คืบหน้าช่วยวาฬเบลน์วิลล์ เจ้าหน้าที่ช่วยกันเคลื่อนย้ายไปยังบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ อ.เมือง จ.สงขลา เพื่อดูแลรักษาต่อได้สำเร็จ เนื่องจากสภาพพื้นที่และน้ำตรงจุดเดิมไม่เหมาะสม แม้จะทุลักทุเล และต้องใช้คนจำนวนมากช่วยกันหามวาฬตัวนี้ที่มีน้ำหนักตัวราวครึ่งตันก็ตาม คาดอาจต้องใช้เวลาในการรักษาและสังเกตอาการอีกหลายวันก่อนปล่อยกลับคืนสู่ทะเล

    ความคืบหน้ากรณีวาฬเบลน์วิลล์ (Blainville’s beaked Whale) ซึ่งเป็นวาฬน้ำลึกหายาก เพศเมีย ยาว 4 เมตร หนักกว่า 500 กิโลกรัม ถูกคลื่นซัดมาเกยหาดปากบาง-สะกอม ม.1 ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 2 ธ.ค. ที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถผลักดันกลับสู่ทะเลได้ เนื่องจากวาฬตัวนี้บาดเจ็บ และสภาพร่างกายอ่อนเพลีย ซึ่งทางชาวบ้าน รวมทั้งเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาปะช้าง-แหลมขาม สัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง ได้เข้ามาช่วยเหลือเอาไว้นั้น

    ล่าสุดวันนี้ 5 ธ.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาปะช้าง-แหลมขาม พร้อมด้วยสัตวแพทย์ เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสัตว์น้ำ ( NICA ) รวมทั้งองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และชาวบ้านรวมหลายสิบคน ได้ร่วมแรงกันเคลื่อนย้ายวาฬเบลน์วิลล์ตัวนี้ไปดูแลรักษาอาการต่อ เนื่องจากสภาพพื้นที่ และน้ำ ไม่เหมาะสม

    โดยทางสัตวแพทย์ได้ทำการให้ยาซึม เพื่อลดความเครียดของตัวสัตว์ ก่อนที่จะทำการขนย้าย ซึ่งต้องใช้คนหลายคนในการประคองวาฬเบลน์วิลล์ขึ้นมาจากน้ำ เพื่อนำไปขึ้นรถหกล้อที่มีการปูผ้าใบ และมีเบาะยางรอง พร้อมกับให้น้ำไม่ให้ผิวหนังของวาฬแห้ง โดยใช้เวลาเคลื่อนย้ายราว 1 ชั่วโมง ไปยังอาคารปฏิบัติการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 3 ภายในศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสัตว์น้ำชายฝั่ง ต.เขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 50 กิโลเมตร

    ก่อนที่จะช่วยกันหามวาฬเบลน์วิลล์ตัวนี้ลงมากับเปลผ้าใบ ซึ่งค่อนข้างทุลักทะเลอยู่พอสมควร และต้องใช้คนจำนวนมากหลายสิบคน เนื่องจากเป็นวาฬตัวใหญ่ และยาวกว่า 4 เมตร และมีน้ำหนักมากราว 500 กิโลกรัม หรือครึ่งตัน แต่สุดท้ายความพยายามก็เป็นผลสำเร็จ และสามารถนำวาฬตัวนี้ลงไปในบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เพื่อให้การดูแลรักษาต่อไปได้

    ซึ่งเบื้องต้นคาดว่า อาจจะต้องใช้เวลารักษา รวมทั้งสังเกตอาการอีกหลายวัน เพื่อให้แน่ใจว่า วาฬจะปลอดภัย หากปล่อยกลับคืนสู่ทะเล

   ทั้งนี้วาฬเบลน์วิลล์ ที่ประเทศษไทยมีรายงานว่า พบเพียงครั้งเดียวที่ภูเก็ต เมื่อ 12 ปีก่อน ซึ่งถูกคลื่นซัดมาเกยตื้นเช่นเดียวกัน และนับว่า เป็นวาฬหายากมากอีกชนิดหนึ่ง เนื่องจากอาศัยอยู่ในทะเลเปิดในหลายพื้นที่ และอยู่ในเขตน้ำลึกระดับ 200-1,000 เมตร และชอบอยู่กันเป็นฝูง แต่ละฝูงจะมีตัวผู้ตัวเดียว แต่มีตัวเมียหลายตัว โดยตัวที่โตเต็มวัยอาจจะมีขนาดใหญ่เกือบ 5 เมตร และมีน้ำตัวประมาณ 1 ตัน และการพบวาฬเบลน์วิลล์ในครั้งนี้คาดว่า น่าจะมีประโยชน์ต่อองค์ความรู้มากขึ้นด้วย