"เศรษฐา" ปาฐกถา วบส. ร่ายยาวผลงาน 3 เดือน เป็นเซลล์แมนชวนต่างชาติลงทุนอื้อ ลั่น คนมีสติรู้ดี "สงกรานต์ทั้งเดือน" ไม่ใช่เล่นน้ำอย่างเดียว  ฟาดแรง พวกใช้คอนเนคชั่นหลักสูตร ยกตนข่มท่าน เป็นคนน่ารังเกียจ ถามแทงใจจี๊ด บินไปต่างประเทศ เคยไปหนองบัวลำภูหรือยัง ยัน ทำงานศก.แต่ไม่ลืมเรื่องอื่น กระตุกสำนึกความเท่าเทียม กล่อมอีลิทต้นทุนสูง มองรอบตัว-เปิดใจ จะรู้ว่าต้องช่วยสังคมอย่างไร

วันที่ 7 ธ.ค.2566 เมื่อเวลา 13.30 น.ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา สถาบัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ"อนาคตเศรษฐกิจไทย " ในงานสัมมนาวิชาการหลักสูตรวิทยาการการจัดการสำหรับนักบริหารระดับสูง (วบส.) บัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ว่า  เห็นโปสเตอร์งานวันนี้บอกว่าอนาคตเศรษฐไทย ตนอยากจะขอเติมต่อท้ายว่าที่จับต้องได้ วันนี้เขาเตรียมสปีชมาให้แต่ไม่ใช้ดีกว่าเอาเป็นธรรมชาติพูดเป็นภาษาง่ายๆเพราะนี่เป็นหลักสูตรที่สร้างโอกาสประโยชน์สูงสุดแก่คนไทยทุกคนก็อยากจะพูดอะไรที่มันจับต้องได้และทุกคนเข้าใจได้ง่ายๆไม่ได้เป็นการวาดภาพที่สวยหรูเกินเหตุหรือพูดไปแล้วทำลำบาก

เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าช่วงเวลาที่ตนได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯต้องยอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก พยายามจะไม่กล่าวถึงรัฐบาลอื่น แต่ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ก็ลำบากกันเยอะวันนี้ก็ยิ่งลำบากหนักไปอีก ด้วยเหตุผลหลากหลาย ทั้งเรื่องการแข่งขันในเวทีโลก ปัญหาสงครามที่เกิดขึ้น ทั้งสงครามจริงๆที่ใช้อาวุธ และสงครามด้านการค้า สงครามด้านการทูต ยูเครนกับรัสเซียก็ยังไม่จบ และด้านฮามาสกับอิสราเอลก็ยังไม่จบ และทราบว่าจะไม่จบลงด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กำหนดทิศทางเศรษฐกิจโลกเป็นอย่างดี 

อีก 2-3 วัน จะครบ 3 เดือนที่เข้ามารับตำแหน่งนายกฯ เรามีนโยบายหลากหลาย อันแรกต้องยอมรับก่อนว่าการลดค่าใช้จ่ายประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ คนละค่ายการเมืองก็บอกว่าเป็นประชานิยม เป็นการหาเสียงอยากบอกว่าไม่ใช่ เพราะการหาเสียงมันจบไปแล้ว เรามีรัฐบาลแล้ว ฉะนั้นเรื่องการหาเสียงไม่มีแล้ว เรื่องการซื้อเสียงไม่มีแล้วมีแต่เป็นการซื้อใจเพื่อเตรียมเลือกตั้งครั้งต่อไปแต่ก็เป็นระยะเวลาอีกนาน

เรื่องของค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นทั้งค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า เรื่องผลผลิตการเกษตร หลายท่านในที่นี้อาจจะไม่รู้ซึ้งความรู้สึกของพี่น้องเกษตรกร แต่เรามีเกษตรกรหลายสิบล้านคน ช่วง 9 ปีที่ผ่านมาเรามีการพักหนี้ไป 13 หน พวกท่านในฐานะที่จ่ายภาษีมากที่สุด ก็ต้องถามว่าเป็นเงินเท่าไหร่ อยากจะบอกว่าพักครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะตัวของตนเอง เศรษฐกิจที่จับต้องได้จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่ แต่ความตั้งใจของรัฐบาลนี้เป็นการพักครั้งสุดท้ายเพราะถ้าหากเราไม่มีการพักหนี้ซึ่งปัจจุบันก็ควบคุมมาเยอะ ก็ยังไม่ได้คิดกันเต็มที่ ฉะนั้นการพักหนี้ต้องให้เกษตรกรที่เป็นภาคส่วนใหญ่ของประเทศมีขวัญกำลังใจ ให้ทำงานต่อไป

นายกฯ กล่าวว่า การลดค่าใช้จ่าย ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันและหนี้สินเป็นเรื่องสำคัญวันนี้เราก็ได้มีการจัดการกันไปอีกแล้วตอนนี้ค่าไฟฟ้าเป็น 3.99 บาท จะขึ้นอีกเป็น 4.68 บาท ตนก็บอกไปแล้วว่าโอ๊ยรับไม่ได้ต้องกลับไปพิจารณากันใหม่ว่าเป็นเท่าไหร่ ณจุดนี้ 4.20 บาท น่าจะเป็นไปได้แต่พยายามจะกดให้เป็น 4.10 บาทก็คิดว่าน่าจะทำได้ เพราะแต่ก่อนที่จะลดไป 3.99 มันเป็น 4.50 บาท ถ้าจะลงไปถึง 3.99 บาท มันก็ลำบากแต่เชื่อว่ายังดีกว่าที่เป็นมาในอดีต 

นายกฯ กล่าวว่า คำว่าควิกวิน หลายคนถามว่าพูดง่าย ซึ่งตนก็มีส่วนผิดที่ใช้คำว่าควิกวินคงต้องเปลี่ยนศัพท์แสงบ้าง ในที่นี้มีนักธุรกิจเยอะต้องให้เข้าใจว่าควิกวินหมายถึงอะไรไม่ใช่หมายความว่าเราจะควิกเพื่อรอการแก้ปัญหาระยะยาว แต่เป็นการสร้างรายได้ระยะสั้นให้ประชาชนไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว ที่มีมาตรการหลายอย่าง ทั้งวีซ่าฟรีให้กับนักท่องเที่ยวจีน แต่ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันที่พารากอน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจากจีนลดลง เราก็หากลุ่มใหม่ทดแทน ทั้งจากคาซัคสถาน และอินเดีย และจะไปทำวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวไต้หวันด้วย

ขณะที่นักท่องเที่ยวจากรัสเซียจากเพิ่มระยะพำนัก จาก 30 วัน เป็น 90 วันเพราะที่นั่นหน้าหนาวมากมาเที่ยว 30 วันไม่พอ ต้องออกไปประเทศอื่นแล้วกลับเข้าใหม่ก็ไม่อยากให้เขามีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งการท่องเที่ยวเป็นภาคส่วนสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และในระยะยาวเราก็จะสนับสนุนเรื่องเมืองรองจากที่ไปประชุมครม.สัญจรที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นโซนเมืองรองแต่มีอันซีน มีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมที่คนไทยหรือชาวต่างชาติเองก็ควรที่จะรับทราบแต่น่าเสียดายที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยยังไม่ให้ความสำคัญสักเท่าไหร่จึงเรียกไปสั่งการว่าให้ทำตรงนี้ให้เยอะขึ้น 

โดยสรุปถึงแผนงานระยะกลางและยาว ตัวเลขนักท่องเที่ยวก่อนมีโควิดของเรามี 42 ล้านคน ที่เดินทางเข้ามาปีนี้ตีไปประมาณ 25 ล้านคน แต่จะได้ประมาณ 27 ล้านคน แต่เหนือสิ่งอื่นใดไม่จำเป็นต้องถึง 42 ล้านคน การใช้จ่ายก็น้อยลงไปอย่างที่ทราบว่าค่าเครื่องบินแพงขึ้นมากหลังจากโควิด ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปที่ต่างๆสูงขึ้น 
สมัยก่อนเขาใช้จ่ายการเดินทาง 35 บาทวันนี้ 40-50 บาท ฉะนั้นเงินที่จะใช้สอยในประเทศก็จะลดลง รวมถึงระยะเวลาที่อยู่ในประเทศก็เป็นเรื่องสำคัญอย่างเวลาเราไปฝรั่งเศส อิตาลี สเปนก็อยู่กันประมาณ 7-12 วัน ขณะที่เมืองไทยประมาณ 3 วันขึ้น เท่านั้นถือว่าน้อยมาก เราเอาคนน้อยหน่อย แต่ว่ามาอยู่นานดีกว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะพยายามทำให้ระยะกลางและยาวดีขึ้นมาได้ เราก็มีวิธีการหลายๆอย่างที่พยายามทำกันมาไม่ว่าจะเรื่องของซอฟต์พาวเวอร์ที่ก็ดีขึ้น

ซึ่งในการเมืองก็ไปพูดจาด้อยค่ากันต่างๆนานา เชื่อว่าทุกคนทราบว่าคืออะไรหลายๆเรื่องในประเทศไทยมีจุดแข็งด้านนี้ เทศกาลสงกรานต์ยูเนสโกเพิ่งประกาศให้เป็นมรดกโลกอย่างหนึ่ง ซึ่งปีหน้าเราจะทำให้สงกรานต์มีการเฉลิมฉลองกันทั้งเดือน ไม่ใช่ว่าจะให้สาดน้ำกันทั้งเดือน เชื่อว่าคนที่มีสติดีคุณจะทราบว่าเซเลเบรทกันทั้งเดือนคืออะไร เหมือนคนจีนที่ตรุษจีนกัน 3 -7 วัน ตนเชื่อว่าประเพณีวัฒนธรรมของคนไทยเป็นสิ่งดีงาม เป็นสิ่งที่ต่างชาติอยากจะทราบ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องสนับสนุนเรื่องเหล่านี้ให้เกิดขึ้นได้ 

นายกฯ กล่าวต่อว่า อีกหลายอย่างที่ต้องสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างมวยไทยก็ดีซึ่งเป็นซอฟต์พาวเวอร์อย่างหนึ่งที่มีคำว่าไทยอยู่ และยิ่งใหญ่ที่สุดอันหนึ่ง ที่ประเทศอังกฤษมีค่ายมวยไทยอยู่ 6,000 ค่าย กางเกงมวยอย่างเดียวถ้าหากเราทำให้ดีทำให้สวยทำให้ขายดีก็จะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจได้ให้คนมาฝึกเรียนมวยไทยนักกีฬาดารานักร้องที่มาเมืองไทยเขาก็มาฝึกเรียนมวยไทยที่ภูเก็ต ตรงนี้ตนเชื่อว่าเป็นซอฟต์พาวเวอร์ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะกลางและยาวได้ 

ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่ารัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับการลงทุนโดยการเชื้อเชิญนักลงทุนมาลงทุนที่ประเทศไทย เราไม่มีตัวตนเลยในเวทีโลกในระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมาต้องยอมรับ การเจรจาFTA สนธิสัญญาการค้าระหว่างประเทศไม่มีเลย ไม่มีการเจรจาเรื่องนี้เกิด ขึ้นเวียดนามแซงเราไปแล้ว ไม่ใช่เฉพาะค่าแรง 400 บาท แต่เพราะเราไม่มีสนธิสัญญาการค้าระหว่างประเทศซึ่งเป็นภารกิจใหญ่ของรัฐบาลนี้ที่ต้องเจรจาเอาสัญญาการค้ากลับมาให้ได้เพื่อให้ไทยเป็นแหล่งผลิตอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและสามารถส่งออกไปยังประเทศต่างๆได้  ปัจจุบันเราทราบอยู่แล้วว่าประเทศคู่แข่งเราอย่างมาเลเซียและสิงคโปร์เขาแย่งนักลงทุนไปไม่ว่าจะ google  microsoft ซึ่งพลังงานสีเขียวถือเป็นหลักธรรมภิบาลสำคัญในเรื่องพลังงานของบริษัทใหญ่ 

"ประเทศไทยเรามีพลังงานสีเขียวอีกเยอะ ผมไปเยือนประเทศลาว พูดกันก็คือลาวจะขอฝากขายไฟฟ้าสีเขียวให้กับสิงคโปร์เพราะสิงคโปร์อยากซื้อเพิ่ม เวลานายกฯเจรจาเขาก็บอกว่ากำลังพิจารณาตนบอกว่าเราอยู่โลกความเป็นจริง โลกแห่งความแข่งขันสูงถ้าบอกว่าจะพิจารณาให้เราขายให้สิงคโปร์ บริษัทที่ลงทุนในสิงคโปร์ก็อาจจะคาดหวังว่าสิงคโปร์จะได้พลังงานสีเขียวจากลาวได้ ก็จะเป็นคู่แข่งของประเทศไทยได้ จนตัดสินใจว่าจะไม่พูดจะใช้วิธีการเจรจา ที่ผมสะสมประสบการณ์มาตลอด 30 ปีในการทำธุรกิจบอกไปตรงๆเลยว่าผมไม่ขาย ยังไงก็ไม่ขาย แต่ผมจะซื้อของคุณเพราะไม่อยากให้สิงคโปร์ได้ไปก็จะไปแย่งแหล่งลงทุนของประเทศไทย อันนี้เป็นความที่เราต้องโหด ต้องพูดจาตรงไปตรงมา และบางครั้งการเจรจาก็ต้องชัดเจนในแง่หลักการว่าอันไหนเราทำได้ ทำไม่ได้" 

นายกฯ กล่าวต่อว่า ด้านโยบายหลักของตนที่เสนอพ.ร.บ.กู้เงิน เชื่อว่าหลายคนในที่นี้ไม่เห็นด้วย บางท่านอาจจะเห็นด้วย ซึ่งในส่วน 1 แสนล้านบาท ที่จะไปให้กองทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าคืออะไร หลายท่านฟังแล้วอาจตกใจ แต่ทั่วโลกก็ทำหมดแล้ว ไมโครชิพที่อยู่ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายถือเป็นสมองกลสมัยใหม่  ซึ่งโรงงานผลิต 80% อยู่ในประเทศใต้หวัน ซึ่งในประวัติศาสตร์ไต้หวันกับประเทศจีนเป็นอย่างไรบ้าง โยนไปถึงความขัดแย้งระหว่างอเมริกากับจีน ซึ่งจากที่การที่ตนไปประชมเอเปคมา มีภาพการจับไม้จับมือตบไหล่กับผู้นำอย่างสวยหรู แต่ข้างหลังถือมีดกันทุกคน ซึ่งจีนกับสหรัฐตกลงมาชัดเจนมีอย่างเดียวที่คือไม่กดปุ่มนิวเคลียร์ยิงใส่กัน ถึงตรงนั้นก็ต้องสู้กันตายไปข้าง ฉะนั้นการแย่งฐานผลิตที่มาเมืองไทยดำรงไว้ซึ่งการเป็นกลางไม่ได้เอนเอียงไปทางสหรัฐฯหรือจีน 

"คนจีนถือเป็นพี่ใหญ่อเมริกาเป็นบิ๊กบอส ฉะนั้นเราไปได้กับทุกคน ก็เข้าใจของความสัมพันธ์หลายๆอย่าง เราเข้าใจที่หลายๆฝ่ายมีซึ่งกันและกัน ในห้องประชุมใหญ่ๆก็มีการโอภาปราศรัยอย่างดี แต่พอในห้องรับรองที่ไม่มีนักข่าว ก็มีการกอดคอชี้หน้าด้อยค่าซึ่งกันและกัน เราก็ตัวเล็กๆแต่ก็ภาคภูมิใจในความเป็นไทย" นายเศรษฐา กล่าว 

กองทุนเพิ่มขีดการแข่งขัน 1 แสนล้านบาท ทุกคนก็อยากจะดึงบริษัททำไมโครชิพมาประเทศตัวเอง ฐานะที่ใกล้ชิดกับไต้หวัน แต่สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพในการแจกผลประโยชน์ว่าจะให้ใครตั้งโรงงานไมโครชิพในประเทศต่างๆตนมีสายตรงกับรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ ท่านจะเป็นคนแจกให้โรงงานเองว่าจะให้มาที่ประเทศไทย ที่ไหนอย่างไร การเราจะคิดเชิญเข้ามาต้องมีหลายรูปแบบเช่นการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีเงินที่มูลค่าที่ต้องสนับสนุน 30-50% ของมูลค่าการลงทุน หลายท่านฟังอยู่ว่าเป็นภาษีของเราทั้งนั้น ใช่แล้ว แต่ถ้าเราไม่มีก็สู้มาเลเซียกับสู้เวียดนามไม่ได้ มีหลายประเทศที่เดินผ่านมาซึ่งเป็นผลพวงจากรัฐบาลที่แล้วที่ทำประโยชน์ไว้ เช่นซาอุดิอาระเบียที่เรามีความสัมพันธ์กว่า 30 ปี ที่มาเปิดอย่างเป็นทงการเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา หลายท่านคงเคยไปดู

นายกฯ กล่าวอีกว่า เรามีโรงเชือดวัวที่จังหวัดชุมพรใหญ่ที่สุด ศักยภาพในการเชือดวัว 200 ตัวต่อ 1 วัน ความต้องการของวัวทั่วโลกมีสูงมาก วัวตัวนึงถ้าส่งไปขายได้ 100 บาทแต่ถ้าชำแหละแล้วได้ 140 บาท ฉะนั้นโรงเชือดนั้นสำคัญมาก ซาอุฯจึงไปลงทุนที่บราซิล ซึ่งเป็นบริษัทชำแหละวัวที่มีความสามารถในการเชือดวัวต่อวัน 45,000 ตัว เขาเลี้ยงวัวไม่ได้แต่เขาคอนโทรลซัพพลายของวัวทั่วโลก มีโรงงานชื่อเชือดวัวในหลายประเทศแต่ได้ไม่ถึง 4,000 ตัว 

"มีคนบอกว่าผมเป็นเซลล์แมน ยอมรับแล้วต้องวิ่งสู้ฟัด ถ้าเราไม่เปิดตลาดใหม่พึ่งแต่สหรัฐฯกับจีนก็ไม่ได้ฉะนั้นการที่ผมออกไป 2-3 เดือนที่ผ่านมา เดี๋ยวสัปดาห์หน้าก็จะไปญี่ปุ่นไปเจอบริษัทชั้นนำหลายบริษัททั่วโลกที่อยู่ที่ญี่ปุ่น รัฐบาลญี่ปุ่นเรียกร้องว่าเหล่าโปรโมทรถยนต์ไฟฟ้าอีวีมากเกินไป แต่เป็นเทรนด์ของโลก เป็นเรื่องที่เราต้องทำ ผมจึงบอกนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นว่าลืมเรื่องอีวีไป ผมจะทำก็เรื่องของผมคุณอยากได้อะไรก็บอกมา

แต่บอกไว้อย่างหนึ่งว่าคนไทยหลายๆท่านที่นี่ที่เป็นเชื้อสายจีนเราไม่เคยลืมต้นน้ำ ใครรักเรา ใครดีต่อเรา เราจะไม่ลืมคนบอกนายกฯญี่ปุ่นไปอย่างนี้ ซึ่งวันนี้ก็มีการเจรจากันเยอะว่าเราจะช่วยการประกอบรถสันดาปอย่างไรทั้งมาตรการภาษี ผมมองแล้วว่ารถสันดาปจะยังอยู่ในโลกนี้ไป 10-15 ปีต่อไป อีวียังไม่ครองโลก จะเป็นไปได้ไหมถ้าจะย้ายฐานการผลิตจากทั่วทุกภูมิภาค มาประกอบที่เมืองไทยแต่ห้ามขายที่เมืองไทยเพราะจะทำให้เรื่องของเซ็ทซีโร่คาร์บอนเครดิตเป็นปัญหา ประกอบที่นี่ไปขายที่อื่นก็จะดูให้เรื่องมาตรการภาษี สัปดาห์หน้าผมจะไปญี่ปุ่นก็ถือว่าจะได้เซ็นสัญญากันตรงนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่เราทำกันมาตลอด" นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวว่า มีคนบอกว่าเราให้น้ำหนักกับเศรษฐกิจมากไป หรือลืมเรื่องสังคม เรื่องรัฐธรรมนูญ เรื่องสมรสเท่าเทียม เรื่องของจิตใจ เรื่องของการศึกษา ถ้ามีประเด็นอยู่ ตนก็ไม่ได้ตอบแบบเลี่ยงประเด็น อย่างเรื่องตัวเลขดัชนีการศึกษา ไม่ใช่ผลงานของรัฐบาลนี้แต่เป็นบันทึกที่รัฐบาลทุกรัฐบาลที่ผ่านมาต้องรับผิดชอบแต่ขณะนี้รัฐบาลนี้เริ่มมีอำนาจก็ต้องพยายามแก้ไข อย่างเรื่องสมรสเท่าเทียมก็จะเข้าสภาฯวันที่ 12 ธ.ค.นี้ เราให้ความสำคัญตลอด

ในช่วงท้าย ตัวแทนนักศึกษาหลักสูตร วบส.ได้ ให้กำลังใจกับนายกฯโดยระบุว่า การที่ประเทศไทยได้นายกฯชื่อเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกคนที่ 30 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเหมือนโชคชะตาส่งมาให้ช่วยขับเคลื่อนประเทศชาติ ทุกคนขอเป็นกำลังใจ ทั้งนี้ยอมรับว่าสถานการณ์ไม่ง่าย ข้าวยากหมากแพง ภาวะโลกร้อน การขัดแย้งจากประเทศสารพัดปัญหาถือเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับคนที่ยืนเป็นหัวเรือของประเทศ

มีคำถามว่าก่อนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ในฐานะนักธุรกิจแนวหน้าของประเทศไทยมีเรื่องอัดอั้นตันใจอะไรที่ซีเรียสมากที่สุดและคิดว่าถ้ามีโอกาสขับเคลื่อนจะทำอะไรเป็นสิ่งในฐานะนายกรัฐมนตรี และท่านได้นำประสบการณ์หรือแนวทางการบริหารงานในเชิงธุรกิจมาใช้ขับเคลื่อนประเทศอย่างไรมีการปรับเปลี่ยนแนวทางอย่างไรเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นในขณะนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเรื่องที่ทำให้อัดอั้นตันใจ คือเรื่องของความเหลื่อมล้ำ เพราะปฏิเสธไม่ได้ ตนเองก็มีเยอะและบางครั้งก็ใช้จ่ายเยอะจนกระทั่งละอายใจ อย่างเช่นการมีนาฬิกาหลายเรือน จนไม่รู้ว่าจะมีไปทำไม แต่ไม่ได้ปฏิเสธว่าอยากมีอีก แต่คิดแล้วก็ทุเรศตัวเองเพราะบางคนเขาไม่มี และพูดแบบนี้ไม่ใช่ตัวเองดูดี  มันมีความขัดแย้งในตัวเอง

“นิสัยส่วนตัวของผมเวลาไปทานข้าวที่ไหนไม่ชอบคำว่าโต๊ะวีไอพี ไม่ชอบแบ่งอาหารสำรับไม่ชอบแบ่งไวน์สองเกรด ผมไม่ชอบ จึงมีความไม่สบายใจเวลาลงพื้นที่ที่พรรคเพื่อไทยหรือทำเนียบฯ เวลาไปไหนก็ยังมีอยู่ และจะบอกทีมงานเสมอว่าผมกินข้าวสำหรับเดียวกับนักข่าวและเจ้าหน้าที่ทุกคน ถ้าให้ผมกินพิเศษผมไม่เอา เรื่องของความเหลื่อมล้ำเป็นเรื่องที่พยายามผลักดันมาโดยตลอด แต่ยังไม่สำเร็จ เป็นเป็นสารตั้งต้นที่ทำให้อยากเข้ามาการเมืองตรงนี้”

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องการศึกษาก็เป็นอีกเรื่องซึ่งในวงต่างๆที่ไปพูดคุยบางคนก็ด้อยค่า ในการศึกษาแต่เชื่อว่าทุกคนเริ่มได้ไม่จำเป็นจะต้องเป็นโรงเรียนสาธิต อัสสัมชัญหรืออินเตอร์เนชั่นแนล หลายคนบอกตลอดว่าการศึกษาไทยห่วย หลักสูตรไม่ดี ครูไทยสอนไม่ได้เรื่อง ตนเองก็พูดเรื่องนี้ตลอดเวลาในวงเหล้าก็มีการพูดคุยกันตลอดเวลา แต่ไม่มีใครลุกขึ้นมาทำ ลูกผมก็ไปเรียนเมืองนอกจบการศึกษาที่ดี ค่าเล่าเรียนปีละหลายล้านบาท หลายคนก็คงรู้สึกเช่นนั้นเพราะพวกท่านมีช้อยส์และมี option ตลอดเวลาแต่มีคนอีกกว่าล้านคนที่หลุดออกจากวงการการศึกษาหลังจากโควิด เพราะพ่อแม่ถูกไล่ออกและไม่สามารถที่จะให้ลูกไปเรียนได้

“ผมคิดตลอดเวลาว่าทำอย่างไรจะให้คนเหล่านี้กลับเข้าสู่วงการการศึกษาได้ ผมอยูาในภาคเอกชนก็บริจาคเงิน 100 ล้านบาทปีให้กับจังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดที่ไซส์เล็กและ บริษัทแสนสิริ ไม่มีโครงการและไม่ได้เป็นจังหวัดพรรคเพื่อไทยมี สส.เพราะเดี๋ยวจะหาว่าทำเพื่อซื้อเสียง เพื่อให้ไปทำงานว่าจังหวัดราชบุรีจะไม่มีเด็กแม้แต่หนึ่งคนหลุดออกนอกระบบการศึกษา ขอให้จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน  และต้องการให้บริษัทใหญ่ใหญ่ได้มีส่วนสนับสนุนในระบบการศึกษา

เมื่อถามว่า มีแนวทางในการพัฒนาหรือยกระดับเรื่องการศึกษาอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า เราต้องพัฒนาเริ่มตั้งแต่เอาเด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษาเข้ามาก่อน ประเทศไทยถือว่าโชคดีว่าเรามีโรงเรียนเยอะ แต่ถ้าใช้คำว่าควิกวินตนว่าหลักสูตรหลายอย่างไม่ได้สอนให้คนจบออกมาตรงกับงานที่มีความต้องการของตลาด ตนเชื่อว่าทุกทราบและบังเอิญเป็นความซวยของประเทศด้วย ทักษะอังกฤษถือว่าต่ำมาก และจบอะไรมาก็มีงานหมด แต่เป็นงานของอนาคตหรือเปล่า ตนคิดว่าต้องปรับที่หลักสูตรด้วย อย่างในอเมริกาการศึกษาแข็งแกร่งมากและมีคนรวยบริจาคเพื่อการศึกษาแต่ประเทศไทยมีหรือไม่ ทั้งนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลนี้เมื่อสร้างบารมีได้เมื่อเริ่มตั้งไข่ได้ ก็อยากเดินสายคุยกับภาคธุรกิจ ซึ่งเงินด้านการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรมีน้อยมากอย่างไรเสียต้องพึ่งเอกชน การศึกษาเท่านั้นที่จะยกระดับสถานะขึ้นมาได้จากความเหลื่อมล้ำ เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่ตนจะลดในสังคมและจะพยายาม 

เมื่อถามว่า กลยุทธ์ในการดึดดูดนักลงทุนต่างชาติ สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศระยะยาวอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ที่จริงกล่าวไปแล้วบ้างบริบทของประเทศไทยคืออะไร คือความเป็นกลาง คือเราไม่ได้ฝักใฝ่จีนหรือสหรัฐฯ เหตุผลที่บริษัทใหญ่ๆ ในสหรัฐฯมาลงทุนในไทย เขาหนีจากจีนมาเยอะ เป็นจุดแข็งซึ่งไม่เป็นเรื่องบังเอิญ เป็นเรื่องที่ประเทศไทยดำเนินนโยบายการทูตมาตลอด รัฐบาลนี้ไม่สามารถเคลมเครดิตได้คนเดียว รัฐบาลที่ผ่านมาก็ดำเนินการทางการทางการทูตมาโดยตลอด ทำให้คนจะมาลงทุนในไทยรู้สึกปลอดภัย ส่วนหน่วยงานของรัฐเราก็แข็งแกร่ง บีโอไอก็สามารถออกไปเชื้อเชิญ ให้การสนับสนุนมาตรการทางภาษีที่เหมาะสม เรื่องสภาพความเป็นอยู่ของประเทศ มีโรงเรียนอินเตอร์หลายแห่ง โรงพยาบาลที่มีมาตรฐาน เรื่องพลังงานสีเขียวก็เป็นเรื่องสำคัญ ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต ถนน ท่าเรือน้ำลึก เมกะโปรเจกต์ เหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่เราเป็นต่อ

"รวมถึงความสงบในประเทศ ต้องใช้คำว่าสงบ ถึงแม้เราอยู่ที่นี้เราอาจจะบอกมีความไม่สงบบางช่วง  แต่เมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศแล้ว เชื่อว่าเรายังมีความเป็นต่ออยู่ อย่างที่ผมบอกการเป็นเซลล์แมนถ้าถามผม เป็นเรื่องที่ง่าย เพราะของที่ผมเอาไปขายเป็นของดี เพียงแต่ว่าไม่มีการเอาออกไปขายเท่านั้นเอง ถ้าออกไปขายหน่อย ทำงานหนักหน่อยประสานงานทุกภาคส่วนให้ให้ดีหน่อย ผมเชื่อว่าการลงทุนในประเทศไทยจะสูงขึ้นและเราจะเห็นผลภายใน 5-7 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน" นายกฯกล่าว

นายกฯกล่าวว่า เพื่อเป็นข้อมูล วันแรกที่โรงงานรถยนต์อีวีตอกเสาเข็ม กับวันที่รถออกได้ สามารถทำได้ 11 เดือน แต่ว่าเหนือสิ่งอื่นใดไม่อยากให้ประกอบรถไฟฟ้าอย่างเดียว เพราะใช้แรงงานอย่างเดียว ถ้าเอาส่วนประกอบอื่นๆมาได้ จะเป็นประโยชน์กับไทย เพราะฉะนั้นการเชื้อเชิญนักลงทุนมีมากมาย

เมื่อถามว่า นิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดอื่นๆ สามารถทำแบบเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซีได้หรือไม่ ถ้ามีการลงทุนทำนิคมอุตสาหกรรมไว้เรียบร้อยแล้ว นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเมืองรองค่อนข้างเยอะ ซึ่งจากที่ตนเดินทางไปตรวจราชการที่จังหวัดสระแก้วก็มีความพร้อม ทั้งพื้นที่ที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน และท่าเรือน้ำลึก และพื้นที่จังหวัดที่ใกล้กับจ.ฉะเชิงเทรา ระยองและชลบุรี ที่มีความหนาแน่นของโรงงานจำนวนมากทั้งนี้เมื่อผู้ประกอบการทราบว่า จะมีการย้ายฐานผลิตเข้ามาในประเทศไทยราคาก็เริ่มไม่เหมาะสม ตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่ตนได้พิจารณา และได้ให้นโยบายกับอีอีซีและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอว่า จะมีการพิจารณาเรื่องเหล่านี้ให้เยอะขึ้น รวมถึงจังหวัดหนองคายที่กำลังจะคิดในเรื่องนี้เหมือนกัน หลายคนอาจจะไม่เข้าใจถึงความลำบากในการส่งสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศจีนไปยังประเทศลาว เพราะเวลาจะส่งของไปทุกคนพูดแต่เรื่องรถไฟความเร็วสูง จากภาคโน้นภาคนี้ไปถึงจังหวัด หนองคาย เพื่อส่งต่อไปลาว ไปจีน ไปเวียดนามก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่บางทีพอสินค้าไปถึงชายแดน กว่าจะสินค้าออกไปได้ก็เป็นไทยสไตล์จะต้องผ่านกี่โต๊ะ ทำให้สินค้าหลายอย่างล่าช้า

นายกฯ กล่าวว่า รวมถึงการคำนึงถึงใจเขาใจเรา อย่างการทำนิคมอุตสาหกรรมระหว่างชายแดนไทย-มาเลเซียก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ซี่งเขายอมรับว่าปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นปัญหาทางด้านเศรษฐศาสตร์ เป็นปัญหาทางด้านชีวิตความเป็นอยู่ ถ้าเราให้มีความเจริญ ให้ทุกคนมีเงินในกระเป๋า เรื่องของความรุนแรงก็จะลดลง 

ทั้งนี้นายกฯ ทาเลเซียยอมรับตรงว่า ประเทศไทยเราเก่งกว่าในแง่ของความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งนายกฯ มาเลเซียก็ระบุว่า พร้อมที่จะลงทุนด้วย โดยประเทศมาเลเซียมีจุดแข็งในเรื่องของอาหารฮาลาล ซึ่งประเทศไทยเองก็สนับสนุนตรงนี้ ตนเชื่อว่ายังไม่ต้องเปลี่ยนแปลงเขตเศรษฐกิจ แค่แก้เรื่องวันสต๊อปเซอร์วิส ซิงเกิ้ลวินโดว์ให้ส่งสินค้าออกไปได้ง่ายขึ้น เราทำได้แน่นอนและจะไม่หยุดแค่นั้น 

เมื่อถามว่า มีความคิดเห็นและนโยบายวิสัยทัศน์อย่างกับการพัฒนาประเทศ ในเรื่องเทคโนโลยีหรืออินโนเวชั่น เพราะต้องใช้ระยะเวลาและการลงทุน นายกฯ กล่าวว่า เมื่อตนไปเจรจากับนักลงทุน ไม่ใช่แค่เพียงให้เขามาลงทุนเท่าไหร่ จะมีการจ้างงานคนเท่าไหร่ แต่เป็นเรื่องของการที่เมื่อนำคนเข้ามา จะมีการตั้งศูนย์ฝึกอบรม ซึ่งหากสเกลของเขาไม่ใหญ่พอ เขาก็จะไม่ทำ แต่หากสเกลเขาใหญ่พอ แต่ประเทศเราไม่ใหญ่พอที่จะให้เค้ามาลงทุน มันก็ไม่ได้ ตนขอเปรียบเทียบอินเดีย อินโดนีเซีย เวียดนาม จีน รัสเซีย ซึ่งประเทศเราเล็กมาก ฉะนั้นสินค้าที่เข้ามาผลิตในประเทศเรา ไม่เพียงพอที่จะให้เขามาตั้งโรงงานขนาดใหญ่ 

นายกฯ กล่าวว่า เป็นที่มาที่ไปที่ตนจะต้องทำแลนด์บริดจ์ เพราะตนอยากให้ไทยเป็นศูนย์กลางผลิตที่สำคัญที่จะส่งสินค้าไปขายในอินเดียในแอฟริกา โดยไม่ต้องผ่านช่องแคบกับมะละกา 60% ของการขนส่งน้ำมันทั่วโลก จะต้องผ่านช่องแคบมะละกา ซึ่งปัจจุบันพบว่า ช่องแคบมะละกามีความหนาแน่นสูงมาก ฉะนั้นหากเราทำแลนด์บริดจ์ได้ จะทำให้ประเทศไทยเป็นฮับการผลิต ก็จะสามารถดึงดูดให้เขามาลงทุนได้ ตรงนี้เป็นเรื่องที่ยาก และเป็นเรื่องที่ไม่อยากจะเคลมว่าจะสำเร็จหรือไม่ แต่เป็นเรื่องที่ว่าเราต้องทำให้ประเทศไทยใหญ่พอที่จะสร้างโรงงานผลิตและส่งออกได้ ตนเชื่อว่าแลนด์บริดจ์ จะเป็นคำตอบสำคัญ เราเชื่อว่าเรามีพลังงานสะอาดที่เพียงพอ มีบุคลากรที่มีความสามารถ และมีความเป็นกลางของจุดยืนทางการทูต เพื่อทำให้หลายประเทศมาลงทุนในประเทศไทย