จะอาชีพไหน ๆ แม้แต่นักการเมืองท้องถิ่นอย่างอดีตนายกองค์การส่วนตำบล อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล ได้ผันตัวเป็นเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และ สิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน หรือ ทสม. และเป็นเกษตรกรในช่วงบั้นปลายชีวิต เพื่อสร้างคลังอาหารในครอบครัว พร้อมกับเสริมรายได้สร้างความสุขกับครอบครัวที่ได้อยู่กับธรรมชาติ ด้วยการเลี้ยงปูหน้าขาว สัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ด้วยวิธบห่วงโซ่อาหาร
นายสมยศ ฤทธิ์ธรรมนารถ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล และสมาชิก ทสม. หลังพักเรื่องการเมืองได้หันหน้าทำเกษตรอยู่บ้าน ด้วยการปรับเปลี่ยนพื้นที่บ่อกุ้งร้าง บนพื้นที่ 3 ไร่ เป็นบ่อเลี้ยงปูและปลา โดยเฉพาะการเลี้ยงปูหน้าขาวสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ ที่เชื่อว่า จะเป็นที่ต้องการของตลาดด้วยคุณสมบัติเลี้ยงง่าย โตไว เปลือกไม่แข็งหนา เนื้อแน่นทานอร่อยกว่าปูดำ
สำหรับการเลี้ยงปูหน้าขาวได้ นายวรุตม์ หลงสะ ประธานกลุ่มผู้เลี้ยงปูหน้าขาวจังหวัดตรัง มาเป็นพี่เลี้ยงและเครือข่าย จากคุณสมบัติของปูหน้าขาวที่เลี้ยงง่ายโตเร็วเพียง 3 เดือน สามารถทำน้ำหนักได้ถึงครึ่งกิโลกรัม ซึ่งเป็นขนาดกำลังดีเนื้อหวาน ปอกง่ายกว่าปูดำ นับเป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ในฝั่งอันดามัน โดยราคาปูหน้าขาวไข่กิโลกรัมละ 800 บาท ขณะที่ปูดำกิโลกรัมละ 350 บาท อีกทั้งปูหน้าขาวกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดจีนและมาเลเซียเพื่อนบ้าน ร้านอาหารในประเทศก็รับจำนวนมาก เหมาะกับการเลี้ยงในบ่อกุ้งร้าง
นายสมยศ ฤทธิ์ธรรมนารถ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล และสมาชิก ทสม. ในตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า มีบ่อกุ้งร้างจำนวนมากจึงเห็นว่าหากมาปรับเปลี่ยนเป็นบ่อเลี้ยงปูและปลา ซึ่งภายในบ่อจะทำเป็น (โรงแรมปลา ศาลาปู) และเลี้ยงแบบห่วงโซ่อาหารเริ่มตั้งแต่ใช้มูลแพะ มูลวัว ใส่ในผักที่ปลูกรอบบ่ออย่าง ผักบุ้งเม็กซิโก หรือที่รู้จักคือผักผงชูรส เมื่อเติบโตเต็มที่ ผักเหล่านี้จะเป็นอาหารของปลาภายในบ่อ และปลาเองก็จะเป็นอาหารของปูได้อีกทอดหนึ่ง เป็นการลดต้นทุนให้ธรรมชาติเชื่อมร้อย
การเลี้ยงปูหน้าขาว จะเลี้ยงตามธรรมชาติเกินไปไม่ได้ เพราะต้องดูค่า PH ของน้ำด้วย สำหรับอาหารปูหน้าขาวใช้เนื้อ ปลา 5 กก/1000 ตัว สำหรับผู้ที่สนใจจะใช้บ่อกุ้งร้างปรับมาเป็นบ่อเลี้ยงปู สามารถติดต่อสอบถามและปรึกษาการเลี้ยงผ่านนายวรุตม์ หลงสะ ประธานกลุ่มผู้เลี้ยงปูหน้าขาวจังหวัดตรัง