วันที่ 7 ธ.ค.66 เมื่อเวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ที่มีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นประธานกมธ. ซึ่งมีวาระพิจารณาติดตามแนวทางในการกำกับดูแลและขับเคลื่อนการรปฏิรูปตำรวจให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 โดยเชิญนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ทั้งนี้นายกฯ ได้ส่งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ ชี้แจงแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กมธ. ได้ซักถามถึงประเด็นที่นายเศรษฐาพูดกับที่ประชุม สส.เพื่อไทย เมื่อ 21 พ.ย. ที่ระบุว่าที่ประชุมนี้อาจจะมีคนสมหวังและไม่สมหวัง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าระบบตั๋วยังคงมีอยู่ และแปลได้ว่าหมายถึง สส. ทั้งนี้เมื่อผลการแต่งตั้งโยกย้ายที่เกิดขึ้นพบว่ามีบุคคลใกล้ชิดของผู้หญิงคนหนึ่ง และมีฐานะเป็นหลาน ได้พบความมสมหวัง ดังนั้นควรระบุให้ชัดเจนว่ามีหลักเกณฑ์วัดความสามารถอย่างไร เหนือกว่าบุคคลอื่นหรือไม่
โดยนายรังสิมันต์ ซักถามด้วยว่า นายกฯ ได้ให้ข้อมูลที่แจ้งมาด้วยหรือไม่ ต่อกรณีที่พูดกับที่ประชุมสส.พรรคเพื่อไทยและทำให้สังคมเข้าใจว่ามีตั๋วผู้กำกับ
นายสมศักดิ์ ชี้แจงว่านายกฯ ไม่ได้บอกรายละเอียดให้ชี้แจงไปในทิศทางใด ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่มีตั๋วแต่งตั้ง เพราะถูกกำกับโดยกฎหมาย แต่หากมีระบบตั๋วเกิดขึ้น ตามกฎหมายจะมีกลไกคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ตามกฎหมายตำรวจ ทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ส่วนความถูกใจหรือไม่เป็นเรื่องของคนหมู่มาก ทั้งนี้คำพูดที่นายกฯ พูดนั้น เป็นการตีความกันไปกันมา แต่เจตนาของนายกฯ ตามที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนไม่เป็นเช่นนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุม กมธ.ตอนหนึ่ง นายรังสิมันต์ ได้ถามย้ำถึงความสมหวังหรือไม่สมหวังตามคำพูดที่นายกฯ พูดในที่ประชุมสส. โดยระบุว่า “ท่านสมศักดิ์ สมหวังหรือไม่” ทำให้นายสมศักดิ์ กล่าวว่า “คำว่าสมหวัง หรือไม่สมหวัง ผมมองว่าสส. ส่วนใหญ่อยากแก้ปัญหายาเสพติด และอยากได้คนดี คนที่ไม่รับเงินใต้โต๊ะไปแก้ปัญหาในพื้นที่ หากได้คนดีเท่ากับว่าเป็นความสมหวัง ไม่ใช่ว่าเป็นคนที่ได้ตั๋ว”