มหาดไทย กําชับ ผวจ. ลุยกวาดล้างหนี้เทียม-แก๊งหัวปิงปอง สางปัญหาหนี้นอกระบบ ลั่นต้องยึดทรัพย์ถึงจะจัดการได้ ด้านปลัด มท.เผยมีผู้ลงทะเบียนแก้ปัญหาหนี้นอกระบบแล้วกว่า 3.7 หมื่นราย มูลหนี้กว่า 1,528 ล้านบาท กทม.มากสุด

     ที่ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.66  นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมติดตามผลการดําเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลและภารกิจของกระทรวงมหาดไทย ว่า ได้มีการมอบนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งเรื่องนี้จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัด และสรรพากรจังหวัด ตนจึงได้ฝากไปแล้ว ซึ่งเรื่องหนี้นอกระบบที่มีการทารุณกรรมรุนแรงจะมาจากนายทุนที่ไม่ได้อยู่ในจังหวัด ส่วนในจังหวัดไม่มีการทำร้ายร่างกายกัน และเชื่อว่าทางผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้การฯ จังหวัดสามารถเคลียร์ได้ ในส่วนรายใหญ่ที่เรียกว่าหัวปิงปอง ตรงนี้การเมืองระดับชาติต้องลงมาช่วย เพราะเป็นเรื่องนี้สำคัญมาก 
       
ผมฝากผู้ว่าราชการจังหวัดไว้ว่าการแก้หนี้นอกระบบที่สำคัญคือ การแก้เรื่องหนี้เทียม ระหว่างผู้กู้กับผู้ให้กู้ร่วมกันหลอกเงินรัฐ เพราะเราเคยทำมาแล้วสมัยปี 2545-2546 ในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ในส่วนหนี้นอกระบบเราก็หวังพึ่งพ่อเมือง และต้องยึดทรัพย์ถึงจะจัดการได้ ไม่อย่างนั้นพวกนี้จะไม่สลาย ส่วนพวกหัวปิงปองในแต่ละจังหวัดเขาไม่ซัดทอด แต่ในประเทศคนในวงการเขารู้กันว่าเป็นใคร
     
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้ปัญหานี้ จะทำให้เข้าถึงตัวการเลยใช่หรือไม่ นายเกรียง กล่าวว่า แน่นอน เพราะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เอาจริงเอาจังเรื่องนี้มาก อย่างที่เห็นว่าปีนี้นายกฯ มาอีสาน น้ำไม่ท่วม ทั้งที่น้ำท่วมทุกปีมาตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งปีนี้ตอนที่นายกฯ มา ตนเป็นคนออกหน้างานจริง เป็นคนประสานให้อ่างเก็บน้ำไหนที่ล้นสั่งปล่อยหมด ปีนี้ภาคอีสานน้ำไม่ท่วมเพราะเราปล่อยน้ำทัน นายกฯ ลงพื้นที่จริง และเอาจริงเอาจัง เรื่องหนี้นอกระบบก็เช่นกัน เพราะนโยบายของรัฐบาลคือเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส ซึ่งหนี้นอกระบบเป็นรายจ่ายที่ไม่ควรจ่าย แต่ก็ต้องจ่าย
    
 นายอนุทิน  ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย เช่น การปราบปรามผู้มีอิทธิพล การแก้ไขปัญหาหนี้ นอกระบบว่า ได้เร่งดำเนินการให้เกิดความเป็นรูปธรรมสูงสูด อย่างเรื่องการควบคุมอาวุธปืน ได้ออกกฎเกณฑ์ต่างๆ มากมาย ทั้งห้ามนำเข้า ห้ามพก ต่างๆ  เพื่อลดจำนวนปืนในสังคม ลดโอกาสความสูญเสีย จากอาวุธชนิดนี้ ไปจนถึงสิ่งเทียมอาวุธปืน ก็อยู่ในข่ายที่กำลังจัดการ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยให้สังคม ส่วนในเรื่องปืนเถื่อน ได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปจัดการแล้ว
    
 นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการเข้าไปจัดการผู้มีอิทธิพล เราได้ทำบัญชีเอาไว้ ใครเข้าไปอยู่ในบัญชี จะถูกตรวจสอบความเคลื่อนไหวอย่างละเอียด จนถึงเส้นทางการเงินด้วย เพราะเรามีหน่วยงานอื่นๆ เข้ามาช่วยเหลือ หากพบการกระทำความผิด จะถูกดำเนินการตามกฎหมายทันที  เตือนหลายครั้งแล้วว่า อย่าริทำตัวเอง จนเข้าไป มีชื่ออยู่ในบัญชีดังกล่าว เพราะถ้าเข้าไปแล้ว ก็เหมือนถูกจำกัดอิสระ ทำอะไร ก็ลำบาก ถูกเพ่งเล็งตรวจสอบอยู่ตลอด และต่อให้ทำตัวดีขึ้น ก็ใช่ว่าจะออกจากบัญชีง่ายๆ เพราะตอนเข้าไป มีคณะกรรมการเลือกเข้าไป ตอนออกมาก็ต้องมีคณะกรรมการพิจารณาเช่นกัน
     
นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะที่ในส่วนของการจัดระเบียบสังคม เราส่งชุดปฏิบัติการของกรมการปกครอง สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ลงพื้นที่ อย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ปัญหายาเสพติด สถานบันเทิงละเมิดกฎหมาย เปิดเกินเวลา ปล่อยให้เยาวชนเข้าไปใช้บริการ เป็นต้น เดือนพฤศจิกายน ทีมปฏิบัติการพิเศษ ลงพื้นที่จับกุมผู้กระทำความผิดไปแล้ว กว่า 2.4 พันราย นี่คือตัวเลข ที่สะท้อนถึงการทำงานอย่างจริงจัง ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และขณะนี้ทางกระทรวงมหาดไทย ได้รับคำสั่งจากนายกฯ ให้เข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการแก้ไขปัญหาเรื่องเงินกู้นอกระบบด้วย ได้มีการเปิดให้ลงทะเบียนรับการแก้ไขในหลายช่องทาง เมื่อมีข้อมูลชัดเจน จะพิจารณาว่า จะแก้ไขด้วยรูปแบบไหน ให้ไกล่เกลี่ยหนี้ เอาหนี้เข้าระบบ หากใครทำผิด จะใช้กฎหมาย เข้าไปแก้ปัญหา นอกจากนั้น เรายังมีนโยบายเพื่อแก้ไขความทุกข์เฉพาะหน้าของประชาชน เช่น การเลื่อนระยะเวลาการตัดน้ำ ตัดไฟ การไม่เก็บค่าสอบ TCAS เป็นต้น
     
  อีกหนึ่งเรื่องที่มีความสำคัญมากๆ และเป็นภารกิจของกระทรวงมหาดไทย นอกจากการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข คือ การรณรงค์ปลูกฝังค่านิยมรักชาติ รักความเป็นไทย สร้างคนเก่ง คนดี คนมีคุณธรรม มีศีลธรรม ไปเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่าของชาติ  และผมพูดหลายครั้งแล้วว่า สังคม จะธำรงอยู่ได้ หากคนในชาติ รู้จักเคารพกัน ไม่เอาเปรียบเบียดเบียนกัน กลัวการทำผิด ละอายต่อบาป ซึ่งตรงนี้เราปลูกฝังกันได้ผ่านวิชาศีลธรรม จริยธรรม หน้าที่พลเมือง โดยเรามีการร่วมมือกับหลายกระทรวงฯ ก่อนหน้านี้ และจะมีการกำชับให้การเรียนการสอน ต้องเข้มข้นเรื่องวิชาประวัติศาสตร์ เพิ่มมากขึ้น ให้คนไทย เข้าใจในความเป็นคนไทย ภูมิใจในความเป็นชาติ ไปจนถึงให้เกิดความรัก และเคารพสถาบันหลักของชาติ  เนื่องจากชาติ จะเข้มแข็งได้ หากคนในชาติ มีความภาคภูมิในความเป็นชาติ นายอนุทิน กล่าว
    
 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยยอดสรุปจำนวนประชาชน ที่ลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ จนถึงวันที่ 2 ธ.ค.66 เวลา 16.00 น. ว่า มีผู้ลงทะเบียนรวมทั้งสิ้นจำนวน 37,579 ราย แบ่งเป็นการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ 36,338 ราย และการลงทะเบียน ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ 1,241 ราย รวมจำนวนเจ้าหนี้ 19,061 ราย มูลหนี้ 1,528.555 ล้านบาท โดยมีพื้นที่/จังหวัด 5 ลำดับแรก คือ 1.กรุงเทพมหานคร มีผู้ลงทะเบียน 2,496 ราย เจ้าหนี้ 1,493 ราย มูลหนี้ 131.889 ล้านบาท 2.จ.สงขลา มีผู้ลงทะเบียน 1,610 ราย เจ้าหนี้ 794 ราย มูลหนี้ 72.36 ล้านบาท 3.จ.นครศรีธรรมราช มีผู้ลงทะเบียน 1,489 ราย เจ้าหนี้ 826 ราย มูลหนี้ 49.758 ล้านบาท 4.จ.นครราชสีมา มีผู้ลงทะเบียน 1,441 ราย เจ้าหนี้ 638 ราย มูลหนี้ 61.876 ล้านบาท 5.จ.สมุทรปราการ มีผู้ลงทะเบียน 965 ราย เจ้าหนี้ 485 ราย มูลหนี้ 38.528 ล้านบาท
   
  ด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) กล่าวถึงมาตรการแก้หนี้ของรัฐบาลว่า พม.มีการทำงานหลายมิติไม่ว่าจะเป็นเงินสนับสนุนครอบครัวเด็กและเยาวชน เงินสนับสนุนผู้สูงอายุ และการพัฒนาศักยภาพคนพิการ และยังมีสถานธนานุเคราะห์ หรือโรงรับจำนำ ที่พร้อมจะงดดอกเบี้ย 5,000 บาทแรกให้ประชาชนสามารถตั้งตัวได้ง่ายขึ้น และยังมีอีกหลายมาตรการในการสนับสนุนสวัสดิการต่างๆ เข่น การซ่อมบ้าน การดูแลผู้สูงอายุ
    
 ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการแก้หนี้ไม่ต่างกับรูปแบบเดิมนั้น นายวราวุธ กล่าวว่า ขอให้รอดูผลงานก่อน ตอนนี้ยังทันใช้นโยบาย พม.ก็รับนโยบายรัฐบาลมา และจะเร่งทำงานให้ดีที่สุด และรอดูว่านโยบายที่รัฐบาลออกมานั้นจะช่วยลดภาระประชาชนได้อย่างไร ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการ จึงขอให้รอดูผลก่อน
   
  การประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 4 ธ.ค. ทางพม.จะเสนอศูนย์บริบาลผู้สูงอายุใน 20 จังหวัดภาคอีสาน รวมถึงของขวัญปีใหม่จาก พม.ด้วยโดยเบื้องต้นจะมีทั้งหมด 8 ด้าน ซึ่งจะเสนอเข้าครม.ด้วยเช่นกัน โดยจะเปิดเผยรายละเอียดให้ทราบก่อนประชุมครม.อีกครั้ง