ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาคดี ดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำอ.2887/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง นายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ , นายชินวัตร หรือไบรท์ จันทร์กระจ่าง , นายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก , น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ่ง , น.ส.จิรฐิตา ธรรมรักษ์ และนายคริษฐ์ อร่ามพิบูลกิจ อยู่ระหว่างหลบหนี แกนนำคณะราษฎร ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันตาม กฎหมายอาญา มาตรา112 ,ฐานร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียง โดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะจนเป็นอุปสรรคต่อความสะดวกในการจราจร มาตรา 116
สืบเนื่องจากกรณีเมื่อระหว่างวันที่ 1-3 ธ.ค. 2563 ต่อเนื่องกันพวกจำเลยได้จัดกิจกรรม #ม็อบ2ธันวาไล่จันทร์โอชาออกไปโดยชุมนุมปราศรัย ยุยง ปลุกปั่น พาดพิงให้ร้ายสถาบันด้วยถ้อยคำหยาบคาย มีผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 3,000 คน บริเวณห้าแยกลาดพร้าว หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ถ.พหลโยธิน กทม.เกี่ยวพันกัน คดีนี้พวกจำเลยให้การปฏิเสธ
โดยในวันนี้ศาลอ่านคำพิพากษาเฉพาะในส่วนเฉพาะของนายชินวัตร ที่กลับคำให้การเป็นรับสารภาพเมื่อช่วงเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว พิพากษาว่า นายชินวัตร จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112,116 (2)(3) 215,216,385 ,พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 108,114, วรรคหนึ่ง มาตรา 148 วรรคหนึ่ง ,พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ.2493 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง มาตรา 9 วรรคหนึ่ง ,พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 19,57 ,พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มาตรา 34,35,51,52 ,พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 9 และ18
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกรรมเป็นกระทง ดังนี้ ความผิดไปตามป.อาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ จำคุก 4 ปี ความผิดตามป.อาญา มาตรา 116 (2)(3) มาตรา 215,216 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามป.อาญามาตรา 116 (2)(3) ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีบทลงโทษหนักที่สุด จำคุก 2 ปี ร่วมกันฝ่าฝืนพ.ร.บ.การจราจรมาตรา 108,114 วรรคหนึ่ง , พ.ร.บ.รักษาความสะอาด , พ.ร.บ.ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 19 และความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 385 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม ป.อาญา มาตรา 385 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ปรับ 2,000 บาท ฐานร่วมกันโฆษณา ใช้เครื่องขยายเสียง โดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 200 บาท ฐานร่วมกันฝ่าฝืนพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มาตรา 34,35 และฐานร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทต้องลงโทษฐานร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนด ตามพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ตามป.อาญา มาตรา 90 ปรับ 2,000 บาท รวมจำคุก 6 ปี และปรับ 22,200 บาท รับสารภาพ ลดโทษกึ่งนึง จำคุก 3 ปี ปรับ 11,100บาท
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับคดีนายชินวัตร หรือ ไบรท์ จันทร์กระจ่าง 1 ใน แกนนำคณะราษฎร จำเลยคดีดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูงตามมาตรา 112 และข้อหาอื่น ที่ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 11,100 บาทโดยไม่รอลงอาญาแล้วนั้น ปรากฏว่าเมื่อหมดเวลาทำการแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีญาติของนายชินวัตร จำเลยมายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดีแต่อย่างใด จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวนายชินวัตรไปคุมขังตามคำพิพากษาต่อไป