เพื่อไทย ยันไม่ได้เตรียมองครักษ์พิทักษ์งบฯ 67 ขอดูรายละเอียดฝ่ายค้านตั้งป้อมถล่มอะไร แย้มเตรียมเสนอร่างกม.นิรโทษฯ ประกบก้าวไกล ลั่นหากเห็นตรงกันก็พร้อมหนุนร่าง ชี้สุดท้ายผลออกมาอย่างไร ทุกคนเคารพกติกาก็ยุติความขัดแย้งได้ "สุทิน"แจงเพื่อไทยไม่ออกตัว เหตุมีส่วนได้เสียร่างฯนิรโทษฯ เชื่ออยู่นิ่งสำเร็จมากกว่า
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 3 ธันวาคม 2566 ที่ จ.หนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง พร้อมคณะ ลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2566 จ.หนองบัวลำภู และติดตามการตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 (บึงกาฬ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และอุดรธานี)
จุดแรกติดตามการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กลไกการบำบัดฟื้นฟูผู้ใช้ยาเสพติดโดยชุมชนเป็นฐาน (Community Based Treatment : CBTx) ที่บ้านภูดินทอง หมู่ที่ 13 ต.กุดดินจี่ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู โดยตลอดเส้นทางก่อนถึงบริเวณจัดงาน มีการติดตั้งป้ายข้อความขนาดใหญ่ต้อนรับนายกฯลงพื้นที่ เป็นระยะ
ขณะที่ภายในบ้านกุดดินจี่ มีประชาชน อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) อาสาสมัครป้องกันสาธารณะภัยฝ่ายพลเรือน (อพปร.) ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย รอต้อนรับ และให้กำลังใจนายกฯ อย่างคึกคัก
ส่วนบริเวณใกล้เคียง ทางจังหวัดหนองบัวลำภูร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ตั้งบูธศูนย์ดำรงธรรมรับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนในพื้นที่ทั้งเรื่องของการแก้หนี้นอกระบบเริ่มความเดือดร้อนเรื่องของที่ดินทำกิน เป็นจำนวนมาก
นายสรวงศ์ เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีการเตรียมความพร้อมสำหรับการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วาระแรก วันที่ 3-4 ม.ค.67 ซึ่งฝ่ายค้านเตรียมชำแหละงบหลายกระทรวง ทางพรรคเพื่อไทยจะมีมาตรการรับมืออย่างไร ว่า ไม่ได้มีอะไรพิเศษ เพราะจริงๆ งบประมาณปี 2567 เราไม่ได้ทำ เป็นรัฐบาลที่ผ่านมาทำด้วยซ้ำ เราต้องไปดูในรายละเอียดอีกครั้ง เพราะตนก็ไม่แน่ใจว่ามีอะไรที่เขาตั้งป้อมไว้ แต่มั่นใจว่าทุกกระทรวง ทบวง กรม เน้นย้ำถึงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการทำการบ้านหรือติวเข้มอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ส.ส.ที่ประสงค์ที่จะเข้าไปเป็น กมธ.วิสามัญฯ เขาก็ต้องมีความชำนาญ มีความรู้เรื่องงบประมาณพอสมควรอยู่แล้ว ที่สำคัญคือรู้ปัญหาในพื้นที่ว่างบประมาณที่ลงไป เหมาะสมหรือทำประโยชน์ให้พื้นที่ได้มากน้อยแค่ไหน เมื่อถามว่า เบื้องต้นได้มีการพูดคุยกันถึงการตั้งขุนพลเป็นองครักษ์หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ไม่มี และกับทางพรรคร่วมรัฐบาลอื่นก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน
นายสรวงศ์ ยังได้กล่าวถึกรณีร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ทางพรรคเพื่อไทยจะมีการเสนอร่างด้วยหรือไม่ ว่า เราคุยกันเป็นการภายในว่าจะมีการเสนอร่างประกบร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ด้วยอยู่แล้ว แต่ของเราออกไปในรูปแบบของการเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ส่วนร่างพ.ร.บ.ของพรรค พท.จะเน้นในเรื่องใดนั้น เรายังไม่ได้ถกกันในรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าการผลักดันร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมจะสามารถช่วยยุติความขัดแย้งได้จริงหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ตนมองว่าตราบใดที่ทุกคนเคารพกติกาว่าหากท้ายสุดจะออกมาเป็นอย่างไร และเรารับกันได้ ทุกอย่างก็จะผ่านไปได้ เมื่อถามว่า พร้อมที่จะสนับสนุนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล หรือไม่ นายสรวงศ์ ตอบว่า "อะไรที่เห็นตรงกันก็พร้อมอยู่แล้วครับ แต่ในรายละเอียดยังไม่เห็นว่าอะไรที่เห็นตรงกันหรือไม่เห็นตรงกันอยู่"
นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคก้าวไกลเตรียมเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม แต่มีการวิพากษ์วิจารณ์พรรคเพื่อไทยไม่ช่วยสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว ว่า พรรคเพื่อไทยรับฟังความเห็นอยู่ เรามีส่วนได้เสียในเรื่องนี้ ซึ่งคนที่มีส่วนได้เสียไม่ควรตัดสินใจ เพราะเกรงว่าสังคมจะมองเราในแง่ไม่ดี ซึ่งคนของเราอาจจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ ดังนั้น เราก็ดูท่าทีของสังคมก่อน และให้สังคมขับเคลื่อนจะดีกว่า
พรรคก้าวไกลต้องเข้าใจเราว่าถ้าเรานิ่ง เรื่องนี้อาจจะสำเร็จง่ายกว่าการที่เราไม่นิ่ง ก็ฝากบอกทางก้าวไกลว่าถ้าเรานิ่งจะสำเร็จง่ายกว่า และสำเร็จในเป้าหมายที่คุณอยากได้ นายสุทิน กล่าว
วันเดียวกัน ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลการศึกษา เรื่อง หนุน หรือ ไม่หนุน รัฐบาล กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศอายุ 18 ปีขึ้นไป ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวน 1,093 ตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติ ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 25 พ.ย. 2 ธ.ค.66 โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนจากขนาดตัวอย่างบวกลบร้อยละ 5 ในช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95
เมื่อสอบถามถึงการหนุนหรือไม่หนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 56.3 หนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล เพราะต้องการให้โอกาสปล่อยรัฐบาลทำงานไปก่อน เพราะมาตรการแจกเงินช่วยเกษตรกร และเพราะนโยบายแจกเงินหมื่น เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 43.7 ไม่หนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล เพราะปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพสูง ภัยออนไลน์ โจรมิจฉาชีพไซเบอร์ ยาเสพติด หนี้นอกระบบ หนี้ในระบบ เป็นต้น
ที่น่าสนใจคือ เมื่อแบ่งเป็นกลุ่มชายและกลุ่มหญิง พบว่า ทั้งชายและหญิงเกินครึ่งคือ ชายร้อยละ 53.4 หญิงร้อยละ 58.6 หนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล แต่เมื่อแบ่งออกตามช่วงอายุพบว่า คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่หรืออายุน้อยกว่า 20 ปีร้อยละ 70.3 และคนช่วงอายุ 2029 ปี ร้อยละ 50.0 ไม่หนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล ในขณะที่คนอายุ 40 49 ปี ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 64.0 หนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลและคนสูงอายุ เช่น กลุ่มคนอายุ 50 59 ปีร้อยละ 56.6 และคนอายุ 60 ปีขึ้นไปร้อยละ 56.3 หนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม เมื่อแบ่งตามระดับรายได้ พบว่า กลุ่มรายได้น้อยคือ ไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.9 หนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล แต่กลุ่มรายได้มากกว่า 35,000 บาทขึ้นไปต่อเดือน ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.8 ไม่หนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล เป็นเพราะความไม่ชัดเจนของนโยบายและมาตรการจากรัฐบาลที่ควรจะมีอะไรจับต้องได้ตอบโจทย์ความต้องการของคนทุกกลุ่ม ชดเชยความรู้สึกว่า รัฐบาลกำลังเอาใจคนบางกลุ่มมากเกินไปโดยเฉพาะกลุ่มคนที่คิดว่าตนเองจ่ายภาษีมากกว่าคนอื่นและถูกรัฐบาลนำเงินภาษีหรือเงินกู้ของรัฐบาลที่เป็นภาระของคนทั้งประเทศไปช่วยเหลือคนเฉพาะกลุ่ม
ผลสำรวจตอกย้ำว่า คนรุ่นใหม่ยังไม่หนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล สะท้อนได้จากกลุ่มนักเรียนนักศึกษาส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.5 ไม่หนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล แต่มีกลุ่มค้าขายอิสระ กลุ่มคนว่างงาน และกลุ่มเกษตรกร รับจ้างทั่วไป ส่วนใหญ่คือ ร้อยละ 65.4 ของกลุ่มค้าขายอิสระ อาชีพส่วนตัว ร้อยละ 65.2 ของกลุ่มว่างงานและร้อยละ 59.9 ของกลุ่มเกษตรกร รับจ้างทั่วไปที่หนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล โดยมีข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐร้อยละ 52.2 ไม่หนุน แต่ พนักงานเอกชน ร้อยละ 52.1 หนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล
ผศ.ดร.นพดล กล่าวว่า จากผลการศึกษาครั้งนี้พบประเด็นสำคัญคือ ปัจจัยที่ทำให้ประชาชนสนับสนุนรัฐบาลเป็นเพียงแค่เส้นบางๆ นั่นคือ ประชาชนให้โอกาสปล่อยรัฐบาลทำงานไปก่อนมากกว่าผลงานที่จับต้องได้เป็นรูปธรรมรัฐบาลจึงควรเร่งทำเป็นชุดโครงการครบทุกมิติออกเป็นแพ็กเกจเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนบนหลัก 3 หลักคือ หลักของการรวบรวมทรัพยากรหน้าตักของรัฐบาลทั้งภายในส่วนราชการและนอกส่วนราชการ
หลักของกฎหมายและระเบียบต่างๆ ในการรวบรวมทำอย่างถูกต้อง และหลักของการกระจายทรัพยากร ผลประโยชน์ บริการและความปลอดภัยทั้งต่อผู้ให้และประชาชนผู้รับ เพราะผลสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ยังไม่หนุนรัฐบาล เลือกตั้งใหม่พรรคก้าวไกลก็จะชนะอยู่ดีและกำลังขยายตัวไปถึงท้องถิ่นท้องที่ทั่วไทยอีกด้วย เพราะรัฐบาลยังขาดคนที่ใช่และมาตรการเชิงยุทธศาสตร์ชนะการเลือกตั้งที่โดนใจกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่หนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล
สำหรับปัจจัยบวกที่หนุนรัฐบาลจึงเปราะบาง แต่มีบางตัวจับต้องได้ที่น่าพิจารณาทำต่อทำเสริมอย่างปลอดภัย เช่น มาตรการแจกเงินหมื่น มาตรการแจกเงินช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มเช่นเกษตรกร และผู้ประกอบธุรกิจออนไลน์ทั้งผู้ขายและผู้บริโภค รวมถึงมาตรการบริการประชาชนในทุกมิติของชีวิตที่มีความปลอดภัยทางไซเบอร์เพราะประชาชนทั้งประเทศอยู่บนโลกออนไลน์จึงเสี่ยงสูงกว่า ปัญหายาเสพติดที่มีประชาชนบางส่วนเท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและหนี้นอกระบบ หนี้ในระบบ
ดังนั้นรัฐบาลน่าจะหันมาให้ความสำคัญสูงสุดต่อการป้องกันและปราบปรามโจรไซเบอร์ มิจฉาชีพไซเบอร์เป็นวาระแห่งชาติบูรณาการทุกหน่วยงานราชการและเอกชนทำงานร่วมกันโดยปรับประยุกต์ใช้หลักความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ได้มาตรฐานเช่น NIST ของสหรัฐอเมริกา ISO 27000 ISO 31000 และกฎหมาย GDPR ของยุโรป และปรับปรุงกฎหมาย PDPA ของประเทศไทยให้ลงไปถึงการเยียวยาประชาชนผู้เสียหายทางไซเบอร์ได้รับการชดเชยความเสียหายและได้รับความปลอดภัยแท้จริงบนหลักของ CIA คือความลับและเชื่อถือได้ของข้อมูล (Confidentiality) ความถูกต้องแท้จริงของข้อมูล (Integrity) ความสามารถเข้าถึงบริการและการใช้ประโยชน์ข้อมูล (Availability) พร้อมกับการให้สิทธิการสงวนสิทธิ (Authentication) และการป้องกันการปลอมแปลง หลอกหลวงประชาชน (Non-Repudiation) ในความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ขอฝากไปยังพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลพิจารณาเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าอย่างทั่วถึง
รัฐบาลและทุกภาคส่วนก็จะสามารถร่วมกันขับเคลื่อนประเทศบรรลุเป้าหมายสำคัญสูงสุด 3 เป้าหมายคือ ความมั่นคงของชาติ การปกปักษ์รักษาผลประโยชน์ชาติและความอยู่เย็นเป็นสุขอย่างปลอดภัยของประชาชน ถ้าพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลเร่งประกาศของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนเร็ววันนี้ ผลที่คาดว่าจะได้รับคือ รัฐบาลโดยพรรคร่วมรัฐบาลจะครองใจประชาชนทุกกลุ่มที่ครั้งหนึ่งพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลเคยเสียไปจากการเลือกตั้งครั้งล่าสุดและช่วงการจัดตั้งรัฐบาลให้กลับมีฐานสนับสนุนขยายกลุ่มและมั่นคงแข็งแกร่งยิ่งขึ้น