จากกรณีกล้องวงจรปิดจับภาพชายเสื้อสีเขียวผู้บาดเจ็บถูกชายเสื้อดำ และเสื้อลายรุมทำร้าย ซึ่งผู้บาดเจ็บได้ตะโกนเรียกคนให้ช่วย ก่อนจะมีเสียงชาวบ้านบอกให้พอ แต่ชายเสื้อดำกลับเข้ามาทำร้ายอีกครั้ง และจะได้ยินเสียงผู้หญิงพูดว่าพี่หน้าแฟนหนูแหกหมดแล้วเนี้ย ซึ่งมุมด้านบนจะเห็นไฟท้ายรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำ ส่วนอีกคลิปจะได้ยินเสียงขวดกลิ้งที่พื้นซึ่งชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้เดินเข้าไปห้ามปรามก่อนเหตุการจะสงบลง โดยจะเห็นชายเสื้อกล้ามสีขาวเดิมมาต่อว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุซึ่งตั้งวงเหล้าอยู่ จะกินก็กินแต่อย่าเสียงดัง จากนั้นเหตุการก็กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังจากที่ชายเสื้อกล้ามได้วิ่งถือมีดออกมาไล่กลุ่มผู้ก่อเหตุ ซึ่งกลุ่มผู้ก่อเหตุได้วิ่งหนีไปโดยไม่ได้เอารถจักรยานยนต์ไปด้วย โดยเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในซอยช่างอากาศอุทิศ 6 แขวงและเขตดอนเมือง กทม. ช่วง 3 ทุ่ม ของวันที่ 7 ธันวาคม ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันที่ 10 ธ.ค.66 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย / ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้ลงพื้นที่มาดูจุดเกิดเหตุ และเข้าดูอาการผู้เสียหาย พร้อมระบุว่า ที่ต้องลงมาพื้นที่วันนี้ได้รับการประสานงานจาก น้องไมค์ ทีมงานเพจคนรักดอนเมือง ว่ามีลูกบ้านในดอนเมืองถูกรุมทำร้าย เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ซึ่งคนที่ทำร้ายไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ทั้งนี้ จากข้อมูลทราบว่าเป็นคนขับวินจยย.อยู่ในพื้นที่ มานั่งดื่มเหล้าจนเมาแล้วได้เรียกผู้เสียหาย ซึ่งตอนนั้นผู้เสียหายได้จอดรถ ทางผู้ก่อเหตุจึงได้เดินเข้าไปพูดคุยแล้วใช้ขวดตีหัว พอขวดแตกก็หยิบขวดปากฉลามฟันที่หน้าผู้เสียหายจนเลือดอาบ เย็บ 20 เข็ม
ซึ่งหลังจากนี้จะมีการประสานไปยังสน. ดอนเมือง เพื่อสอบถามความคืบหน้ารวมถึงจะพาผู้เสียหายไปยื่นขอรับเงินเยียวยา และขอคุ้มครองพยานที่กระทรวงยุติธรรม เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีพฤติการข่มขู่จนผู้เวียหายต้องย้ายที่อยู่ ที่สำคัญตัวผู้เสียหายเองเป็นอินฟลูเอนเซอร์ทำ Tiktok รีวิวขายสินค้า ส่วนนี้ทำให้การประกอบอาชีพไม่สะดวกเพราะเขาต้องใช้หน้าตา ก็ต้องมาดูว่าใครพอจะช่วยดูในเรื่องของการทำศัลยกรรม หรือทำให้บาดแผลหายได้เร็วขึ้น รวมถึงฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องคดีอาจจะเข้าข่ายพยายามฆ่าหรือไม่เพราะพฤติการ เอาขวดตีไม่ยังพอขวดแตกก็ยังหยิบมาฟันหน้าอีก
ด้านนายกิตติศักดิ์ อายุ 24 ปี ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นประมาณสามทุ่มครึ่งของวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา ตัวเองกำลังจะไปซื้อของกับแฟน ซึ่งหอพักอยู่ตรงกับจุดที่ผู้ก่อเหตุนั่งดื่มเหล้าอยู่พอดี ทำให้เวลาเราออกมาจากหอพักก็จะจะเห็น พอข่าวออกมา ได้ยินเสียง “เฮ้ย” ตอนนั้นคิดว่าเป็นรุ่นพี่ที่อยู่ในละแวกนั้นเรียกเลยจอดรถ จังหวะเดียวกัน ผู้ก่อเหตุที่รูปร่างใหญ่ได้เดินเข้ามาหาแล้วมาถามว่าจอดรถทำไม ตอนนั้นตนเองบอกว่าเปล่าผมไม่ได้มีอะไรผมคิดว่าเป็นรุ่นพี่เรียก ตอนนั้น ดูเหมือนไม่มีอะไรแต่เขาก็มองหน้ารวมถึงทำท่าทางจะทำร้ายแฟนที่นั่งซ้อนท้ายอยู่
ตอนนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในสภาพเมาสุรา แล้วต่อยมา 1 ครั้ง ตนยังบอกว่าผมได้ทำอะไรพี่แล้วมาทำผมทำไมจังหวะนั้นผู้ก่อเหตุตัวเล็กได้เดินเข้ามา เหมือนจะมาขอโทษแต่กลับปาขวดมาแต่ไม่โดนขวดตกแตก แล้วยังใช้ขวดตีที่หัว 3 ครั้ง จากนั้นหยิบขวดที่แตกมาฟันหน้า ตอนนั้นตนเองพยายามเรียกพี่ที่อาศัยอยู่อพาร์ตเม้นต์เดียวกันแต่เขาก็ไม่ได้ยินจนมีชาวบ้านละแวกนี้ได้ยินเสียงออกมาช่วย
หลังเกิดเหตุได้เดินทางเข้าแจ้งความที่สน. ดอนเมือง แล้วก็ยังมีใครเข้ามาพูดคุยหรือเจรจาแต่อย่างใด รวมถึงตอนนี้ตนเองต้องย้ายออกจากหอเนื่องจากทางญาติมองว่าถ้าหากอยู่ตรงนี้อาจจะไม่ได้ไม่ได้รับความปลอดภัย ประกอบกับ เราไม่รู้ว่าจะเจอเขาอีกเมื่อไหร่เนื่องจากหอพักกับจุดเกิดเหตุมันเป็นจุดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมอง ตอนนี้อยากให้เอาโต๊ะที่อยู่ตรงนี้ออกไปเพื่อไม่ให้มีใครมานั่งกินเหล้า และเพื่อความปลอดภัยของชาวบ้านแถวนี้ และยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดไม่ต้องเอากระเช้ามาให้เนื่องจากตนเองไม่ชอบรับกระเช้า
ด้านนายชัยพร ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองกลับมาจากที่ทำงานเห็นผู้ก่อเหตุนั่งกินเบียร์อยู่ที่โต๊ะหิน ซึ่งก็ไม่ได้เห็นมาบ่อย ส่วนตัวไม่รู้จักเพราะไม่ใช่คนแถวนี้ แต่เขาก็เคยมายกมือไหว้ เวลาเราราวประมาณสองทุ่มตอนนี้กำลังจะนอนได้ยินเสียงผู้ก่อเหตุแซวรถที่ขับผ่านไปมา ทีแรกกะจะออกไปว่าแต่แฟนห้ามไม่ให้ออกไป จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงแซวอีก ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นน้องผู้บาดเจ็บ แต่เสียมันดังผิดปกติตนเองเลยเปิดประตูออกมาดู ก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ที่ผ่านมาเห็นผู้บาดเจ็บขับออกไปไหนมาไหนตามปกติก็ไม่เคยมีเรื่องกับใคร ส่วนผู้ก่อเหตุส่วนตัวไม่รู้จัก ไม่เคยคุยด้วย รู้แต่ว่าน่าจะมาหาใครที่พักแถวนี้ก็เท่านั้น
อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวระบุว่าผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คนคือ นายนิรันดร์ และนายวันเฉลิม ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับฝ่ายปราบปรามสน.ดอนเมือง ซึ่งเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และอยู่ระหว่างรอใบรับรองแพทย์ หากพบว่าต้องรักษาตัวเกิน 20 วันก็จะเข้าข่ายความผิดร่วมกันทำร้ายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมถึงอยู่ระหว่างรวมรวมพยานหลักฐานว่าจะเข้าข่ายพยายามฆ่าด้วยหรือไม่