถึง 1 ปีน่าจะมีสมาชิกใหม่เข้ามา และสมาชิกเก่ากลับเข้ามาร่วมงานกันต่อไป โดยน่าจะมีการเดินสายพบปะประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาชิกทั่วประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นปรับจูนทัศนะความคิดและที่สำคัญรับฟังปัญหาเสียงสะท้อนต่างๆของประชาชนเพื่อนำไปติดตามเสนอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาหรือทำเป็นนโยบายพรรคในอนาคตต่อไป
       
      
 สิ่งสำคัญที่ คณะกรรมการชุดนี้ต้องให้ความชัดเจน คือต้องพิสูจน์การทำงานที่ยึดมั่นพันธสัญญาของว่าที่หัวหน้าพรรคที่ให้ไว้ในที่ประชุมใหญ่ครั้งแรก เมื่อได้รับตำแหน่งว่า จะยึดมั่นอุดมการของพรรคไม่เป็นพรรคอะไหล่ในการร่วมรัฐบาลและจะรีบทำงานฟื้นฟูภายในพรรคเพื่อการเปลี่ยนผ่านให้เร็วที่สุด นายชนินทร์ กล่าว
     
ด้าน นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความผ่านเพจ ทนายวันชัย สอนศิริ ระบุว่า อุ๊งอิ๊งมา เศรษฐาไปใช่หรือ? เป็นความกดดันของประชาชนอย่างมาก เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลใหม่แล้ว เศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ การทำมาค้าขายจะต้องดีขึ้น ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างมันเหมือนเดิมจะเปลี่ยนรัฐบาลไปทำไม นี่แหละบทหนักจึงต้องไปตกที่นายกฯ เศรษฐา แม้จะสปีดการทำงานแก้ปัญหาทุกสิ่งอย่างเต็มที่ แต่ความรู้สึกของชาวบ้านเขาก็ยังไม่เห็นว่ามีอะไรเปลี่ยน ยังไม่ไปไหน ได้แต่เห็นความขยันความทุ่มเทแล้วก็ไหว้สวยเท่านั้น ถ้ายังขืนเป็นเช่นนี้ เศรษฐาก็เศรษฐาเถอะน่าจะอยู่ยาก แม้ว่าดวงดาวจะเป็นเทพอุ้มสมก็ตาม คงต้องปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารจัดการกันเสียใหม่ ไม่ต้องถึงขั้นเอาอุ๊งอิ๊งมาแทนหรอก เพราะนั่นมันจะยิ่งไปกันใหญ่ ถ้ามาเป็นได้เขาก็คงเอามาเป็นตั้งแต่แรกแล้ว ยังไงๆตอนนี้ก็ต้องนายกฯ เศรษฐาไปก่อน แล้วอุ๊งอิ๊งจะมาเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที ไม่ต้องรีบร้อน
   
  นายวันชัย ระบุต่อว่า เรื่องแก้รัฐธรรมนูญก็ไม่จำเป็นต้องไปเร่งรีบอะไร ชาวบ้านไม่มีใครเขาเดือดร้อนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงเดือน พ.ค. 67 สว. ชุดนี้ก็ไปแล้ว รัฐธรรมนูญก็เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ จะไปแก้ให้เปลืองเงินเป็นหมื่นล้านทำไม มาตราไหน ตรงไหนไม่พอใจก็แก้มันตรงนั้น แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว ส่วนเรื่องนิรโทษกรรม ถ้าทำแล้วบ้านเมืองมีความปรองดอง มีความรักความสามัคคีก็รีบทำเถอะ มาเริ่มต้นกันใหม่ให้บ้านเมืองมันเดินต่อไปดีกว่า ทำได้รีบทำ อย่าตั้งแง่ตั้งงอนกันเลย จบได้ควรจบ เลิกได้ควรเลิก แม้จะมีคนได้บ้างเสียบ้าง แต่บ้านเมืองมันเดินไปได้ด้วยดี ผมว่าแค่นี้ก็คุ้มแล้ว ทำเถอะครับอย่ามัวรีรอกันเลย
      
 ปีใหม่นี้ตามดวงดาวเขาบอกว่าเป็นปีที่ดีที่แข็งของรัฐบาล ถ้าไม่เริ่มไม่เร่งตอนนี้ จะไปเริ่มเมื่อไหร่นายวันชัย ระบุ
     
ขณะที่ นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล โพสต์ข้อความผ่าน X ดังนี้  พิศวง สงสัย ไปทุกเรื่อง ค้าน แค้น เคือง เหลวไหล โลกแห่งความฝันของก้าวไกล พิธา เติมไฟในอารมณ์ 
    
 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ วิจารณ์รัฐบาล100 วัน ดูเหมือนจะไม่มีดีเลย ดีเฉพาะก้าวไกล เท่านั้น