รมช.คมนาคม ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุรถทัวร์ชนต้นไม้มีผู้เสียชีวิตหลายรายที่ จ.ประจวบฯ พร้อมกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบเหตุ

6 ธ.ค.66 นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายสรพงศ์  ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก  ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เดินทางลงพื้นที่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตรวจสอบจุดเกิดเหตุรถทัวร์โดยสารสายกรุงเทพ-นาทวี  ชนต้นไม้ริม ถ.เพชรเกษม ขาล่องใต้ หลักกิโลเมตรที่ 331+450 หมู่ที่ 7 ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก ใกล้ทางเข้าอุทยานแห่งชาติหาดวนกร เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.ของวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา  ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

โดยได้รับฟังรายงานการวิเคราะห์สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ พบว่าสภาพเส้นทางบริเวณดังกล่าวเป็นทางตรง ผิวการจราจรดี เบื้องต้นยังไม่แน่ชัดว่าพนักงานขับรถมีอาการหลับในหรือไม่ซึ่งจะต้องสืบสวนหาสาเหตุที่แน่ชัด ขณะนี้ได้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ รพ.ทับสะแก เพื่อประสานให้ความช่วยเหลือครอบครัวและญาติของผู้ประสบเหตุ โดยร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 14 คน ญาติได้ขอรับกลับไปบำเพ็ญกุศลแล้ว 11 คน และวันนี้ญาติติดต่อขอรับร่างกลับอีก 3 คน ส่วนผู้บาดเจ็บที่อยู่ระหว่างการรักษาที่ รพ.ทับสะแก มีจำนวน 5 คน และที่ รพ.ประจวบคีรีขันธ์ 16 คน ในจำนวนผู้บาดเจ็บทั้งหมดนี้มีผู้ที่อาการสาหัส 6 คน

ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เข้าเยี่ยมอาการผู้บาดเจ็บที่พักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ทับสะแก และ รพ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมติดตามแนวทางการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบเหตุ โดยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการช่วยเหลือครอบครัวและญาติของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างเต็มที่โดยเร็วตามสิทธิทางกฎหมาย

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อเป็นตัวแทนของรัฐบาลในการให้กำลังใจผู้ประสบเหตุ ซึ่งต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทุกคน ทั้งนี้ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอุบัติเหตุ โดยจะวิเคราะห์หลายมิติ ตั้งหลายสมมุติฐานว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร เป็นที่รถ ถนน หรือควรจะมีสัญญาณเตือนตรงจุดที่มีต้นไม้ใหญ่หรือไม่โดยจะนำเหตุการณ์นี้เป็นกรณีศึกษาเพื่อวางแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่กำลังจะถึงนี้ ทั้งเทศกาลปีใหม่  เทศกาลสงกรานต์  อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้รับรายงานจากกรมการขนส่งทางบก ทราบว่ารถคันที่เกิดเหตุผ่านการตรวจสอบสภาพตามที่กำหนด และขณะเกิดเหตุตรวจสอบจากระบบ GPS พบว่าใช้ความเร็ว 88 กม.ต่อ ชม. ซึ่งไม่เกิน 90 กม.ต่อ ชม.ตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนกรณีที่ผู้สื่อข่าวถามว่าควรจะต้องเพิ่มจำนวนพนักงานขับรถมากกว่า 2 คนเพื่อผลัดเปลี่ยนกันขับหรือไม่นั้น เรื่องนี้จะต้องมีการพิจารณาด้วย 

ทั้งนี้ มีรายงานว่า แนวทางการดูแลผู้ประสบเหตุ บริษัทศรีสยามเดินรถ จำกัด จะเป็นผู้รับผิดชอบส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับภูมิลำเนา และมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 5,000 บาท นอกจากนี้ จะมีเงินค่าชดเชยตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ กรณีเสียชีวิต ได้รับรายละ 500,000 บาท กรณีบาดเจ็บ จ่ายตามจริง ไม่เกินรายละ 80,000 บาท ส่วนเกินจาก พ.ร.บ.ภาคบังคับ เบิกค่ารักษาจากประกันอุบัติเหตุ ไม่เกินรายละ 100,000 บาท  หากญาติผู้ประสบเหตุต้องการความช่วยเหลือด้านที่พักสามารถติดต่อได้ที่หมายเลข 084-875-4170 หรือ  089-178-0031