เคราะห์ร้าย ดวงถึงฆาต ! ผู้เฒ่า วัย 66 บอกลูกชายจะไปหาตัดฟืน แต่ลูกชายบอกไม่ต้องไป มืดแล้ว สุดท้ายพบอีกทีกลายเป็นศพจมน้ำอยู่ในสระกลางไร่อ้อย ในสภาพขาพันตะคัคที่ชาวบ้านวางดักปลาไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.14 น.ของวันที่ 14 ธ.ค.66 ที่ผ่านมา ร.ต.อ.สมยศ นิสัยดี รองสารวัตรเวร สภ.สำรอง จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านหนองกลางเนิน หมู่ที่ 9 ว่ามีคนพบศพผู้เสียชีวิตลอยคว่ำหน้าอยู่ในสระน้ำกลางไร่อ้อย หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเรื่อง
จากนั้นจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานแพทย์เวร รพ.สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 ร่วมกับมูลนิธิขุนรัตนาวุธจุดรอรับเหตุตำบลบ้านใหม่ให้มาร่วมชันสูตรพลิกศพ
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสระน้ำดินขุดอยู่กลางไร่อ้อยพบว่ามีร่างของผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชายลอยคว่ำหน้าอยู่ริมขอบสระฯ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ นำศพขึ้นมาเพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพ
เบื้องต้นพบว่า ผู้ตายรายนี้ที่บริเวณขาทั้งสองข้างมีผืนตะคัคที่ชาวบ้านวางดักปลาพันอยู่ ตรวจสอบหลักฐานบัตรประชาชนทราบชื่อผู้ตายชื่อนายเลียบ(ขอสงวนนามสกุล)อายุ 66 ปี อยู่หมู่ 9 ต.บ้านใหม่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ตรวจสอบตามร่างกายแล้วไม่มีบาดแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้าย
จากการสอบสวนปากคำลูกชายของผู้ตายทราบว่า ก่อนหน้าที่จะพบว่าผู้เป็นพ่อหายไปและพบว่าเสียชีวิตอยู่ในสระน้ำครั้งนี้
เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.ของวันเดียวกันนายเลียบ ผู้เป็นพ่อได้บอกกับลูกชายว่า จะไปหาตัดฟืนมาไว้ใช้ แต่ลูกชายบอกว่า ไม่ต้องไปมันมืดแล้ว แต่ผู้ตายไม่เชื่อ ได้ออกจากบ้านหายไปไม่กลับมาอีกเลย จนกระทั้งมืดค่ำแล้ว ลูกชายและญาติๆ เห็นว่ามันผิดสังเกตุ ทำไมผู้เป็นพ่อยังไม่กลับบ้าน อาจจะเกิดเหตุร้ายเกิดขึ้นกับพ่อก็เป็นได้
จึงได้ช่วยกันออกตามหา และไปขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิขุนรัตนาวุธที่จุดรอรับเหตุตำบลบ้านใหม่ เพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่ให้ช่วยออกติดตามค้นหาโดยประสานกับผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้าน
จนกระทั่งไปพบว่านายเลียบ ผู้ตายลอยคว่ำหน้าอยู่ในสระน้ำกลางไร่อ้อย ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ขณะที่ผู้ตายกำลังเดินหาฟืน คงเหลือบไปเห็นปลาแหวกว่ายอยู่ในสระน้ำด้วยความอยากได้จึงลงน้ำหาปลา แต่ลืมนึกไปว่า ตัวเองว่ายน้ำไม่เป็น ประกอบอากาศเย็นจัดจึงทำให้ผู้ตายเกิดเป็นตะคริว และขาทั้งสองข้างไปติดตะข่ายที่ชาวบ้านนำมาวางดักปลา จึงทำให้ผู้ตายจมน้ำเสียชีวิตดังกล่าวก็เป็นได้ สอบถามญาติๆ และลูกของผู้ตายไม่มีใครติดใจสงสัยในสาเหตุการตาย จึงมอบศพให้ญาติๆ และลูกๆ ของผู้ตายนำศพไปจัดการตามประเพณีทางศาสนาต่อไป