กลายเป็นผู้นำเหล่าทัพที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พูดถึงมากที่สุด บ่อยที่สุด ไม่ว่าจะเรื่องอะไร จนทำให้ “ผบ.อ๊อบ” พล.อ.ทรงวิทย์  หนุนภักดี  ผบ.ทหารสูงสุด กลายเป็น ผบ.เหล่าทัพ ที่ถูกจับตามองมากที่สุดไปด้วย

ในฐานะที่เป็นเสมือน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง และการทหาร แบบส่วนตัว ของนายกฯ ที่มักจะ สายตรง ตลอดเวลา แทบจะทุกวันและทุกเรื่อง เพราะไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะมีเรื่องทหารและความมั่นคงเข้าไปเกี่ยวข้องเสมอ

จนทำให้ความสัมพันธ์ ระหว่าง เศรษฐา กับ พล.อ.ทรงวิทย์ ถูกโฟกัส  ว่าเป็นเสมือนที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงส่วนตัว ของ นายกฯ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าทั้งคู่ ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่เป็นสมาชิก โปโลคลับ ด้วยกัน เพื่อนของเพื่อนรู้จักกัน แต่ไม่เคยคุยกัน  และชอบเล่นฟุตบอล  และเป็น แฟนหงส์แดง ลิเวอร์พูล เหมือนกัน  แถมยังคุยกันถูกคอ สไตล์ นักเรียนนอก

โดยมาพบกันครั้งแรกตอนที่ เศรษฐา เป็นนายกฯ แล้ว ที่ได้นัดพูดคุยเป็นการส่วนตัว นอกรอบ ครั้งหนึ่ง  แล้ว มาเจอพร้อม ผบ.เหล่าทัพ ชุดใหม่ พร้อมกัน เท่านั้น

แต่อาจด้วยเพราะชื่อเสียงของ พล.อ.ทรงวิทย์ เป็นที่รู้จักอยู่แล้วและเป็นลูกชายของอดีต ผบ.ทบ. “บิ๊กตุ๋ย” พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี และ เศรษฐา ก็มีเพื่อนเป็นลูกทหาร

ต้องไม่ลืมว่าครอบครัวทวีสิน ของ เศรษฐา ก็รู้จักแวดวงทหารทเพราะ บิดา ก็เป็นเพื่อนกับ “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีต ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ

เมื่อใดที่นายกรัฐมนตรีพูดถึงฝ่ายความมั่นคง ก็จะเป็นที่รู้กันว่าหมายถึง พล.อ.ทรงวิทย์ เพราะถือเป็นเซ็นเตอร์ ของผบ.เหล่าทัพเพราะสั่งการทีเดียว พล.อ.ทรงวิทย์ ก็จะสั่งการผ่านไปยังเหล่าทัพให้ เช่นเมื่อเสร็จพิธีทำบุญวันพ่อ 5 ธ.ค. ที่สนามหลวง แล้ว นายกฯ ก็ เชิญ พล.อ.ทรงวิทย์ ไปพบหารือที่ทำเนียบรัฐบาล เพียงคนเดียว แม้ว่าในงานนี้จะมี ผบ.เหล่าทัพ คนอื่น มากันพร้อมหน้าก็ตาม

จึงทำให้ พล.อ.ทรงวิทย์ จะยิ่งมีบทบาทหน้าที่มากขึ้น เพราะไม่ว่าเรื่องอะไรก็เกี่ยวข้องกับทหารและความมั่นคง  ตั้งแต่ เรื่อง สถานการณ์ในอิสราเอล จนมาถึงการช่วยตัวประกันคนไทย ที่ใช้ช่องทางประสานผ่าน กองทัพมาเลเซีย รวมถึง การประสานงาน ในการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ ในเรื่องการพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ด้วย

ที่มีรายงานว่า พล.อ.ทรงวิทย์ ก็สนับสนุน ให้หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขฯ เป็นพลเรือน จนในที่สุด จึงมาจบลงที่การแต่งตั้ง ฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการสมช.  ให้ควบ หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขฯ ด้วย  ตามที่นายกฯ ต้องการด้วย เพราะต้องการปรับภาพลักษณ์คณะพูดคุยฯ

ทั้งนี้ เพราะ พล.อ.ทรงวิทย์ เคยลงไปปฏิบัติหน้าที่ใน ชายแดนภาคใต้ มาเป็นปีรวมทั้ง เศรษฐา มอบหมาย ให้ประสานกับ ทางการมาเลเซีย  ในการช่วยเหลือตัวประกันคนไทยในอิสราเอล นั่นเอง

อีกทั้ง นายกฯ ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและเตรียมพร้อม กับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลกที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย รวม 12 คน มี ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ เป็นประธาน  โดยมี พล.อ.ทรงวิทย์  เป็น ผบ.เหล่าทัพ คนเดียว ที่เป็นคณะกรรมการฯ ร่วมคณะกับ “หมอมิ้ง” นพ. พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ พันศักดิ์ วิญญรัตน์  และปลัดกระทรวงการคลัง,พลังงาน ,พาณิชย์, ต่างประเทศ , เลขาธิการสมช.

ขณะที่ พล.อ.ทรงวิทย์  ก็เป็น ผบ.เหล่าทัพคนเดียว  ที่เป็นบอร์ด สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.อ.ทรงวิทย์ จึงถูกจับตามอง โดยเฉพาะ เมื่อ เศรษฐา พูดถึงบ่อยๆ ในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง และชายแดน

รวมทั้งการสั่งการให้ ร่วมคณะ ปานปรีย์  เดินทางไปอิสราเอล ไปรับตัวประกันคนไทย ที่ได้รับการปล่อยตัวจาก กลุ่มฮามาส  แต่พล.อ.ทรงวิทย์ ไม่ได้ไป โดย  มีรายงานว่า พล.อ.ทรงวิทย์  ประเมินแล้วว่า อาจไม่เหมาะที่ ผบ.เหล่าทัพ ของประเทศอื่น จะเข้าไปในประเทศที่กำลังมีสถานการณ์สู้รบ และจุดยืนในเวทีระหว่างประเทศจึง ส่งเจ้ากรมข่าวทหาร ไปแทน เพื่อเก็บข้อมูล มาประเมินสถานการณ์ 

เหตุเพราะ แนวทางการทำงาน  ของกองทัพในยุค พล.อ.ทรงวิทย์ ยึดแนวทางสากล  แบบ 2+2  คือ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหม ในการร่วมกันทำงานเกี่ยวกับความมั่นคงระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ตามยิ่ง นายกฯ พูดถึง พล.อ.ทรงวิทย์ มากเพียงใด ก็ยิ่งทำให้ พล.อ.ทรงวิทย์ ถูกจับตามอง จนต้องพยายามจะลดบทบาทตัวเองลง ทั้งการงดให้สัมภาษณ์สื่อ และ พยายามไม่ออฟไซด์ เพราะยึดหลักการที่ ฝ่ายทหาร จะเป็นฝ่ายสนับสนุน อยู่เบื้องหลัง

แม้ยิ่งโดดเด่น และใกล้ชิด นายกฯ มาก แต่ในทางทหาร มีสายการบังคับบัญชาอยู่  เพราะถึงผบ.ทหารสูงสุด เป็น ผู้บังคับบัญชาของ ผบ .เหล่าทัพ  ก็ตามแต่ คนที่มีอำนาจสั่งการจริง คือ ผบ.เหล่าทัพ  ซึ่ง นายกฯ อาจไม่เข้าใจ สายการบังคับบัญชานี้

แต่ด้วยเหตุที่ พล.อ.ทรงวิทย์  แม้จะจบจาก รร.นายร้อย VMI แต่ก็จบจาก รร.เตรียมทหาร มีเพื่อนพี่น้อง ที่สามารถ ประสานงาน สั่งการได้ก็ตาม แต่ ก็อาจไม่เป็นไปตาม สายการบังคับบัญขา เท่าใดนัก แต่ ก็ต้องไม่ลืมว่า เศรษฐา คุมความมั่นคง เอง โดยไม่ได้แต่งตั้ง รองนายกฯคนใด มาคุมความมั่นคง

อีกทั้ง “บิ๊กต่อ” พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ.  บิํกดุง พลเรือเอกอะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. เป็นรุ่นพี่ ตท.23  ที่อาจจะมีความเกรงใจ อยู่บ้าง  เพราะ พล.อ.ทรงวิทย์  เป็น รุ่นน้องเตรียมทหาร 24 รุ่นเดียวกับ “บิ๊กหนุ่ม” พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม และ “บิ๊กไก่” พล.อ.อ. พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. จึงทำให้การทำงานประสานงานกับ เหล่าทัพ ไม่มีปัญหา

กระนั้นก็ทำให้ พล.อ.ทรงวิทย์ อยู่ในไฟโฟกัส  ยิ่งต้องระวังตัว ในบทบาท ที่โดดเด่น มากขึ้น