กรมราชทัณฑ์ ตามรวบตัวนักโทษชายหลบหนีจากโรงพยาบาลบางละมุงได้แล้ว เตรียมย้ายเข้าเรือนจำความมั่นคงสูง ด้านนิด้าโพล เผยผลสำรวจประชาชน ชี้แป้ง นาโหนด หนีคุก กระทบกระบวนการยุติธรรมของไทยมาก แนะ หน่วยงานตรวจสอบข้อร้องเรียนให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
จากเหตุการณ์ นายธนภัทร มายอด อายุ 37 ปี ผู้ต้องขังชายจากเรือนจำพิเศษพัทยา หลบหนีออกจากโรงพยาบาลบางละมุง เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. วันที่ 9 ธ.ค.66 ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังติดตามตัวกลับมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วนนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.66 กรมราชทัณฑ์ได้เผยแพร่เอกสารชี้แจงกรณีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรบางละมุงติดตามจับกุมนักโทษชายจากเรือนจำพิเศษพัทยาที่หลบหนีออกจากโรงพยาบาลบางละมุง โดยเมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวนักโทษชายคนดังกล่าวได้แล้วที่บริเวณอาคารดาดฟ้าชั้น 2 ห้องคลอด โดยแพทย์ได้ตรวจสอบร่างกายของผู้ต้องขังก่อนนำตัวไปสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรบางละมุง เพื่อส่งฟ้องศาลพัทยาให้แล้วเสร็จในวันนี้ก่อนเวลา 12.00 น. แล้วจะส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำความมั่นคงสูงต่อไป
สำหรับนายธนภัทร มายอด ผู้ต้องขังชายรายดังกล่าว ต้องโทษในคดีลักทรัพย์ เหลือโทษ 1 ปี 10 เดือน ถูกคุมตัวไว้ที่เรือนจำพิเศษพัทยา ได้ออกไปรักษาอาการติดเชื้อที่อวัยวะเพศที่โรงพยาบาลบางละมุง จ.ชลบุรี ตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค.66 มีเจ้าหน้าที่ควบคุมจำนวน 2 นาย และได้ใช้คีมตัดเหล็กที่ภรรยาแอบนำมาให้ตัดโซ่ตรวนที่ล่ามไว้กับเตียงก่อนหลบหนีไป กระทั่งถูกจับกุมตัวดังกล่าว
วันเดียวกัน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง แป้ง นาโหนด กับกระบวนการยุติธรรมไทย ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-7 ธ.ค.66 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ทั่วประเทศ จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการหนีคุกของ แป้ง นาโหนด กับกระบวนการยุติธรรมไทย
จากการสำรวจเมื่อถามประชาชนถึงการติดตามข่าวการหนีคุกของ นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด พบว่า ร้อยละ 53.66 ระบุว่า ติดตามบ้างพอสมควร ร้อยละ 36.87 ระบุว่า ไม่ติดตามเลย และร้อยละ 9.47 ระบุว่า ติดตามตลอด เมื่อถามผู้ที่ระบุว่าติดตามข่าวตลอด และติดตามบ้างพอสมควร เกี่ยวกับข่าวการหนีคุกของนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด (จำนวน 827 หน่วยตัวอย่าง) ถึงผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย กรณีการหนีคุกรวมถึงการอัดคลิปร้องขอความเป็นธรรมของ แป้ง นาโหนด พบว่า ร้อยละ 42.20 ระบุว่า ส่งผลกระทบอย่างมาก ร้อยละ 37.85 ระบุว่า ค่อนข้างส่งผลกระทบ ร้อยละ 9.07 ระบุว่า ไม่ค่อยส่งผลกระทบ ร้อยละ 8.46 ระบุว่า ไม่ส่งผลกระทบเลย และร้อยละ 2.42 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
เมื่อถามผู้ที่ระบุว่าติดตามข่าวตลอด และติดตามบ้างพอสมควร เกี่ยวกับข่าวการหนีคุกของนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด (จำนวน 827 หน่วยตัวอย่าง) ถึงสิ่งที่ประชาชนคิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรทำกับกรณีของ แป้ง นาโหนด พบว่า ร้อยละ 49.94 ระบุว่า ควรตรวจสอบข้อร้องเรียนของ แป้ง นาโหนด พร้อมทั้งให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รองลงมา ร้อยละ 31.56 ระบุว่า ควรเจรจาให้ แป้ง นาโหนด เข้ามามอบตัว ร้อยละ 27.09 ระบุว่า ต้องจับ แป้ง นาโหนด ให้ได้ ร้อยละ 25.27 ระบุว่า ใช้โอกาสนี้ ประกาศปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้เป็นวาระแห่งชาติ ร้อยละ 7.01 ระบุว่า ไม่ต้องทำอะไรเพราะ แป้ง นาโหนด จะเข้ามามอบตัวเอง ร้อยละ 4.23 ระบุว่า ไม่จำเป็นต้องสนใจข้อร้องเรียนของ แป้ง นาโหนด ร้อยละ 2.42 ระบุว่า ไม่ต้องทำอะไร ปล่อยให้เรื่องเงียบไปเอง และร้อยละ 0.73 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามผู้ที่ระบุว่าติดตามข่าวตลอด และติดตามบ้างพอสมควร เกี่ยวกับข่าวการหนีคุกของ นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด (จำนวน 827 หน่วยตัวอย่าง) ถึงสิ่งที่ประชาชนเชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำกับกรณีของ แป้ง นาโหนด พบว่า ร้อยละ 42.32 ระบุว่า จะตรวจสอบข้อร้องเรียนของ แป้ง นาโหนด พร้อมทั้งให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รองลงมา ร้อยละ 24.55 ระบุว่า จะสามารถจับ แป้ง นาโหนด ได้ ร้อยละ 24.06 ระบุว่า จะประสบความสำเร็จในการเจรจาให้ แป้ง นาโหนด เข้ามามอบตัว ร้อยละ 22.85 ระบุว่า จะใช้โอกาสนี้ ประกาศปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้เป็นวาระแห่งชาติ ร้อยละ 9.67 ระบุว่า แป้ง นาโหนด จะเข้ามามอบตัวเอง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ทำอะไรเลย ร้อยละ 9.55 ระบุว่า จะไม่ทำอะไร ปล่อยให้เรื่องเงียบไปเอง ร้อยละ 5.20 ระบุว่า จะไม่สนใจ ข้อร้องเรียนของ แป้ง นาโหนด และร้อยละ 2.42 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ