"แพทองธาร" ลั่นครอบครัวชินวัตร" ไม่ใช่เจ้าของเพื่อไทย เป็นของทุกคน ลั่นดีเอ็นเอมาจาก"ไทยรักไทย" เอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง เศรษฐา"ส่ง"สมศักดิ์"แจง "กมธ. ยันไม่มี"ตั๋วผกก." ด้านสมศักดิ์บอกคำพูดนายกฯ อยู่ที่คนตีความ
ที่เดอะกรีนเนอร์รี รีสอร์ท เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.66 พรรคเพื่อไทยจัดสัมมนาเป็นวันที่สอง โดยมีการบรรยายในหัวข้อ ถอดบทเรียนเพื่อไทย ผ่านวิกฤตเลือกตั้ง นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค ,นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค โดยมีส.ส.อยู่ร่วมประชุมกันอย่างคึกคัก รวมถึงมีรัฐมนตรีของพรรคอยู่ร่วมประชุม อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ,นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ,น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ,นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ส่วน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยบางคนไม่ได้อยู่ร่วมงาน เนื่องจากติดภารกิจงานราชการ
จากนั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวปิดการสัมมนาว่า การมาร่วมสัมมนาครั้งนี้ทำให้อบอุ่นขึ้น ใกล้ชิดขึ้น บางคนอยากให้จัดแบบนี้ทุกเดือนแต่คงยาก จึงอาจจะเป็นการจัดทุกปี พรรคเพื่อไทยมีดีเอ็นเอมาจากพรรคไทยรักไทย ตนเองก็เป็นดีเอ็นเอมาจากผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย แต่ดีเอ็นเอที่พูดถึงไม่ได้หมายความถึงสายเลือดหรือตระกูล แต่หมายถึงจุดรวมของเราว่าเป็นพรรคการเมืองที่เอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เน้นเรื่องเศรษฐกิจปากท้องมากกว่าสร้างวาทะกรรมทางการเมือง ตลอดสามเดือนที่ผ่านมามีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี และสร้างผลงานอย่างรวดเร็ว ถึงรัฐมนตรีก็ช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขออัญเชิญพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ทรงตรัสไว้เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมากับคณะเอกอักคราชทูตและกงศุลใหญ่ไทยจากทั่วโลกถึงคนรุ่นใหม่ว่า ทุกคนในที่นี้และตัวพระองค์เองก็เคยเป็นคนรุ่นใหม่มาแล้วทั้งนั้น ประโยคนี้สั้นๆ แต่ลึกซึ้งมีความหมายมาก แปลว่าคนรุ่นเก๋าของพรรคก็เป็นคนรุ่นใหม่มาก่อน แต่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร มีความคิดที่จะรักษาพรรคเพื่อไทยได้อย่างไร ดังนั้นเราจึงต้องอัปเดตความรู้ซึ่งกันและกัน ติดตามเทคโนโลยีเพื่อให้วัฒนธรรมของคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก๋าเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันเกิดประโยชน์ของประชาชน พรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของตนจะทำงานให้มีประสิทธิภาพทำให้เสาหลักของทางเราคือรัฐบาล พรรค และสภาผู้แทนราษฏร ร่วมกันแก้ปัญหาให้ประชาชน และนำ Think Tank กลับมาใหม่ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ อยากให้เราได้ทบทวนถึงสิ่งเกิดขึ้นถือว่าเป็นบทเรียนต่อไป
ครอบครัวของอิ๊งไม่ใช่เจ้าของพรรคเพื่อไทย แต่เราทุกคนคือเจ้าของพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของผู้นำที่เก่งไม่ว่าจะเป็นท่านทักษิณ ท่านนายกยิ่งลักษณ์ ท่านนายกฯ เศรษฐาจะทำสำเร็จไม่ได้เลย ถ้าไม่มีทีมที่สมบูรณ์ทีมที่เก่ง ทีมที่คอยบอกว่าสิ่งนี้ดีแล้ว สิ่งนี้ยังต้องเพิ่มเติม การนำของผู้นำที่ดีต้องมีผู้ตามที่แข็งแรงเหมือนพรรคเพื่อไทย ถึงจะทำให้การนำที่ดีสำเร็จได้"
น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า อยากจะบอกว่า 20 ปีที่ผ่านมาความสำเร็จทุกอย่างเป็นความสำเร็จของทุกคน อยากจะบอกทุกคนว่าพรรคเพื่อไทยคือบ้านของเรา ทั้งส.ส.เก่าและส.ส.ใหม่ นี่คือบ้านของเรา ต่อจากนี้เราจะมาสร้างบ้านหลังนี้ให้แข็งแรงไปด้วยกัน ให้พร้อมที่จะเป็นที่พึ่งของประชาชนไปด้วยกันมีอะไรขอให้ปรึกษากัน ให้กำลังใจกัน มีวันที่ทุกข์แน่นอน แต่วันที่สุขก็ต้องมาอย่างแน่นอนเช่นกัน จึงขอให้กำลังใจทุกคน
ที่โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานอนุกรรมการโครงการขับเคลื่อน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เปิดเผยถึงกรณีส่งหนังสือความเห็นเกี่ยวกับการยกร่างพระราขบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อโครงการดังกล่าว ให้คณะกรรมการกฤษฎีกานั้น ตนได้ทำการตรวจข้อคำถามเรียบร้อยแล้ว โดยตนไม่ได้เป็นผู้มีหน้าที่ส่งหนังสือ แต่เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง ซึ่งคาดว่าน่าจะทำการส่งหนังสือดังกล่าวถึงกฤษฎีกาแล้ว
ส่วนกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม คณะกรรมการกฤษฎีกา และอดีตรองนายกรัฐมนตรี เสนอให้รัฐบาล ควรส่ง คำถาม 2 รอบ โดยรอบแรกควรถามว่า รัฐบาลประสบปัญหาวิกฤต ประเทศชาติมีวิกฤต จะทำได้เพื่อช่วยแก้วิกฤต ซึ่งหากกฤษฎีกาตอบมาว่า ออกร่างกฎหมายกู้เงินได้ก็ค่อยส่ง ร่างกฎหมายไป รอบที่ 2 นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในครั้งนี้เป็นเพียงถามคำถามเฉพาะเรื่องกฎหมายเท่านั้น โดยส่วนตัวมองว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา ไม่ได้มีหน้าที่ ตีความเรื่องสถานการณ์ หรือ วิกฤต
"หนังสือคำถามที่ส่งถึงกฤษฎีครั้งนี้ เป็นเพียงคำถามให้กฤษฎีกา ช่วยตีความ มีเพียง 1 คำถาม เรื่องกฎหมายเท่านั้น ยังไม่ใช่การส่งร่าง ซึ่งเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้" นายจุลพันธ์ กล่าว
ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานกมธ. โดยมีวาระพิจารณากรณีที่ปรากฏข่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง กล่าวถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับผู้กำกับการ เป็นเหตุให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่าจะมีการใช้อำนาจก้าวก่ายหรือแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ซึ่งนายกฯ มอบหมายให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ เข้าชี้แจงแทน
โดย นายชัยชนะ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องกระทำผิดตามเอกสาร แต่เป็นคำพูดของนายกฯ คนที่ชี้แจงได้ดีที่สุดคือนายกฯ เพราะเป็นการพูดภายใต้จิตสำนึกของนายเศรษฐา ข้อเท็จจริงอยู่ในตัวเอง เมื่อนายกฯ ติดภารกิจที่สำคัญมากกว่าประเทศคือสัมมนาพรรคเพื่อไทย ดังนั้นขอให้รองนายกฯ พูดภายใต้รกบอกฎหมาย แต่ขอฝากถึงนายกฯ ด้วยว่าหากไม่สะดวกมาที่สภาฯ แต่ว่างๆ กมธ.จะขอไปเจอที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อสอบถามสิ่งที่พูดดังกล่าว ได้ยั้งคิดหรือหมายถึงอะไร
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ชี้แจงต่อกมธ.ว่า การแต่งตั้งใคร ไม่ใช่ใช้ความรักหรือความชอบ เพราะต้องทำตามกรอบของรัฐธรรมนูญ 2560 มีกรอบตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ และแนวทางตามกรอบจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไว้ ซึ่งกำหนดหลักการไว้คือ ข้าราชการการเมืองไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติราชการตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงแต่งตั้งโยกย้าย โอน เลื่อน ย้าย ข้าราชการเว้นแต่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย นอกจากนั้นแล้วการโยกย้ายข้าราชการต้องคำนึงถึงหลักคุณธรรม ความรู้ความสามารถ ความเหมาะสม กรณีที่มีการเสียประโยชน์จากการแต่งตั้ง หรือมีข้อร้องเรียนการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจนั้น ตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติมีกลไกที่จะรับเรื่องราวร้องทุกข์และร้องเรียน รวมถึงมีกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ ซึ่งมีกรรมการเป็นระดับอัยการสูงสุด และอดีตนายตำรวจ รวมถึงภาคประชาชนเข้าร่วม ซึ่งกำกับดูแลการแต่งตั้งให้เป็นไปตามระบบคุณธรรม ดังนั้นตนมองว่ากลไกที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ตำรวจ ที่ทำให้เกิดการปฏิรูประบบราชการตำรวจ นั้นมีความน่าเชื่อถือที่จะตอบสนองความเป็นธรรม คุณธรรมด้านต่างๆ
คำพูดของนายกฯ ตามที่วิจารณ์กันไปนั้น อาจมองได้หลายแง่มุม แล้วแต่คนที่จะคิด แต่การทำงานที่ชัดเจนตามกรอบกฎหมาย หากมองว่านายกฯ พูดนั้นไม่ใช่ แต่นายกฯได้ยืนยันแล้วว่าภาพรวมที่ส.ส.ได้เจตนาให้นายกฯ ทำงานแก้ปัญหายาเสพติด โดยส.ส.กดดันให้นายกฯ ต้องหาคนดี มีคุณธรรม และขาวสะอาดเพื่อไม่ให้มีปัญหาการรับเงินรับทอง นายกฯ บอกว่าตอบสนองทุกคนไม่ง่าย เพราะเป็นเรื่องที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งนายกฯ เพียง 2 เดือน แต่ในภาพรวมอยากให้ได้คนดีมาแก้ปัญหายาเสพติด และหนี้นอกระบบ ในการสัมมนาพรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกลุ่มพูดคุยที่ตรงกันคือปัญหายาเสพติด ส่วนคนที่จะคิดอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ทราบในข้อเท็จจริงตามกฎหมายในอนาคต นายสมศักดิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กมธ.ได้ซักถามในรายละเอียด โดย นายณัฐพงษ์ สุมโนธรรม ส.ส.สมุทรสาคร พรรคก้าวไกล ฐานะรองประธานกมธ. ซักถึงประเด็นระบบตั๋วการแต่งตั้งตำรวจ และนโยบายการแก้ปัญหายาเสพติดที่มีข้อสังเกตว่าสามารถให้นโยบายกับผู้บัญชาการตำรวจได้โดยตรง แต่ประเด็นที่นายกฯ ระบุว่ามีคนสมหวังหรือไม่สมหวังในระดับผู้กำกับ ทั้งนี้นายชัยชนะ กล่าวว่า เป็นคำพูดของนายกฯที่นายกฯ ควรจะมาตอบ แต่รองนายกฯ ขอให้พูดตามกรอบ
โดย นายสมศักดิ์ ได้กล่าวยืนยันว่า เจตนารมณ์ของนายกฯ เรื่องตั๋วตำรวจและการปราบยาเสพติด ตามที่ปรากฏเป็นข่าวคำให้สัมภาษณ์ของ ผบ.ตร. 23 พ.ย. 66 ยืนยันว่าไม่มีระบบตั๋ว รวมถึงคำสัมภาษณ์ของนายกฯ ฐานะประธาน ก.ตร. ที่ขอให้ก.ตร. การสร้างระบบคุณธรรมในราชการตำรวจ เพื่อทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้ประชาชนพึงพอใจ ต้องรับฟังประชาชนในพื้นที่ ซึ่งไม่ใช่การขอบุคคลรายใดรายหนึ่งเพื่อมาดำรงตำแหน่ง
อย่างไรก็ดี นายณัฐพงษ์ พยายามซักถามรวมถึงการลาออกของผู้กำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ภูเก็ต แสดงถึงความผิดหวังหรือไม่ ซึ่งนายชัยชนะ กล่าวว่า ในหลักการของการโยกย้าย ตม.ภูเก็ตควรสอบถาม นายกฯ เพราะเป็นประธานก.ตร. อีกทั้งกมธ.การตำรวจมีหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน และพร้อมที่จะตรวจสอบ ดังนั้นขอให้ กมธ.เข้าใจในหลักการ จึงขอฝากไปยังนายกฯ ถึงการปราบปรามปัญหายาเสพติด บ่อนการพนัน ส่วนประเด็นการโยกย้ายนั้น เป็นสิ่งที่นายกฯควรมาชี้แจงด้วยตนเอง เพราะเมื่อครั้งที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ยังเคยมาชี้แจงกับ กมธ.ตำรวจ ดังนั้นนายเศรษฐาอย่าหนีการชี้แจง เพราะนายกฯ เป็นลูกผู้ชายตัวจริง
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการชี้แจงว่า กมธ.ไม่ได้ติดใจในรายละเอียดตามประเด็นที่พิจารณา แต่ต้องการพบกับนายกฯ ในโอกาสหน้า ที่ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้เหตุผลที่นายเศรษฐา ไม่ได้มาชี้แจงด้วยตนเอง เนื่องจาก ติดสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่จ.นครราชสีมา
ต่อจากนั้น เวลา 10.30 น. นายสมศักดิ์ เข้าชี้แจงต่อ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ที่มี นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นประธานกมธ. ซึ่งมีวาระพิจารณาในประเด็นเดียวกัน