หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ยืนหยัดฟันฝ่า ทุกอุปสรรค ทุ่มเท ทำงานเพื่อรับใช้สังคม นำเสนอความจริง ผลงานก้าวสู่ปีที่ 74 เป็นเครื่องพิสูจน์…*…

พิธีกรรม พิธีการเลือก “หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่”  จบสิ้นลงไปแล้ว เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 66 พรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม ได้ “คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่” มี “เสี่ยต่อ”  เฉลิมชัย ศรีอ่อน  นั่ง “หัวหน้าพรรค” และ “เดชอิศม์ ขาวทอง” สส.สงขลา  “มือขวาคู่ใจ” พาสชั้นขึ้นมานั่ง “เลขาฯพรรค” งานนี้จะว่าไม่พลิกโผ ก็ถูก เพราะสูตรนี้ถูกวางเอาไว้ตั้งแต่ต้น เพียงแต่จะใช้ “วิธีการ” อย่างไร เพื่อให้ทุกอย่าง “ลงตัว” ก็เท่านั้นเอง ! …*…

ปัญหาในพรรคประชาธิปัตย์ เผชิญกับ “ศึกใน” หนักหนากว่า “ศึกนอก”  ความคุกรุ่นจากความแตกแยกใช่ว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันวาน แต่เป็นเรื่องที่สะสมเรื้อรังมาตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อ 2562 และยืดเยื้อต่อยอดมาจนถึงการเลือกตั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อพรรค เหลือ สส.เพียง “25 ที่นั่ง”  เก้าอี้ สส.ที่ลดลง ยังไม่เท่าเอกภาพ และความเหนียวแน่นของสมาชิกที่ลดน้อยถอยลง ทุกอย่างมาปะทุหนักขึ้นเมื่อการเลือก “หัวหน้า-เลขาฯพรรคคนใหม่” มาถึงห้วงสุดท้าย ในการประชุมใหญ่พรรครอบที่ 3 ครั้งนี้ …*…

ความเปลี่ยนแปลงสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งนี้ได้ส่งผลลัพธ์ตามมาทันที เมื่อ “อภิสิทธิ์” ลุกขึ้นประกาศ “ถอนตัว” จากการชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค ไม่หนำซ้ำยังประกาศ “ลาออก” จากการเป็น “สมาชิกพรรค” ทำเอาในที่ประชุมถึงกับอึ้ง และตกใจไปตามๆกัน เพราะการตัดสินใจเช่นนี้ จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงถัดมา ทั้ง “สาธิต ปิตุเตชะ” อดีตรองหัวหน้าพรรค และ “สุรันต์ จันทร์พิทักษ์”  อดีต สส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค โดยไม่ต้องนัดหมาย …*…

เชื่อได้เลยว่าภาวะ “เลือดไหลออก” จากประชาธิปัตย์ เพิ่งเริ่มต้น จากนี้จะมีตามมากันอีกหลายราย  อย่าลืมว่าปัญหาการไม่ยอมรับ “เฉลิมชัย-เดชอิศม์” นั้นไม่ใช่แค่เรื่องของตัวบุคคล แต่ลึกๆแล้ว นี่คือการที่อีกฝ่ายหนึ่ง “ยึดพรรค” ได้สำเร็จ น่าสนใจว่า “สถานีต่อไป” ของประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของ “เฉลิมชัย-นายกชาย” จะไปจบที่การเข้าร่วมรัฐบาลกับ “พรรคเพื่อไทย” หรือไม่ แม้ “เฉลิมชัย” จะให้สัญญาแล้วว่าจะไม่ทำให้ “ประชาธิปัตย์” เป็นพรรคอะไหล่ให้ใคร ก็ตาม …*…

ที่มา:พันแสง (11/12/66)