เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ได้เลื่อนนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อม.11/2565 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ
กรณีเมื่อวันที่ 30 กันยายน 54 น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีคำสั่งโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ขณะนั้น มาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และ ครม.มีมติแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นเลขาธิการ สมช.แทน
โดยเหตุที่ต้องเลื่อนฟังคำพิพากษา เนื่องจาก นายสิทธิศักดิ์ วนะชกิจ หนึ่งในองค์คณะผู้พิพากษาคดีนี้ถึงแก่อนิจกรรม อันต้องด้วยกรณีที่ผู้พิพากษาคนใดในองค์คณะผู้พิพากษามีเหตุสุดวิสัยทำให้ผู้พิพากษานั้นไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ และที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีมติเห็นชอบเลือก นายกษิดิศ มงคลศิริภัทรา เข้ามาเป็นองค์คณะผู้พิพากษาแทนที่ให้ครบจำนวนตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ตาม พรป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 11 ดังนั้น เพื่อให้ผู้พิพากษาที่ได้รับเลือกเข้ามาเป็นองค์คณะแทนที่มีเวลาเพียงพอที่จะตรวจสำนวนร่วมประชุมปรึกษาคดีและทำความเห็นในการวินิจฉัยคดีได้โดยไม่กระชั้นชิด จึงมีคำสั่งให้ยกเลิกวันนัดฟังคำพิพากษาเดิมวันที่ 29 พ.ย.เป็น นัดฟังคำพิพากษาอีกครั้งวันที่ 26 ธ.ค.นี้ เวลา 13.30 น.
สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ก.ย.54 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ลงนามในคำสั่งให้นายถวิล ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ต่อมานายถวิลได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุด และศาลได้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายดังกล่าว อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญก็มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้ตำแหน่งหน้าที่เข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้าย กระทั่ง ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในวันที่ 1 ก.ค.63 และส่งให้อัยการสูงสุดส่งฟ้องคดีต่อศาลฎีกาฯ และศาลฎีกาฯ สั่งออกหมายจับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เนื่องจากไม่เดินทางมาศาลโดยไม่ได้แจ้งเหตุผล