นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า การทำงานของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน กว่า 3 เดือน ได้พยายามวางแผนรับมือสถานการณ์ฝุ่น ในระยะสั้น กลาง ยาว ให้ครบถ้วนที่สุด ทั้งเพิ่มมาตรการทางภาษีสำหรับผู้ที่ก่อมลพิษ การเชิญชวนให้เปลี่ยนมาใช้รถพลังงานไฟฟ้า และรถที่ใช้เครื่องยนต์มาตรฐานยูโร 5 โดยสิ่งเหล่านี้จะสร้างความตระหนักให้กับภาคสังคม ภาคเกษตรกร เอกชน ร่วมกันแก้ปัญหาให้ยั่งยืน
“นายกฯ มีความร้อนใจเรื่องนี้ เพราะรู้ว่าภาวะฝุ่น PM 2.5 จะรุนแรงขึ้นในช่วงปลายปี จนถึงช่วงต้นปี 2567 โดยย้ำว่ารัฐบาลจะทำทุกทางเพื่อให้ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่จะมีค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) สูง และเป็นปีสุดท้ายที่ประชาชนจะเจอปัญหาฝุ่น ก่อนหน้านี้นายกฯลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และได้ประชุมร่วมกับผู้ว่าฯ 17 จังหวัดภาคเหนือตอนบน เกี่ยวกับการแก้ปัญหาเรื่องนี้ และหารือกับภาคประชาสังคม รวมทั้งขอความร่วมมืองดการเผาพืชผลการเกษตร และเน้นย้ำ เรื่องการลงโทษสำหรับการสร้างมลพิษ” นายจักรพล กล่าว
นายจักรพล กล่าวอีกว่า นายกฯ ยังได้คุยกับปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถึงค่าฝุ่นPM 2.5 ที่สูงขึ้น เกิดจากสาเหตุการเผาอ้อยในพื้นที่ปริมณฑล และกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปแก้ปัญหา ขณะที่ฝ่ายนิติบัญญัติโดยพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดจะพยายามขับเคลื่อนการออกกฏหมายการออกกฏหมายร่างพ.ร.บ.กฎหมายสะอาด เข้าสภาฯ ทั้งนี้วันที่14 ธ.ค.นี้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ปรึกษาของนายกฯจะลงพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ผลักดันต้นแบบจากการเผา เป็นนวัตกรรมการเกษตรอย่างอื่นแทน โดยรัฐบาลมีมาตรการที่จะให้เงินทุนอุดหนุนกับเกษตรกรที่เป็นสมาชิกธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ที่ใช้วิธีการอื่นแทนการเผา
เมื่อถามว่า ปัญหาค่าฝุ่นที่สูงในกรุงเทพฯ เกิดจากการเผาใน จ.ปทุมธานี ใช่หรือไม่ นายจักรพล กล่าวว่า เกิดจากการเผาไร่อ้อยเพื่อเตรียมหน้าดิน
เมื่อถามย้ำว่า รัฐบาล จะมีมาตรการที่เป็นรูปธรรม เพื่อบรรเทาสถานการณ์ในกรุงเทพฯ อย่างไร นายจักรพล กล่าวว่า รัฐบาลเพิ่งได้ทำงานมาได้3 เดือนกว่า แต่ได้เริ่มดำเนินมาตรการ เช่น จับกุมผู้เผา ที่เกษตรจังหวัดจะทำงานร่วมกับนายอำเภอในต่างจังหวัด โดยกำชับว่าจะต้องเข้าไปดูแลเฝ้าระวังไม่ให้เผาอย่างเข้มข้น
เมื่อถามว่า จะประสานไปยังไซต์งานก่อสร้างหยุดเรื่องการก่อสร้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นการชั่วคราวได้หรือไม่ นายจักรพล กล่าวว่า จะหารือกับผู้ว่าฯ กทม.
เมื่อถามว่า ในทำเนียบจะเป็นจุดเริ่มต้นนำร่องแก้ปัญหาเหมือนที่ผ่านมา เช่น การปล่อยละอองน้ำลดฝุ่น หรือติดเครื่องยนต์เมื่อจอด นายจักรพล กล่าวว่า ในฐานะที่ดูแลเรื่องนี้จะหารือ ผอ.กองอาคารสถานที่และรักษาความปลอดภัย พิจารณาดำเนินการ มาตรการรักษ์โลกต่อไป รวมถึงให้เน้นการเดินในทำเนียบรัฐบาล กทม.
ส่วนข้อเสนอที่จะให้มีการขอความร่วมมือให้พนักงานเวิร์คฟรอมโฮม ในภาคเอกชนนั้น ไม่ว่ามาตรการใดที่ใช้แล้วประสบผลสำเร็จ ก็จะนำมาถอดบทเรียน
เมื่อถามย้ำว่า ปัญหาฝุ่นมีมานานแต่ที่ผ่านมาเหมือนจะหย่อนยานเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย นายจักรพล กล่าวว่า นับจากนี้ ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติจะร่วมกันผลักดันการแก้ปัญหาแก้ปัญหาด้วยความเข้าใจที่ตรงกัน ทำให้เป็นวาระแห่งชาติอย่างแท้จริง ที่ผ่านมาแม้จะประกาศเป็นวาระแห่งชาติแต่ไม่ถูกนำไปปฏิบัติอย่างยั่งยืน