เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.66 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส. พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง "พรบ.นิรโทษกรรม อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย" มีเนื้อหาว่า "ส่วนตัวผมไม่ติดใจเรื่องการจะออกกฎหมาย พรบ.นิรโทษกรรม เพราะเห็นว่าถ้าจะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นจริง ก็ควรจะร่วมมือกันผลักดันให้มีพรบ.นิรโทษกรรม ให้แก่กลุ่มคนทุกกลุ่ม แบบไม่เลือกปฏิบัติ แต่ที่ติดใจก็คือ กรณีที่คุณอุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกมาพูดถึง พรบ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย มีเนื้อหาที่ดีมากนั้น
ในช่วงที่มีการผลักดันออกกฎหมาย พรบ.นิรโทษกรรมในครั้งนั้น ผมเป็นส.ส.คนหนึ่งที่ได้อภิปรายคัดค้านการออก พรบ.นิรโทษกรรม แบบสุดซอย หรือล้างผิดให้คนโกง อย่างเข้มแข็งมาแล้ว แต่เมื่อเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ลงมติเห็นชอบในวาระ1 รับหลักการ พรบ.นิรโทษกรรมฉบับนั้น ก็ต้องเข้าไปแปรญัตติในชั้นกรรมาธิการ
แต่ในที่สุดมีการเปลี่ยนแปลง พรบ.นิรโทษกรรม จากฉบับที่สภาผู้แทนราษฎรรับหลักการ ไปเป็น พรบ.นิรโทษกรรม แบบสุดซอย ของนายประยุทธ ศิริพานิชย์ หรือที่เรียกกันว่า พรบ.ล้างผิดให้คนโกง และผ่านมติเห็นชอบวาระ3 ในช่วงเวลาประมาณตี3 จึงเรียกกันว่า พรบ.นิรโทษกรรม “ฉบับลักหลับ”นั่นเอง จนเป็นที่มาของการออกมาชุมนุมของมวลมหาประชาชน หรือที่เรียกกันว่า กลุ่ม กปปส. จนทำให้บ้านเมืองถึงทางตัน
การที่คุณอุ๊งอิ๊ง ออกมายืนยันว่า กฎหมายพรบ.นิรโทษกรรม ฉบับนั้นมีเนื้อหาดีที่สุด เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะการออก พรบ.นิรโทษกรรม ในครั้งนั้น ไม่ต่างอะไรกับสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า ”ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไป กลายเป็นบ้องกัญชา"
เพราะฉะนั้นพรบ.นิรโทษกรรม ที่กำลังผลักดันอยู่ในขณะนี้ ขอให้เป็นการทำแบบตรงไปตรงมา ไม่หมกเม็ด ไม่มีวาระซ่อนเร้น หรือเพื่อช่วยเหลือ หรือขัดขวางคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ให้ได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ ซึ่งจะไม่สามารถสร้างความปรองดองได้ แต่ยิ่งเป็นการเพิ่มความแตกแยกรอบใหม่เกิดขึ้นอีก ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง และไม่มีใครปรารถนาให้เป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน"
#เทพไทเสนพงศ์ #นิรโทษกรรม