สลด! รถทัวร์โดยสารกรุงเทพฯ-นาทวี ตกถนนพุ่งชนต้นไม้ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตคาที่ 14 ศพ บาดเจ็บ 32 ราย คาดคนขับหลับใน สุรพงษ์สั่งเร่งสอบอุบัติเหตุ ลั่นเอาผิดหากพบฝ่าฝืนกฎหมาย พร้อมเร่งเยียวยาผู้เสียหาย ด้าน บขส.เผยเอกชนมีประกันเสียชีวิตจ่าย 1.1 ล้านบาทต่อคน
เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.55 เวลา 01.00 น. ร.ต.ท อานนท์ โตตั้ง รองสารวัตรสอบสวน สภ.ห้วยยาง รับแจ้งเกิดเหตุรถทัวร์โดยสารตกถนนพลิกคว่ำชนต้นไม้ ที่บริเวณถนนเพชรเกษม ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 331 -332 หมู่ที่ 7 ต.ห้วงยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขาล่องใต้ ใกล้ทางเข้าอุทยานแห่งชาติหาดวนกร จึงรายงานผู้บังคับบัญชา พร้อมประสานฝ่ายปกครอง หน่วยกู้ชีพ รพ.ทับสะแก รพ.ประจวบฯ หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างรุ่งเรืองธรรมสถาน และสว่างประจวบธรรมสถาน เดินทางไปยังที่เกิดเหตุพบรถทัวร์ของบริษัทศรีสยามเดินรถ จำกัด หมายเลขทะเบียน กทม.หมายเลขข้างรถ 9914-1 ม 4 ข กรุงเทพ-นาทวี สภาพพังเสียหาย ตัวรถแยกออกเป็น 2 ซีกคาต้นไม้ริมถนนเพชร โดยมีผู้โดยสารร้องขอความช่วยเหลือกันจ้าละหวั่นเจ้าหน้าที่จึงเร่งช่วยนำคนบาดเจ็บออกมาจากรถ นำส่งโรงพยาบาลทับสะแกและโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์รวมจำนวนผู้บาดเจ็บ ทั้งหมด 32 คน นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิตรวม 14 ศพ
สอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า รถทัวร์คันดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่บนรถ 3 ราย รับผู้โดยสารจำนวน 46 คน จากสถานีขนส่งสายใต้มุ่งหน้า อ.นาทวี จ.สงขลา ก่อนพักรับประทานอาหารที่ร้านสุภาพชนสามร้อยยอด จากนั้นได้เดินทางต่อถึงหน้าทางเข้าอุทยานแห่งชาติหาดวนากร กระทั่งรถเกิดอุบัติเหตุตกถนนชนอัดติดกับต้นไม้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ส่วนสาเหตุคาดคนขับหลับใน
น.ส.ระพิพรรณ วรรณพินทุ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารการเดินรถ รักษาการแทน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทขนส่ง จำกัด หรือบขส. เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเรื่องประกันภัย พบรถคันดังกล่าวได้ทำประกันภัยภาคบังคับและภาคสมัครใจกับ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด โดยความคุ้มครองเบื้องต้นกรณีเสียชีวิต 1,100,000 บาท/คน กรณีได้รับความเสียหายต่อร่างกายและอนามัย ตาม พ.ร.บ.จะได้รับความคุ้มครอง 80,000 บาท/คน โดยขณะนี้ ได้มอบหมายให้สถานีเดินรถประจวบคีรีขันธ์ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเข้าเยี่ยมผู้โดยสาร ที่ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำให้พนักงาน บขส. และผู้ประกอบการรถร่วม เตรียมพร้อมก่อนให้บริการ โดยให้ตรวจเช็คสภาพความพร้อมของคน และรถโดยสารให้พร้อมก่อนการเดินทางทุกครั้ง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) รายงานถึงกรณีรถทัวร์โดยสารตกถนนชนต้นไม้ บริเวณถนนเพชรเกษม หลักกิโลเมตรที่ 331-332 หมู่ที่ 7 ต.ห้วงยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขาล่องใต้ ใกล้ทางเข้าอุทยานแห่งชาติหาดวนกร โดยได้ตรวจแล้วพบว่าเป็นรถโดยสารประจำทาง สาย 9914 กทม.-นาทวี รถหมายเลขทะเบียน 14-3301 กรุงเทพมหานคร มาตรฐานรถ ม.4ข (รถโดยสารปรับอากาศ 2 ชั้น) บริษัท ศรีสยามเดินรถ จำกัด (รถร่วม) มีผู้บาดเจ็บ 32 คน เสียชีวิต 14 คน
กรมการขนส่งทางบก โดยสำนักงานขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยพบว่า พนักงานขับรถคันเกิดเหตุ ชื่อ นายสมศักดิ์ มากเอียด อายุ 38 ปี ใบอนุญาตขับรถ มีใบอนุญาตขับรถทุกประเภทชนิดที่ 2 ใบอนุญาตเลขที่ สข00339/63 (สิ้นอายุวันที่ 5 สิงหาคม 2569) โดยมีบทลงโทษข้อหาความผิดและบทลงโทษผู้ประกอบการขนส่ง ดังนี้ผิดฐานยินยอมให้พนักงานขับรถปฏิบัติหน้าที่หย่อนความสามารถในการขับรถ มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท ส่วน พนักงานขับรถ ผิดฐานขับรถประมาท มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท , เกิดการขับขี่โดยประมาท ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและร่างกายผู้อื่น มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000 - 20,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ
นอกจากนั้น กรมการขนส่งทางบกได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประสบเหตุที่โรงพยาบาล และจัดตั้งศูนย์การช่วยเหลือที่ โรงพยาบาลทับสะแก และ โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งสำนักงานขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าประจำศูนย์ช่วยเหลือฯผู้ประสบอุบัติเหตุ พร้อมทั้งได้ตรวจสอบการคุ้มครองของประกันภัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุดังกล่าว ดังนี้ 1.ประกันภาคบังคับ (พ.ร.บ.)เสียชีวิตรายละ 500,000 บาท บาดเจ็บ ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินรายละ 80,000 บาท
2.ประกันภาคสมัครใจ (ประกันชั้น 3) ทุนประกันไม่เกิน 10,000,000 (รวมบาดเจ็บและเสียชีวิต) กรณีบาดเจ็บ ถ้าค่ารักษาเกินกว่าที่ พรบ.คุ้มครอง (เกิน 80,000) ประกันชั้น 3 จ่ายให้อีก ไม่เกินรายละ 100,000 บาท กรณีเสียชีวิต ค่าคุ้มครองเบื้องต้น รายละ 100,000 บาท ที่เหลือจะได้รับจากการเฉลี่ยจ่ายจากทุนประกัน 10,000,000 (หลังจากหักค่ารักษาและค่าคุ้มครองเบื้องต้น)
ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ ได้กำชับให้กรมการขนส่งทางบกในฐานะหน่วยงานที่กำกับ ดูแล คุมเข้มรถโดยสารสาธารณะในช่วงเทศกาลปีใหม่ให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยและกฎหมายอย่างเคร่งครัด ต่อไป