วันที่ 15 ธันวาคม 2566 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วยนายอุดมชัย โลหณุต ผอ.ปปส.กทม. สำนักงาน ป.ป.ส. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 พล.ต.ต.นพสิทธิ์ มิตรภักดี รองผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 1 พ.ต.อ.ธีระชัย เด็ดขาด รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 ผู้แทนจาก สำนักงานอนามัย กทม. ผู้แทนสำนักงานเขต เปิด “ยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย ครั้งที่ 2/2567” ตรวจค้นชุมชนแพร่ระบาดยาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 50 เป้าหมาย ในพื้นที่ 6 เขต คือ เขตบางแค เขตหนองแขม เขตบางบอน เขตบางขุนเทียน เขตภาษีเจริญ เขตจอมทอง

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศให้ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน และต้องเห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 1 ปี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จึงได้กำหนดให้มีปฏิบัติการลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติด Quick win มุ่งเน้นสิ่งที่สามารถทำได้โดยเร่งด่วนและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน คือการลดความรุนแรงจากจิตเวชและยาเสพติดในชุมชน การสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้าประเทศ และการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อยในชุมชน

จึงเป็นที่มาของยุทธการ เด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย ซึ่งเป็นการร่วมมือของหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งจาก ป.ป.ส. ตำรวจ ทหาร สาธารณสุข มหาดไทย สำนักอนามัย พัฒนาชุมชน กรมคุมประพฤติ เครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดิน ลงพื้นที่ชุมชนที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติด เพื่อจัดการผู้ค้ารายย่อยในชุมชน และนำผู้เสพ หรือผู้ที่มีอาการทางจิตเวชจากยาเสพติดหรือจากสาเหตุอื่น เข้ารับการบำบัดรักษา และจะดำเนินการในทั่วประเทศ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ชุมชน

โดยผล “ยุทธการ เด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย ครั้งที่ 2” มีผลเบื้องต้น ตรวจสอบ 14 เป้าหมาย จากทั้งหมด 50 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหาข้อหาจำหน่าย 6 ราย นำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัด 7 ราย และผู้ป่วยจิตเวช 2 ราย ตรวจยึดยาบ้า 16,143 เม็ดคีตามีน 1006.64 กรัม ไอซ์ 3.62 กรัม ยาอี 200 เม็ด ตรวจยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ 17 รายการ รวมมูลค่า 543,000 บาท

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หรือบิ๊กหลวง ได้เดินทางไปที่ชุมชนเขตหนองแขม เพื่อเปิดเผยถึงกระบวนการนำผู้เสพยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ซึ่งจะเริ่มต้นจากการประเมินผู้ป่วยโดยเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญ เพื่อส่งต่อไปยังสถานพยาบาลตามระดับอาการเพื่อรักษาได้อย่างเหมาะสม โดยหากเป็นผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตเวช จะต้องถูกส่งไปรักษาที่ รพ.สังกัดกรมสุขภาพจิต และหากผ่านขั้นตอนในการรักษา จะเข้าสู่ขั้นตอนฟื้นฟูและติดตามช่วยเหลือในด้านสวัสดิการและการส่งเสริมอาชีพ
 
 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ ยังได้กล่าวให้กำลังใจ ผู้ป่วยจิตเวช และผู้เสพยาเสพติดในการเข้าสู่กระบวนการบำบัด รวมถึงยังได้ร่วมพูดคุยกับครอบครัว คนรอบข้าง โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญในการได้รับกำลังใจจากคนรอบตัวและการให้โอกาสจากชุมชนจะเป็นแรงสนับสนุนที่สำคัญให้ผู้ป่วยจากการเสพยาเสพติดต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง และหลุดพ้นจากวงจรยาเสพติด

ในตอนท้าย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ ได้มอบทุนประกอบอาชีพแก่ผู้ผ่านการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติด จำนวน 1 ราย ซึ่งเจ้าตัวหลังจากได้รับการบำบัดจนหายจากการติดยาเสพติด ได้เรียนรู้วิชาชีพและต้องการเปิดร้านสักลาย ซึ่งบิ๊กหลวง ได้กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ดีในการได้เห็นผู้ที่ตั้งใจ และสามารถเปลี่ยนชีวิตตนเองได้สำเร็จ ซึ่งในฐานะภาครัฐต้องสนับสนุนเคสเช่นนี้ ให้เห็นว่าการติดยาเสพติดเลิกได้ เปลี่ยนแปลงได้หากเราตั้งใจ ตนขอมอบทุนประกอบอาชีพ เพื่อเป็นของขวัญในช่วงปีใหม่ และจะสนับสนุนเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง นอกจากได้ช่วยเหลือ ได้ให้โอกาส ยังเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับผู้เสพยาเสพติดท่านอื่นๆ ให้มีกำลังในการเปลี่ยนแปลงตัวเองและเข้าสู่กระบวนการบำบัด