"สุทิน" เผยกลาโหมพร้อมหนุนรัฐบาลแก้หนี้นอกระบบ เล็งดูแลบ้านตัวเอง หลังพบทหารเป็นหนี้เยอะ ด้าน"บิ๊กต่อ" สั่งจับแก๊งทวงหนี้นอกระบบเหิม บุกทำลายร้านค้าลูกหนี้ หลังไม่พอใจที่ไปลงทะเบียนไกล่เกลี่ย เตรียมขยายผลจับนายทุน ผู้ร่วมทำผิดรายอื่น รับไม่ได้แก๊งทวงหนี้ไม่เกรงกลัวกฎหมาย พร้อมย้ำทุกหน่วยทั่วประเทศเข้มงวดขานรับนโยบายรัฐบาล 

 ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.66 นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงการสนับสนุนการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของรัฐบาล ว่า กระทรวงกลาโหมพร้อมสนับสนุนรัฐบาลเป็นซึ่งเป็นฝ่ายขับเคลื่อน ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้กำลังเพื่อเข้าไปแก้ปัญหานี้ให้สำเร็จ หากกำลังหลักของฝ่ายตำรวจ ฝ่ายปกครองไม่พอถ้าจะขอมา ทางกลาโหมก็ยินดีและยินดีสนับสนุนนโยบายนี้ ที่สำคัญก็ต้องช่วยกำลังพลของกลาโหมให้หลุดพ้นจากหนี้นอกระบบด้วยซึ่งอย่ามองข้าม

 ทั้งนี้ ทางกลาโหมไม่ได้มีการเปิดศูนย์ใดๆ อยากให้ใช้ระบบในส่วนของฝ่ายนั้นก่อน ถ้ามาเปิดเองเหมือนแยก มันทำไม่ถูก เพราะกฎหมายที่รองรับต้องเป็นฝ่ายปกครองและตำรวจ ในฐานะทหารก็เป็นฝ่ายสนับสนุนและคนของเราก็อาจจะไปให้ข้อมูล ถ้าอยากให้เข้าไปแก้ปัญหา ก็ต้องเข้าไปที่ศูนย์ตามที่รัฐบาลได้ประกาศไว้
 
เมื่อถามว่า เบื้องต้นทหารมีเป็นหนี้เยอะหรือไม่นั้น นายสุทิน กล่าวว่า ก็เป็น และพบว่ามีจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ นายจำนงค์ ไชยมงคล กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ซึ่งเป็นนักกฎหมายก็มาเล่าให้ฟังว่าไปเจอทหารที่มีคดีเรื่องหนี้เยอะ ทั้งเรื่องประนอมหนี้ ไปเจอยึดทรัพย์ และปรับโครงสร้างหนี้จำนวนมาก ซึ่งนายจำนงค์ก็ดำริว่าอย่าไปดูหรือช่วยแต่คนอื่น ต้องช่วยกำลังคนตนเองด้วย นั่นแสดงว่าเยอะ
   
  ด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เปิดเผยถึงการแก้ไขปัญหาหนี้ระบบตามนโยบายรัฐบาล ว่า  ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ประกาศ การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นวาระแห่งชาติ ให้บูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยร่วมกับตำรวจ เปิดระบบลงทะเบียนรับความช่วยเหลือแก้ไขหนี้นอกระบบ ซึ่งที่ผ่านมามีประชาชนทั้งลูกหนี้เจ้าหนี้มาลงทะเบียนจำนวนมาก เป็นไปในทิศทางที่ดี

 อย่างไรก็ตาม มีบางรายตามที่ปรากฎข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ ลูกหนี้ผวาถูกแก๊งเงินกู้นอกระบบบุกพังร้านกลางดึกหลังลงทะเบียนแก้หนี้ เหตุเกิดที่ร้านส้มตำครกแตก ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ของเช้ามืดวันที่ 6 ธ.ค.66 เวลาประมาณ 04.30 น. พื้นที่ สภ.สรรคบุรี หลังเกิดเหตุ ผบ.ตร.ได้สั่งการไปยัง พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 ให้จัดชุดสืบสวนลงตรวจสอบจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ตำรวจได้สืบสวนจนพบว่าสาเหตุเกิดจาก น.ส.ปิยธิดา ได้กู้ยืมเงินจาก นายธีระศักดิ์ หรือ แมว จำนวน 30,000 บาท โดย นายธีระศักดิ์คิดอกเบี้ยแบบลอยคือชำระดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ จนกว่าจะนำเงินต้นทั้งหมดมาคืน ซึ่งน.ส.ปิยธิดาต้องชำระดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวนวันละ 850 บาท ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และได้ชำระมาแล้ว 18 วัน 
    
 ต่อมา น.ส.ปิยธิดาได้ไปยื่นคำร้องเพื่อขอไกล่เกลี่ยที่อ.สรรคบุรี จนเจ้าหนี้ไม่พอใจ ทำให้นายไตรภพ หรืออ้น และนายนิรุต หรือแน็ต ได้มาที่ร้านและทำลายทรัพย์สินภายในร้านได้รับความเสียหาย ตำรวจ สภ.สรรคบุรีจึงได้รวบรวมหลักฐานออกหมายจับและติดตามจับกุมทั้ง 2 ราย ในผิดฐาน ร่วมกันบุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน , ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีและใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำความผิด และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าผู้ต้องหาทั้งสองรายได้มาเก็บดอกเบี้ยเงินกู้จริง

 ผบ.ตร.ได้สั่งการขยายผลไปยัง นายธีระศักดิ์เป็นนายทุนเงินกู้ รวมทั้งผู้ร่วมกระทำผิดรายอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ ตำรวจรับไม่ได้ คนร้ายไม่เกรงกลัวกฎหมาย และกำชับไปยังทุกหน่วยทั่วประเทศ ให้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง หากพบใครฝ่าฝืนกฎหมายให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและจริงจัง