ธ.ก.ส.เปิดแผนขับเคลื่อน 4 มิติ ยกระดับเกษตรกรไทย มุ่งเป็นแกนกลางภาคเกษตรอย่างยั่งยืน
เทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มีการเติบโตอย่างเข้มแข็ง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้กำหนดวิสัยทัศน์ให้ธนาคารเป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน พร้อมก้าวเข้าสู่ปีที่ 58 ด้วยการมุ่งสู่การเป็น Essence of Agriculture หรือแกนกลางให้ภาคการเกษตร ภายใต้การบริหารงานของ คุณฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
คุณไพศาล หงษ์ทอง ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เผยว่า ธ.ก.ส.กำหนดวิสัยทัศน์เป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืนต่อเนื่อง ผ่านการทำงาน 2 มิติ มิติแรกเป็นธนาคารที่ยั่งยืนโดยนำเรื่องของเทคโนโลยีมาให้บริการกับลูกค้า เพื่อจะให้ธนาคารเป็นแหล่งบริการทางการเงินที่ครบวงจรในภาคการเกษตร และนำข้อมูลที่ ธ.ก.ส.มีอยู่มาบริหารจัดการ และออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมต่างๆมาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่มาใช้บริการ ในการลดต้นทุนการเข้าใช้บริการของผลิตภัณฑ์ทางการเงินของ ธ.ก.ส.ทำให้องค์กรมีความเข้มแข็งมากขึ้น ซึ่งจะเป็นมิติหนึ่งของธนาคารที่ยั่งยืน กับอีกมิติหนึ่งของธนาคารไปพัฒนาชนบทให้เกิดความยั่งยืน เมื่อเศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็งคนในชนบทที่เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของ ธ.ก.ส. ก็จะมีรายได้ที่ดี และก็มีความเข้มแข็ง พัฒนาลูกค้าที่มีอยู่บนศักยภาพที่เขามี ผ่าน BCG Model (สินเชื่อเพื่อเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy Credit) สินเชื่อเพื่อเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy Credit) สินเชื่อสีเขียว (Green Credit) ซึ่งเป็นเทรนด์ของโลก และเป็นเทรนด์ตลาด เพื่อยกระดับให้มีความเข้มแข็งในการผลิต
นอกจากนี้คุณฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้กำหนดแนวทางให้ ธ.ก.ส. เป็นแกนกลางภาคการเกษตร หรือ Essence of Agriculture ซึ่งเป็นภารกิจอีกมิติหนึ่งที่จะทำในปี 2567 โดยมีการขับเคลื่อน 4 แนวทาง ได้แก่ 1.เป็นแหล่งสินเชื่อภาคการเกษตรที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหรือผู้ประกอบการภาคเกษตร สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีความเหมาะสม อัตราดอกเบี้ยต่ำ มีผลิตภัณฑ์ที่รองรับครบวงจร และตอบโจทย์ เราอาจจะออกแบบสินเชื่อแบบเดิมที่จะใช้กับคนทั่วไปในวงกว้างอย่างเดียวคงไม่ได้ แต่ละกลุ่มมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ตอบโจทย์ของลูกค้าที่อยู่ในปัจจุบันและอนาคต อันนี้เป็นมิติของการที่เป็นเรื่องสินเชื่อที่ดี 2.การให้สินเชื่อคู่กับองค์ความรู้ นำองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีมาใช้ในการปรับเปลี่ยนการผลิตที่เกษตรกรมีอยู่ การทำการผลิตแบบเดิมอาจจะไม่ตอบโจทย์ในสมัยใหม่ เพราะทำให้ต้นทุนสูง และรายได้ไม่มากนัก แต่ถ้า ธ.ก.ส.เป็นข้อกลางในการเอาเทคโนโลยี่ และเครือข่ายที่ ธ.ก.ส.มีมาช่วยลูกค้าทำให้ปรับเปลี่ยนการผลิตได้ ก็จะทำให้มีต้นทุนการผลิตต่ำลง ยกระดับให้ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น ธ.ก.ส.จะเชื่อมระหว่างคนที่มีองค์ความรู้หรือแม้แต่เกษตรกร ซึ่งมีอยู่หลายกลุ่ม ยกตัวอย่างมีกลุ่มผู้ประกอบการเกษตรมีความรู้ในเรื่องของการรวบรวม การแปรรูป ในการยกระดับผลิตภัณฑ์ แต่ไม่มีความรู้ในเรื่องของวัตถุดิบที่เพียงพอ และเหมาะสม เพราะฉะนั้น เรามีลูกค้าที่เป็นกลุ่มทำการผลิตได้ แต่ทำอย่างไร ให้คนกลุ่มนี้สามารถผลิตแล้วตอบโจทย์และสอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ เราจะต้องจับสองคนมาเชื่อมกัน ผู้ประกอบการจะได้ประโยชน์จากการที่มีวัตถุดิบที่ดี และก็ตรงกับสิ่งที่เขาจะนำไปผลิตต่อยอด และเพียงพอในการที่จะทำต่อเนื่องได้
3.ราคาที่ดีกับตลาดที่แน่นอน เพราะฉะนั้น ธ.ก.ส.จับมาเชื่อมกันได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย อันนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ ธ.ก.ส. พยายามจะยกระดับในเรื่องของการพัฒนาผลิตภัณฑ์และก็เชื่อมโยง ให้เกิดมูลค่าที่คนที่อยู่ในโซ่ต่างๆได้รับการแบ่งปันมูลค่าที่สมเหตุสมผล และ4.เป็นเรื่องการพัฒนาการตลาดและช่องทางการจำหน่าย หลายครั้งเราเห็นปัญหาว่า ลูกค้าผลิตได้ดี แต่ไม่สามารถเอาของไปขายได้ เพราะว่าผลิตภัณฑ์ แพคเกจจิ้งไม่ดี ไม่ตอบโจทย์ หรือไม่มีช่องทางเพียงพอในการจำหน่าย ธ.ก.ส.จึงออกแบบช่องทางการจำหน่ายให้ตอบโจทย์ของลูกค้ามากขึ้นเช่น ซึ่งเรามีทั้งตลาดออนไลน์และออฟไลน์ สำหรับตลาดออนไลน์ของ ธ.ก.ส. เราเรียกว่า BAAC Farmer Market เป็นเว็ปไซค์ช่องทางโดยตรง ธ.ก.ส.จะคัดเลือกผลิตภัณฑ์ของลูกค้าที่ถูกการพัฒนาจากส่วนแรก เอามาขึ้นอยู่บนเซล ทำให้สินค้าของลูกค้ากระจายไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายและกว้างขึ้น ส่วนตลาดออฟไลน์ ทุกเดือน ธ.ก.ส.จะคัดสินค้าที่มีคุณภาพเข้ามาจำหน่ายหน้า สำนักงานใหญ่ เพื่อที่จะให้คนในกรุงเทพฯ สามารถเข้ามาชม มาซิม มาลองใช้ของที่ลูกค้าเราทำ ก็จะเป็นการกระจายผลิตภัณฑ์ออกไปอีกหนึ่งช่องทาง
โดยอีกมิติในปีนี้ที่สำคัญก็คือ เราไม่ได้มองช่องทางการตลาดเฉพาะภายในประเทศเท่านั้น ผจก.ธ.ก.ส.ได้ยกระดับตั้งสำนักงานมาดูแลเรื่องกิจการต่างประเทศ และมีเครือข่ายอยู่ในต่างประเทศค่อนข้างเยอะ และทุกครั้งที่ ธ.ก.ส.ไปติดต่องานเรื่องอื่นกับต่างประเทศ ก็ต้องเอาผลิตภัณฑ์ลูกค้าไปโชว์ด้วย เพื่อให้มีตลาดที่กว้างไกลขึ้น อันนี้ก็เป็นมิติที่เรากำลังดำเนินการอยู่และยกระดับให้คมชัดและเด่นมากขึ้น เพื่อไปช่วยพี่น้องเกษตรกร
คุณไพศาล กล่าวอีกว่า ตลาดต่างประเทศ ธ.ก.ส.จะเน้นครอบคลุมทุกประเทศ และยกระดับลูกค้าที่เป็น Niche Market จริงๆเช่นเป็นของที่เป็นไฮพรีเมี่ยม ไฮเกรดจริงๆ ที่จะนำไปโชว์ ตอนนี้มีการดิวอยู่หลายๆประเทศ รอบข้างผ่านสมาคมสินเชื่อการเกษตรและชนบทภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกที่เราเรียกว่า อปาก้า อันนี้เราประสานอยู่ตลอด วันนี้เรามีพนักงานอยู่ทีประเทศภูฎาน ทำงานเรื่องพวกนี้อยู่ เพราะฉะนั้นในแต่ละพื้นทีมีผลิตภัณฑ์ของลูกค้าเราไปนำเสนอได้บ้าง เราไปจีน เราก็เอาของที่เป็นพรีเมียมไปขาย เรื่องทุเรียน เราอาจจะไม่ส่งทุเรียนที่เป็นพลูออกไปแล้วจะต้องแปรรูปทุเรียนที่เป็นสินค้าที่เป็นทุเรียนพร้อมรับประทาน อย่างเช่นเป็นไอติมทุเรียน เราก็เอาไปนำเสนอให้และก็ได้รับการตอบรับพอสมควร อันนี้เป็นระยะแรกที่เราเริ่มทำ เดี๋ยวก็จะเข้มข้มขึ้นในเรื่องมิตินี้
ทั้งนี้การผลิตแบบเดิมๆเกิดการสูญเสียในขั้นตอนการผลิตและมีต้นทุนสูง ธ.ก.ส.จับมือกับภาคีเครือข่าย สถาบันการศึกษา และสภาวิจัยต่างๆ สำนักนวัตกรรมแห่งชาติ ด้วยการดึงนวัตกรรมที่เกี่ยวกับภาคการเกษตร หรือเทคโนโลยี่ที่เกษตรกรสามารถใช้ได้ ซึ่งตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยจะแบ่งเป็นเซ็กเตอร์และตอบโจทย์กับลูกค้ามากที่สุด เพื่อให้เกษตรกรเลือกใช้เทคโนโลยีในการยกระดับการผลิต และมีความสามารถในการแข่งขัน
“ต้องยอมรับ ธ.ก.ส.ไม่ได้มีความรู้ความเก่ง เทคโนโลยีทั้งหมด แต่เรามีเครือข่าย ธ.ก.ส.สามารถที่จะเป็นออร์แกไนท์ หรือเป็นแกนกลางไปจับสิ่งที่เขาขาด และมาเติมเต็มให้เขาได้ อันนี้อยากให้พี่น้องเกษตรกร ถ้าติดขัดในเรื่องของการพัฒนาการผลิต การตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ สามารถเข้ามาหา ธ.ก.ส.ที่มีอยู่ในพื้นที่ 1,200 สาขาทั่วประเทศ เราต้องไปด้วยกัน เพราะตัวพี่น้องเกษตรกรมีความเข้มแข็ง ภาคเกษตรเข้มแข็ง ช่วยภาคใหญ่ของประเทศได้ เป็นภารกิจที่ ธ.ก.ส.กำลังดำเนินการอยู่”
ส่วนสิ่งที่เกษตรกรต้องเตรียมโครงการของท่าน ไม่ต้องเป็นอะไรที่เป็นมาตรฐานสูงมาก ลองทำเข้ามานำเสนอ เพราะสินเชื่อของ ธ.ก.ส. เป็นสินเชื่อที่เรียกว่าเป็นสินเชื่อ กำกับแนะนำ คงจะไม่ใช่ว่าท่านสมบูรณ์แบบมาหมด และเราดูแค่ตรงนี้ ถ้าเกิดไม่สมบูรณ์ และปฎิเสธสินเชื่อก็คงไม่ใช่ ต้องพูดคุยกัน ซักถาม เพราะว่า พี่น้องเกษตรกรยังมีข้อจำกัดในการนำเสนอข้อมูลต่างๆ เวลาที่จะเสนอขอสินเชื่อ อันนี้ไม่ต้องกังวล เข้ามาพบปะพูดคุยจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
คุณไพศาล กล่าวถึงมาตรการพักหนี้เกษตรกร ว่า เป็นภารกิจหลักของ ธ.ก.ส.ที่จะดูแลภาระหนี้สิน เราถูกตั้งขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ.2509 ด้วยเจตนารมณ์ในการแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบ เราดำเนินการเรื่องนี้ต่อเนื่องโดยเฉพาะเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รัฐบาลมีมาตรการให้การช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบหลายๆเรื่อง ส่งผลให้ภาระหนี้สินของพี่น้องเกษตรกรค่อนข้างที่จะเป็นภาระหนัก รัฐบาลมีโครงการพักชำระหนี้ออกมา โดยจำกัดวงเงิน ทุกสัญญารวมกันไม่เกิน 300,000 บาท โดยรัฐบาลจัดสรรงบประมาณมาดูแลอัตราดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นใหม่ ฉะนั้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่วันพักไปถึง 3 ปี พี่น้องเกษตรกรก็ไม่ต้องมีภาระตรงนี้ แต่ดอกเบี้ยที่มีก่อนหน้านี้ก็ยังเป็นภาระดอกเบี้ยที่จะต้องจัดการอยู่
โดยการพักชำระหนี้ครั้งนี้ รัฐบาลมอบโจทย์ทำอย่างไร ให้เกษตรกรกลับมามีความเข้มแข็งให้ชำระหนี้ได้ คงไม่ใช่เวลา 3 ปี พอถึง 3 ปี ก็เป็นปัญหากลับมาเหมือนเดิม ธ.ก.ส.จึงเข้าไปพัฒนาอาชีพ พัฒนารายได้ เริ่มตั้งแต่การสแกนปัญหาของเขาคืออะไร บางคนมีปัญหาเรื่องการผลิต เราก็ต้องไปปรับปรุงการผลิตของเขาให้ดีขึ้น บางคนมีปัญหาเรื่องการตลาด เราก็เอาเรื่องการตลาดไปเสริมให้เขา เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด โดยที่รัฐบาลกำหนดใน 3 ปี คนที่เข้าโครงการจะต้องเข้ามาสแกน กลุ่มเปราะปรางที่สุด คือกลุ่ม NPL ถือว่าเป็นคนที่มีศักยภาพในการพักชำระหนี้น้อยกว่ากลุ่มอื่น เราต้องไปปรับ Mind set เขา ช่วยเรื่องเทคโนโลยี การตลาด อันนี้เป็นกลุ่มที่เราเข้าไปให้ความสำคัญเป็นกลุ่มแรกๆ
สำหรับรัฐบาลให้ ธ.ก.ส.พัฒนาปีละ 300,000 คน โดยรัฐบาลจัดงบประมาณมาให้ 3 ปีก็ 900,000 คน แต่เรามีคนที่เข้าโครงการพักหนี้ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด ประมาณ 2.7 ล้านราย โดยที่เรามีระยะเวลาทำงาน 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.66-1 ม.ค.67 ตอนนี้ผ่านไป 2 เดือน มีผู้เข้าแจ้งความประสงค์ที่เราดำเนินการไปแล้วอยู่ประมาณ 1.6 ล้านราย ประมาณ 70% ของคนที่มีคุณสมบัติ และคิดว่าอีก 2 เดือนที่เหลือจะดำเนินการได้ตามแผนงาน ธ.ก.ส. ยินดีที่จะเป็นแกนกลางภาคการเกษตรจริง ๆ ช่วยขับเคลื่อนพี่น้องภาคเกษตรกรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามวิสัยทัศน์ที่เรากำหนดไว้ เกษตรกรที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่สาขา ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ และติดต่อ BAAC Mobile ของ ธ.ก.ส. ได้ด้วย รวมทั้งคอลเซ็นเตอร์ของ ธ.ก.ส. 02-555-0555 ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ม.ค.67
ทั้งนี้อยากจะเชิญชวนพี่น้อง มาร่วมออมเงิน เพราะจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันในอนาคตเวลาที่เกิดเหตุฉุกเฉินก็สามารถที่จะมีเงินออมมาช่วย แบ่งเบาภาระ ตอนนี้ ธ.ก.ส. มีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ ตัวหนึ่งคือสลากออมทรัพย์ของ ธ.ก.ส.เราเรียกว่า สลากถุงทองหน่วยละ 2,000 บาท ซึ่งมีความโดดเด่น มากเพราะ มีเงินรางวัลที่หนึ่งสูงสุด 60 ล้านบาท มีรางวัลรวมกัน 77 ล้านบาท และถูกแล้วสามารถถูกอีกได้เรื่อยๆ 24 ครั้ง 24 งวด และพอครบกำหนด 24 งวด ได้เงินต้นคืนพร้อมทั้งได้ดอกเบี้ยอีก 35 บาท เราเพิ่งออกสลากไปงวดที่แล้ว เป็นเรื่องที่เราประทับใจมาก เป็นเรื่องโชคดีมากพี่น้องเกษตรกรที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ตัวลูกชายไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ตอนนั้นยังกลับบ้านไม่ได้ เพราะยังไม่มีตั๋วเครื่องบิน ก็ส่งเงินมาให้คุณพ่อ คุณพ่อก็นำไปซื้อสลากกับ ธ.ก.ส.ซื้อก็ไม่เยอะ ซื้อแค่ 5 หน่วย 10,000 บาท และโชคดีมากถูกรางวัลที่หนึ่ง 60 ล้านบาท โอกาสยังเป็นของทุกท่านก็อยากจะให้ทุกท่านไปติดต่อฝากเงินกับ ธ.ก.ส. 2,000 บาทได้หนึ่งหน่วย ตอนนี้เราจำหน่ายไปได้สัก 50% แล้ว คิดว่าอีกสักเดือนหนึ่งน่าจะหมด เพราะฉะนั้นอย่าช้า ถ้าช้าท่านก็อาจจะไม่ได้มีโอกาสได้เป็นเศรษฐี คนใหม่ 60 ล้านบาท สามารถซื้อได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสามารถซื้อผ่านช่องทางของ ธ.ก.ส. BAAC Mobile
#ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร #ธกส #สลากออมทรัพย์ #EssenceofAgriculture