"ไชยา" ยันเรื่องหมูที่ไม่หมู ได้กลิ่นแปลกตั้งแต่เริ่มปราบปราม พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ลั่นหากผิดจริงฟันไม่เลี้ยง ด้าน"อัจฉริยะ"หอบหลักฐานยื่น "โรม" สอบ"หมูเถื่อน-ส่งออกตีนไก่-เคลมภาษีน้ำมัน" บอกเอาตรงๆ ไม่มีเกรงใจกัน ยันเอาผิดระดับผู้ใหญ่ได้ เผยข้าราชการ 3 กรม สารภาพหมดแล้ว
เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.66 นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณี บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม เนื่องจากถูกกลั่นแกล้งจากกรมปศุสัตว์ตามที่เป็นข่าว ว่า ประเด็นหมูเถื่อนตอนนี้ กำลังเป็นที่สนใจ เรื่องนี้ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ และติดตามอย่างใกล้ชิดหลังจากที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ได้สั่งการให้ นายคุณากร ปรีชาชนะชัย ผู้ช่วยเลขานุการรมว.เกษตรและสหกรณ์ ไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริงและรายงานเบื้องต้น หากกรณีนี้มีมูลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามข้อเท็จจริงเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งผู้ร้องเรียนและผู้ถูกร้องเรียน แต่เนื่องจากเรื่องนี้เป็นคดีความที่มีการฟ้องร้องอยู่ในชั้นศาลซึ่งไม่สามารถไปก้าวก่ายในคดีความได้ ในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ โดยเฉพาะกรมปศุสัตว์ ภายใต้กำกับดูแลของตน เมื่อมีเรื่องร้องเรียนถึงความไม่ถูกต้องไม่โปร่งใส ตนก็พร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจะดำเนินการให้ถึงที่สุดหากมีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริง
นายไชยา กล่าวว่า เรื่องหมูตนเคยพูดตั้งแต่ต้นว่ามันไม่หมู ตั้งแต่ตนมาเป็นรมช.เกษตรฯ ได้ลงพื้นที่ไปปราบปรามหมูเถื่อนตั้งแต่ต้น ได้กลิ่นแปลกๆ ตั้งแต่แรก เป็นขบวนการที่ไม่ธรรมดา เห็นถึงความไม่ชอบมาพากล จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เป็นรัฐมนตรียังไม่ถึง 3 เดือน มูลค่าความเสียหายในคดีหมูเถื่อน มากมายมหาศาลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ กระทบต่อรายได้ของแผ่นดินในการจัดเก็บภาษี และกระทบต่อพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรแทบสิ้นเนื้อประดาตัว เนื่องจากถูกกดราคาจากการทุ่มตลาดของสินค้าเถื่อนที่นำเข้าจากต่างประเทศ เรื่องนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ได้สั่งกำชับให้ตนติดตามอย่างใกล้ชิด รัฐบาลจะเดินหน้าอย่างเต็มที่ถ้าเกี่ยวข้องกับทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการ จะดำเนินการจนถึงที่สุด โดยตนมีหน้าที่ในการปกป้องพี่น้องเกษตรกรรายย่อยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ และตอนนี้ก็เริ่มมีข้อมูลเพิ่มขึ้นและอยู่ในระหว่าง การรวบรวมข้อมูล แต่ขอยังไม่เปิดเผยในรายละเอียด ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากมีการกระทำความผิดจริง จะดำเนินการเอาผิดให้ถึงที่สุด
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ รับหนังสือจาก นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โดยนำหลักฐานร้องเรียนมามอบให้ ตรวจสอบใน 3 ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต
โดย นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เรื่องร้องเรียนที่ตนมายื่นในวันนี้มี 3 ประเด็นคือ 1.การลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรเถื่อน โดยมีข้าราชการระดับกรม 3 กรมเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งอาจจะโยงไปถึงนักการเมืองบางคน โดยถือว่าคืบหน้าไปมาก 2.การสวมสิทธิ์ส่งออกตีนไก่ไปยังประเทศจีน ซึ่งเกี่ยวพันกับอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ3.การส่งออกน้ำมันไปยังเมียนมาและวนกลับมาจำหน่ายในประเทศไทย โดยมีการขอคืนภาษีแบบผิดกฎหมาย 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระทำมาแล้ว 6 ปี เรื่องเหล่านี้กระทบต่อระบบเศรษฐกิจรวมถึงผู้ประกอบการและเกษตรกร ประเมินมูลค่าความเสียหายเป็นแสนล้านบาท
เมื่อถามว่า หลักฐานที่นำมาในวันนี้ สามารถเอาผิดอะไรได้บ้าง นายอัจฉริยะ กล่าวว่า สิ่งที่นำมามอบในวันนี้เป็นหลักฐานเบื้องต้น แต่หากวันที่กรรมาธิการเรียกชี้แจง ตนจะมีตัวบุคคลที่รับเงินใต้โต๊ะตั้งแต่ระดับล่างจนถึงอธิบดี และเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรี ซึ่งตนได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งหลักฐานเรื่องหมูเถื่อนและตีนไก่
เมื่อถามว่า มั่นใจว่า สามารถเอาผิดใครได้บ้าง นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ถ้าเอาแบบจริงจัง ไม่มีเกรงใจกัน ก็ถึงกันหมดทุกคน เพราะหลักฐานทิ้งร่องรอยด้วยเอกสาร คนทำชิปปิ้งก็ให้การรับสารภาพแล้ว รวมถึงมีเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ กรมประมง และกรมศุลกากร ก็ให้การซักทอดไปถึงผู้ใหญ่หมดแล้ว ขณะนี้มีครบแล้ว