'มหาดไทย' ประชุมมอบนโยบายผู้ว่าฯ เน้นย้ำ เตรียมพร้อมดูแลประชาชนช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2567 “เปลี่ยน 7 วันอันตราย ให้เป็น 7 วัน แห่งความสุขของครอบครัว” พร้อมกำชับผู้ว่าฯ - นายอำเภอ พุ่งเป้าขับเคลื่อนทุกนโยบายเพื่อสร้างสังคมไทยที่ผาสุก ปลอดอบายมุข ประชาชนอุ่นใจ
วันนี้ (7 ธ.ค. 66) ที่ห้องประชุมราชสีห์ ชั้น 2 ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนและติดตามนโยบายของรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย โดยมี นายศุภชัย โพธิ์สุ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวพรพิมล ธรรมสาร ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้านบริหาร นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านกิจการความมั่นคงภายใน นายชยาวุธ จันทร อธิบดีกรมที่ดิน นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายรัฐพล นราดิศร รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารและหัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม โดยผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ร่วมประชุมผ่านระบบประชุมทางไกล
นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับว่าที่ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย เพื่อเป้าหมายในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมารัฐบาลได้มอบหมายภารกิจให้กระทรวงมหาดไทยขับเคลื่อนงานในหลายเรื่อง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนธันวาคมนี้ เป็นช่วงเวลาของการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จึงขอใช้โอกาสนี้มาพูดคุยและเน้นย้ำให้ทุกท่านได้ร่วมกันขับเคลื่อนการทำงานกับพวกเรา
“ขอขอบคุณทุกจังหวัดที่ได้จัดกิจกรรมวันสำคัญของชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ แสดงให้เห็นถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทย ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อความเจริญมั่นคงเป็นปึกแผ่นของประเทศชาติตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ จัดกิจกรรมในลักษณะจิตอาสา ศาสนกิจ เพื่อร้อยรวมดวงใจเป็นหนึ่งเดียว และจัดกิจกรรมต่าง ๆ เนื่องในวันสำคัญของชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง อาทิ การทำบุญตักบาตร สวดมนต์ จิตอาสา และกิจกรรมสาธารณประโยชน์อื่น ๆ เพื่อเป็นการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ ให้มั่นคงสถาพรสืบไป” นายทรงศักดิ์ ฯ กล่าวในช่วงต้น
นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อไปอีกว่า เรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบที่รัฐบาลได้ประกาศให้เป็น "วาระแห่งชาติ" และได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยบูรณาการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่การช่วยเหลือลูกหนี้ การไกล่เกลี่ยและประนีประนอมข้อพิพาท การเฝ้าระวังและปราบปรามผู้กระทำความผิดอย่างเคร่งครัด รวมถึงการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ประกาศ “ดีเดย์แก้หนี้นอกระบบ” ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 โดยเปิดระบบรับลงทะเบียนขอความช่วยเหลือแก้หนี้นอกระบบ พร้อมจัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ" ทั่วประเทศ จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ลูกหนี้นอกระบบลงทะเบียนรับความช่วยเหลือผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด/อำเภอ สำนักงานเขตทุกแห่ง หรือผ่านทางออนไลน์ หรือสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 นอกจากนี้ ขอให้นายอำเภอใช้กลไกไกล่เกลี่ยประนอม ข้อพิพาท รวมทั้งแจ้งกำชับให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน เฝ้าระวังสอดส่องบุคคลที่มีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้ โดยให้รายงานศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ หากพบเห็นการกระทำความผิดให้ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอหรือจังหวัด เข้าดำเนินการตามกฎหมายอย่างทันทีและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะมอบนโยบายในวันพรุ่งนี้ (8 ธ.ค. 66)
“เรื่องการจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ขอขอบคุณทุกจังหวัดที่ได้เปิดปฏิบัติการปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยจัดชุดเฉพาะกิจฝ่ายปกครองบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การปราบปรามผู้มีอิทธิพล ซึ่งต้องขอให้ดำเนินการจัดการกับบัญชีรายชื่อบุคคลต้องสงสัยว่ามีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพลเป็นการเร่งด่วน โดยกรณีบุคคลต้องสงสัยว่ามีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพล “สีแดง” ให้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องตามพฤติการณ์ฐานความผิดของทุกหน่วยงานในทางลับ เพื่อนำผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฎหมาย และขอให้ชุดเฉพาะกิจระดับจังหวัด/อำเภอ บูรณาการความร่วมมือเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง รวบรวมพยานหลักฐาน ดำเนินการตามกฎหมายกับกลุ่มบุคคลต้องสงสัยว่ามีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพลให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 นอกจากนี้ ขอเน้นย้ำตามที่ท่านสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้ “งดการออกใบอนุญาต” ให้สั่ง นำเข้า หรือค้าซึ่งอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนของร้านค้าอาวุธปืน รวมถึงสิ่งเทียมอาวุธปืนที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้โดยง่าย ตลอดจนให้ทุกจังหวัดงดการออกใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว (แบบ ป.12) ในเขตพื้นที่จังหวัด รวมถึงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดต้องเชื่อมโยงไปถึงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยใช้กลไกศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัด (ศอ.ปส.จ.) เร่งรัดค้นหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัด รวมทั้งให้ความสำคัญกับการสอดส่อง เฝ้าระวัง เพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับยาเสพติดด้วย” นายทรงศักดิ์ฯ กล่าว
นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องการเตรียมความพร้อมดูแลประชาชนในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเตรียมความพร้อมรับการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 นี้ โดยร่วมมือกัน “เปลี่ยน 7 วันอันตราย ให้เป็น 7 วัน แห่งความสุขของครอบครัว” ด้วยการสำรวจถนน จุดเสี่ยงจุดอันตราย จุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยปรับปรุงแก้ไขให้มีความปลอดภัย จัดทำป้ายเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายในช่วง 7 วันอันตรายอย่างเข้มงวด เน้นลดพฤติกรรมเสี่ยงที่เป็นสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ตลอดจนใช้กลไกด่านชุมชน เพื่อเฝ้าระวังตรวจตรา และตักเตือนผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน นอกจากนี้ขอให้ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวทั้งทางบกและทางน้ำ โดยตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารและสิ่งก่อสร้าง สถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่ง ในส่วนของการเรียนรู้วิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย กระทรวงมหาดไทยได้บูรณาการกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงแรงงาน ร่วมกันผลักดันให้เด็กตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาได้เรียนรู้ “วิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย หน้าที่พลเมือง และศีลธรรม” เพื่อปลูกฝังเด็กให้มีความภาคภูมิใจไทยในประวัติศาสตร์ของชาติ จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความสำคัญกับการเรียนการสอนใน 3 วิชาสำคัญดังกล่าว
“ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ประเทศไทยตอนบน ติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์ผลกระทบในพื้นที่ และสามารถแจ้งเตือนประชาชนได้ทันท่วงที รวมทั้งสำรวจและปรับปรุงบัญชีกลุ่มเปราะบาง ตลอดจนเตรียมความพร้อมวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับเข้าช่วยเหลือประชาชน โดยสิ่งสำคัญต้องสร้างการรับรู้และให้คำแนะนำแก่ประชาชนเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในช่วงฤดูหนาว รวมถึงการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ที่กำลังอยู่ในช่วงฤดูฝน อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ต้องเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง รวมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชน ตลอดจนเตรียมความพร้อมของอุปกรณ์เครื่องมือที่จะเข้าให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที โดยขอให้เตรียมความพร้อมตลอดฤดูฝนที่คาดว่าจะต่อเนื่องไปจนถึงช่วงต้นปีหน้า และในส่วนของมาตรการแบ่งเบาภาระพี่น้องประชาชนโดยขยายเวลาจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปี 2567 กระทรวงมหาดไทยได้มีมาตรการขยายกำหนดการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำปี 2567 เป็นการทั่วไป ออกไปเป็นระยะเวลา 2 เดือน จากเดือนเมษายน 2567 เป็นภายในเดือนมิถุนายน 2567 ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้แจ้งไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบมาตรการดังกล่าว ตลอดจนถึงเรื่องการแก้ไขปัญหาความยากจน โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดขับเคลื่อนศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและการพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงทั้งระดับจังหวัด และอำเภอ ซึ่งกลไกนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเป้าหมายการแก้ไขปัญหาความยากจนของไทยจะได้รับการปฏิบัติและติดตามอย่างดี เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจนอย่างยั่งยืนต่อไป” นายทรงศักดิ์ ฯ กล่าวเพิ่มเติม
นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวในช่วงท้ายว่า ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้เข้าร่วมการประชุมในวันนี้ ขอให้ทุกท่านมีความมุ่งมั่นในการที่จะทำงานภายใต้แนวคิด “ทันโลก ทันสมัย และทันท่วงที” เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชนให้อยู่ดีกินดี และมีความอุดมสมบูรณ์พูนสุขถ้วนหน้ากัน ซึ่งตนมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่ากระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานในการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามขอให้ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอทุกท่านช่วยกันกำกับและติดตามเพื่อให้บรรลุผลตามภารกิจในการดูแลพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ
จากนั้นหัวหน้าส่วนราชการและหัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทยได้นำเสนอประเด็นสำคัญ 12 ประเด็น ดังนี้ 1) การติดตามเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ของกรุงเทพมหานคร โดยกรุงเทพมหานคร 2) การจัดที่ดินทํากินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) และการติดตามการดำเนินการสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช โดยกรมที่ดิน 3) ประชาสัมพันธ์การจัดงาน OTOP CITY 2023 โดยกรมการพัฒนาชุมชน 4) การตรวจสอบและควบคุมดูแลความปลอดภัยของอาคาร สถานบริการ และเครื่องเล่นในช่วงเทศกาล และโครงการพัฒนาพื้นที่แหล่งน้ำ (แก้มลิง) แบบอารยเกษตร เพื่อการบริหารจัดการน้ำหมู่บ้าน/ชุมชน แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน ผังภูมิสังคม (Geo-social Map) โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง 5) มาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย ลดการก่อหนี้นอกระบบ และการสร้างเด็กไทย รู้รักชาติ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 6) การปราบปรามผู้มีอิทธิพล การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ และโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการชุดปฏิบัติการพิเศษ โดยกรมการปกครอง 7) การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2567 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
#กระทรวงมหาดไทย
#บำบัดทุกข์บำรุงสุข
#MOI