วันที่ 7 ธ.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา  นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา  นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่  สส.สงขลา  รวมถึงสส.บางส่วน  ร่วมหารือเพื่อหาทางให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรคและรักษาเลขาธิการพรรค  มีโอกาสกลับเป็นในวงการเมือง โดยมีการเปรียบเทียบคุณสมบัติของว่าที่ผู้สมัครลงเป็นหัวหน้าพรรคทั้งสองคนคือ นายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ และน.ส.วทันยา บุนนาค หรือมาดามเดียร์  

ซึ่งส่วนใหญ่เห็นพ้องว่า ควรจะเสนอชื่อของนายเฉลิมชัย เนื่องจากเป็นผู้ที่เหมาะสมที่จะนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคคนใหม่  แม้จะติดที่นายเฉลิมชัยเคยประกาศในการหาเสียงเลือกตั้งทั่วไป 14 พ.ค.2566 ว่าหากแพ้เลือกตั้งจะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต  จึงมีการหาทางออกว่า สส.ส่วนใหญ่ของพรรคต้องนัดหารือและออกเป็นมติ หรือหนังสือเรียกร้องให้นายเฉลิมชัย กลับมาลงสมัครเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อฟื้นฟูพรรค เพราะ สส.ส่วนใหญ่เห็นว่ามีศักยภาพในการดูแล และเป็นศูนย์รวมของสส.รุ่นใหม่ของพรรค โดยเชื่อมั่นว่า หากนายเฉลิมชัย ยอมเสียสละกลับมารับตำแหน่งเพื่อฟื้นฟูพรรคปชป. ก็ไม่ถือว่าเป็นการตระบัดสัตย์ เพราะเป็นคำขอร้องและเป็นมติของสส.พรรค ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนที่เลือกสส.มา  ถือเป็นเหตุผลที่รับฟังขึ้น

จึงเป็นที่มาของการนัดสส.พรรค ให้มาร่วมหารือรอบนอกในช่วงเย็นวันที่ 7 ธ.ค. ที่ทำการพรรคปชป. เพื่อกำหนดทิศทางในการโหวตเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งเสียงของสส. ถือคะแนนสัดส่วน70% หากสส.ส่วนใหญ่ของพรรคเห็นพ้อง ก็เชื่อว่าจะสามารถผลักดันให้นายเฉลิมชัย ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ได้ โดยมีชื่อของนายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลาและรักษาการรองหัวหน้าพรรค ภาคใต้ ขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคคู่ใจ พร้อมกับการตัดการสนับสนุนนายนราพัฒน์  ว่าที่ผู้สมัครลงแข่งขันเป็นหัวหน้าพรรคลง  จึงต้องจับตาดูว่า หากมีมติสส.พรรคปชป. ในการเสนอชื่อนายเฉลิมชัย ให้กลับมาคุมการบริหารงาน พรรคปชป. จริง  นายเฉลิมชัยจะลืมคำพูดที่เคยประกาศและหันมารับตำแหน่งนี้หรือไม่


ขณะที่ความเคลื่อนไหวของน.ส.วทันยา ว่าที่ผู้สมัครลงแข่งชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคปชป. ก็มีการเดินสายและรณรงค์หาเสียง ขอเสียงจากบรรดาสมาชิกพรรคทั่วประเทศ แม้ฐานเสียงของโหวตเตอร์ในส่วนนี้จะมีสัดส่วนคะแนนแค่ 30%  โดยเชื่อว่า มาดามเดียร์ จะสามารถฝ่าด่านข้อบังคับพรรคที่ 31(6) และข้อบังคับพรรคที่32(1) ที่ต้องใช้เสียงองค์ประชุม3 ใน4 ของดเว้นการบังคับพรรคในกรณีที่ เป็นสมาชิกพรรคไม่ถึง5ปี และต้องเคยเป็นสส.ในนามพรรค(ตามลำดับ)เพื่อให้ผ่านคุณสมบัติผู้สมัครเป็นหัวหน้าพรรค เข้าสู่ด่านที่2 เพื่อสามารถลงสมัครแข่งขันเป็นหัวหน้าพรรคได้  ก็มีการขอเสียงจากโหวตเตอร์ที่เป็นแทนสาขาพรรค  โดยมีความพยายามจะประสานขอเสียงจากสส.ปัจจุบันที่เป็นคนรุ่นใหม่ของพรรคเช่นกัน

สำหรับ นายเฉลิมชัย นั้นผู้สื่อข่าวรายงานว่า เคยประกาศ ในงาน รวมพลัง 30 เลือดใหม่ ทวงปักษ์ใต้คืน ที่จังหวัดสงขลา เมื่อเดือนสิงหาคม2565 ตอนหนึ่งว่า " ผมไม่บอกว่าจะได้กี่เขต แต่วันที่พรรคมีวิกฤต ผมประกาศไว้ชัดเจนแล้ว รอบนี้ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ต่ำกว่า 52 ที่ ผมเลิกเล่นการเมืองทั้งชีวิต เลิกเล่นนะ ไม่ใช่หยุดเล่น เลิกคือหันหลังเดินออกไปเลย แต่ผมยังมั่นใจว่านี่คือสถาบันสถาบันการเมือง ในท่ามกลางวิกฤต ทุกอย่างวุ่นวาย พรรคประชาธิปัตย์ยังยืนเป็นหลักให้ประเทศได้

เพราะฉะนั้นจำนวน ส.ส.อาจจะมีผล แต่ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนวันนี้ตัดสินใจได้ว่าจะเลือกพรรคไหน และให้ผู้สมัครของผมทั้งหมด และให้พี่น้องชาวปักษ์ใต้ทั้งหมดได้สบายใจว่า วันนี้ที่ผมบอกคือหลักการ อุดมการณ์ ไม่เปลี่ยน แต่วิธีการ กับการทำงาน ประชาธิปัตย์เปลี่ยนแน่นอน เปลี่ยนเพื่อพี่น้องประชาชน"