โดนสาดดราม่าฉ่ำก่อนสงกรานต์ สำหรับนางพญาซอฟต์พาวเวอร์ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หลังเจ้าตัวจุดพลุเปิดแผนซอฟต์พาวเวอร์ปี2567 “วันสงกรานต์”จะจัดให้เป็นงานใหญ่ ไม่เล่นน้ำแค่ 3 วัน แต่จะจัดงานกันทั้งเดือน ทยอยจัดกันทั้งประเทศ 77 จังหวัด หวังยกระดับสงกรานต์ไทย ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกปักหมุดมาเล่นน้ำที่บ้านเรา เป้าหมายให้ไทยติด 1 ใน10 ประเทศสุดยอดเฟสติวัลโลก 

แม้เป้าหมายหมายจะยิ่งใหญ่ แต่กลับถูกขาประจำตามวิจารณ์ทุกเม็ด ทั้งประเด็นที่เป็นสาระและไม่เป็นสาระ

ไม่ว่าจะเป็น ดร.เสรี วงษ์มณฑา ที่เหน็บแรงไปถึงสติปัญญาว่าจะให้เล่นสงกรานต์กันทั้งเดือน ไม่ต้องทำงานทำการกันหรืออย่างไร ขณะที่ “พี่ศรี”ศรีสุวรรณ จรรยา ที่ถึงขั้นยุให้เอากฎหมายอาญามาจัดการ ว่าอาจเข้าข่ายมาตรา 83 ให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหายเอาผิดได้ฐานละเมิดประเพณี 

ไม่เท่านั้น กรอบวงเงินงบประมาณที่ “อุ๊งอิ๊ง”นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานเคาะออกมาในแต่ละโครงการ กิจกรรม และอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ไทยทั้ง 10 ด้าน ในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาเวอร์แห่งชาติ ยังเสนองบประมาณรวม 5,164 ล้านบาท ที่แน่นอนว่าถูกวิจารณ์ว่า ผลาญงบประมาณ และงบประมาณสูงเกินจริง

โดยการเคลื่อนไหวของตัวแม่ฝั่ง 3 นิ้ว อย่าง พรรณิการ์ วานิช  หรือ “ช่อ” ออกมาจับคู่ชกนางพญาซอฟต์พาวเวอร์ ตั้งข้อสังเกตว่าอาจใช้งบประมาณไม่คุ้มค่า ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจาก ยังไม่เห็นแผนงานยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน มีเพียงการจัดอีเวนต์ที่อาจซ้ำซ้อนกับแต่ละกระทรวงที่มีอยู่แล้ว

เรียกว่า กระแสโจมตีต่างๆ เริ่มบนเป้ามาถล่ม “อุ๊งอิ๊ง” ประหนึ่งโดน “รับน้อง” เสียแล้ว!!

“ต้องรอดูคณะกรรมการชุดใหญ่จะเห็นควรอย่างไร แน่นอนว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรารับฟัง และดีใจที่ทุกคนให้ความสนใจกับ 11 อุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ เพราะมีความหลากหลายและเมื่อมีคนสนใจ เชื่อว่าอุตสาหกรรมเหล่านี้ต้องแข็งแรงและดีขึ้นอย่างแน่นอน โดยงบประมาณที่จะดึงมามาจากกระทรวงหลักๆ คือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงวัฒนธรรม ย้ำว่าเป็นงบที่อยู่ในแต่ละกระทรวงอยู่แล้ว และนำมาจัดแจงว่าจะนำไปดำเนินการอย่างไรบ้าง” “อุ๊งอิ๊ง”อธิบายถึงงบประมาณซอฟต์พาวเวอร์  พร้อมกับชี้แจง การตีความสาดน้ำสงกรานต์ทั้งเดือน

“ก็คงจะหนาวเหมือนกัน หากสาดน้ำทั้งเดือน แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่แบบนั้น จะเป็นการจัดกิจกรรม 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยวันที่ 13-15 เม.ย. ที่เป็นวันสงกรานต์จะมีกิจกรรมเหมือนเช่นที่จัดขึ้นทุกปี เพียงแต่การจัดกิจกรรมที่จะจัดขึ้นตลอดทั้งเดือน เป็นการดึงนักท่องเที่ยว ให้มีจุดเที่ยวในประเทศไทยยาวนานขึ้น อยู่นานขึ้น นั่นคือจุดมุ่งหมาย พร้อมย้ำด้วยว่าการสาดน้ำ 30 วันคงจะเป็นไปไม่ได้ มันไม่ใช่อย่างนั้นขอให้ทุกคนไปอ่านให้ดี”

กระนั้น กระแสดราม่าที่ถาโถมเข้ามานั้น ก็ดูเหมือนจะมีมาอย่าวต่อเนื่อง  ไม่หยุดหย่อน  ด้วยแม้โดยตำแหน่งแห่งหน  “อุ๊งอิ๊ง”จะสวมหมวกรองประธานบอร์ดซอฟต์พาวเวอร์ ที่มี “นายกฯนิด”เศรษฐา ทวีสิน เป็นประธานบอร์ด แต่ทว่า สถานะที่ไม่ธรรมดาของเธอ  ที่ไม่เพียงรั้งเก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่ยังเป็น “กล่องดวงใจ” ของหัวหน้าพรรคตัวจริงอย่าง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้มีบารมีเหนือรัฐบาลเศรษฐา ที่เชื่อกันว่า  “อุ๊งอิ๊ง”จะมีอำนาจเต็มในการกำกับทิศทางของบอร์ดซอฟต์พาวเวอร์

เนื่องจากบอร์ดซอฟต์พาวเวอร์แห่งนี้ มากไปด้วยมิติทางการเมือง  ทั้งเป็นเวทีในการสร้างผลงานเพื่อฟูมฟักฝึกงานเพื่อไปสู่เส้นทางนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของ “อุ๊งอิ๊ง”  ในระยะต่อไป หรือเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้กรณีที่อาจเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับ “เศรษฐา”

แม้ก่อนหน้านี้ ในช่วงหลังการเลือกตั้งเสร็จใหม่ๆ จะมีข่าวว่า  “คุณหญิงอ้อ”พจมาน ดามาพงศ์ ผู้มีบารมีแห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า สั่งเบรกยังไม่ให้ “อุ๊งอิ๊ง”นั่งเก้าอี้นายกฯ โดยควรสั่งสมประสบการณ์ให้มากกว่านี้ก่อน และมองว่า หาก “อุ๊งอิ๊ง”ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯในห้วงเวลานี้ ก็อาจตกอยู่ในสถานะตัวประกัน ของขั้วอำนาจเก่า ที่อาจทำให้เธอมีชะตากรรมซ้ำรอยพ่อและอา

นั่นทำให้แม้จะมีชื่อของ “อุ๊งอิ๊ง”เป็น1 ใน 3 แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย แต่พรรคก็เลือกส่งชื่อของ “เศรษฐา”เข้าไปโหวตเลือกเป็นนายกฯ ก็ตาม

ไม่เพียงเท่านั้น พลานุภาพของบอร์ดซอฟต์พาวเวอร์ยังสามารถสร้างแต้มต่อทางการเมือง ให้กับพรรคเพื่อไทย ทั้งจากโครงการและกิจกรรมต่างๆ ซึ่งจังหวะก้าวของ “อุ๊งอิ๊ง” ในฐานะรองประธานบอร์ดซอฟต์พาวเวอร์ นั้น ยังสวมหมวกสองใบ ในฐาะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย

การลงพื้นที่ไปกับครม.สัญจร “ทัวร์นกขมิ้น” ไปกับ “เศรษฐา” จึงเรียกได้ว่า พา “กล่องดวงใจ”พรรคเพื่อไทย ไปกระชุ่นฐานเสียงเดิมแฟนเก่าของ “ทักษิณ” เพื่อสร้างแต้มต่อทางการเมือง ซึ่งไม่อาจเลี่ยงที่จะปะทะกับคู่แข่งสำคัญอย่างพรรคก้าวไกล

โดยเฉพาะในอนาคตอันใกล้ ในสนามเลือกตั้ง นายก อบจ. ที่มีขึ้นในช่วงต้นปี 2567 นี้ เป็นสำคัญ ที่จะถือเป็น “สนามแรก” ที่ “อุ๊งอิ๊ง”ลงนำทัพสู้ศึกเป็นครั้งแรกหลังสวมหมวก หัวหน้าพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ

ฉะนั้น  “ตัวแม่”จากคณะก้าวหน้าจึงไม่อาจวางเฉยได้ ด้วยคณะก้าวหน้าที่เคยดำรงสถานะผู้ช่วยหาเสียงในการเลือกตั้ง 2566 ของพรรคก้าวไกล  จึงต้องออกมา “เล่นใหญ่” ยำซอฟต์พาวเวอร์  ด้วยหากพิจารณาบริบทของพรรคก้าวไกล ที่ประกาศมุ่งเก็บชัยในสนามเลือกตั้งท้องถิ่นทั้ง 4 สนามเพื่อเป็นฐานสู่การเลือกตั้งสส.ให้มีเสียงข้างมากในสภาฯแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

วกกลับมา ที่ “อุ๊งอิ๊ง” ไม่เพียงแต่หัวโขนในเก้าอี้รองประธานซอฟต์พาเวอร์ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ที่ทำให้ “อุ๊งอิ๊ง”ถูกแรงกระแทกทางการเมือง ทว่าด้วยดีเอ็นเอชินวัตร นั้นทำให้สถานะของ “ทักษิณ” บนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ สร้างแรงกดดันให้กับเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  

ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของภาคมวลชนอย่าง คปท.หรือการกระทุ้งแทบจะรายวันจาก เทพไท เสนพงศ์ ที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวพร้อมเงื่อนไขติดกำไลอีเอ็มออกมาจากเรือนจำครบเดือน ที่คอยเตือนความจำสถานะของ “ทักษิณ”

หรือการทิ่มหมัดตรงจาก รังสิมันต์ โรม ของก้าวไกล ที่กระทบชิ่งไปที่ ชั้น14 จากกรณีวิวาทะเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม ที่ไม่ใช่เอื้อให้คนชั้น 14 คนเดียว

กระทั่งล่าสุด มีการจับจ้องไปที่การขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ “ทักษิณ” ในช่วงวันสำคัญ 5 ธันวาคม แต่ที่สุด “อุ๊งอิ๊ง” ก็ยืนยันว่าไม่มีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษให้กับผู้เป็นบิดาแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ดราม่าต่างๆที่ประเดประดังใส่ ล้วนแล้วแต่เป็นประเด็นท้าทาย ที่ “อุ๊งอิ๊ง” และทีมกุนซือ พี่เลี้ยงในพรรคเพื่อไทย ต้องฝ่าด่านไปให้ได้ ท่ามกลางคมหอกคมดาบของศัตรูทางการเมือง ที่จะต้องทำให้ซอฟต์พาเวอร์เป็นผลงานที่ปัง ไม่ใช่พัง สร้างผลงาน ไม่ใช่รอยแผล

และเหนืออื่นใด คือต้องไม่มีเงื่อนไขแทรกซ้อนจาก “ทักษิณ” มาทำให้ “อุ๊งอิ๊ง”ต้องสะดุด!!