วันที่ 14 ธ.ค.2566 เวลา 10.40 น.ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร  คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม มีการพิจารณากระทู้ถามสดของน.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เรี่องการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบที่ผลการลงทะเบียนช่วงแก้หนี้นอกระบบ ช่วงวันที่ 1-12 ธ.ค.พบ 5 จังหวัดที่มีประชาชนมาลงทะเบียนมากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหนี้ที่มาลงทะเบียน แสดงให้เห็นว่า ลูกหนี้ไม่กล้ามาลงทะเบียนแก้ปัญหา เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ อยากทราบว่า รัฐบาลจะแก้ปัญหาลูกหนี้ไม่กล้ามาลงทะเบียนอย่างไร เพราะทุกวันนี้เจ้าหนี้ยังส่งคนไปตามเก็บดอกเบี้ยลูกหนี้อยู่ และจะทำอย่างไรให้เกิดความร่วมมือระหว่างเจ้าหนี้-ลูกหนี้ในการแก้ปัญหา 

โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงว่า หลังจากที่ลูกหนี้มาลงทะเบียนแก้ปัญหาแล้ว จะใช้กลไกฝ่ายปกครอง และตำรวจเรียกเจ้าหนี้และลูกหนี้มาเจรจาไกล่เกลี่ยหากตรวจสอบพบว่า มีการชำระหนี้เกินยอดเงินต้นที่ยืมมาแล้ว  จะเจรจายุติยอดหนี้ทั้งหมดอย่างละมุนละม่อม ยอมรับว่าที่ประชาชนยังไม่กล้ามาลงทะเบียนแก้ปัญหา เพราะยังลังเลรอดูความจริงใจของรัฐบาลจะเอาจริงเอาจังการแก้หนี้นอกระบบอย่างเป็นรูปธรรมแค่ไหน รอดูฝ่ายปกครอง ตำรวจจะดูแลความปลอดภัยได้แค่ไหน เชื่อว่า หลังจากนี้ประชาชนจะทยอยมาลงทะเบียนแก้ปัญหาเพิ่มขึ้น 

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตัวเลขหนี้นอกระบบที่มาลงทะเบียนขณะนี้จำนวนหลายพันล้านบาท แต่เชื่อว่า ยังต่ำกว่าตัวเลขจริงจำนวนมาก  การที่เจ้าหนี้บางส่วนลองของใช้กำลังข่มขู่ คุกคามลูกหนี้ที่มาขึ้นทะเบียน ไม่ยอมรับกระบวนการเจรจานั้น ยืนยันรัฐบาลจะดำเนินการตามกฎหมายเอาผิดการทวงหนี้ผิดกฎหมาย เชื่อว่าจะแก้ปัญหาหนี้นอกระบบได้เป็นรูปธรรม เบื้องต้นคือให้หยุดการเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด

ทั้งนี้รัฐบาลมีทางเลือกแก้ปัญหาโครงสร้างหนี้นอกระบบ ผ่านกลไกพิโคไฟแนนซ์ที่เป็นสถาบันให้กู้ขนาดเล็ก มีกระทรวงการคลังกำกับ ผ่านกระบวนการลงทะเบียน มีทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 5 ล้านบาท ปล่อยสินเชื่อรายละไม่เกิน 50,000บาท เรียกเก็บอัตราดอกเบี้ย 33% ต่อปี กรณีมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หากไม่มีหลักประกันจะมีอัตราดอกเบี้ย 36%  เป็นแนวทางสร้างเครื่องมือกลไกการเงินขนาดเล็ก รองรับปัญหาหนี้นอกระบบ โดยเจ้าหนี้นอกระบบสามารถผันตัวเข้าขอใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง เพื่อทำธุรกิจถูกกฎหมาย มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าธนาคารพาณิชย์ 

"ขณะเดียวกันลูกหนี้ไม่เดือดร้อนเพราะอยู่ในกำกับของรัฐ การมีหนี้ไม่ถือว่า ผิดบาป หากประเทศไม่มีกลไก หรือเครื่องมือก่อหนี้ เพื่อนำหนี้มาประกอบอาชีพ สร้างรายได้ใหม่ ไม่มีโอกาสเจริญรุดหน้า หรือเติบโตเพียงพอ เพียงแต่หนี้นอกระบบต้องอยู่ในระดับสามารถบริหารจัดการตนเองได้" รมช.คลัง กล่าว