ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกล้องวงจรปิดจับภาพแก๊งชายฉกรรจ์จำนวน 8 ราย สวมโม่งปิดบังใบหน้าได้ลงจากรถมาแล้วได้นำอุปกรณ์ตัดประตูบ้านข้างหน้าแล้วเดินเข้ามาในบ้าน สำรวจบริเวณหน้าบ้านและบุกเข้าบ้านไปตอนเจ้าของบ้านไม่อยู่ ก่อนเจ้าของบ้านดูวงจรปิดทันแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ซึ่งเหตุกาณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่บ้านค่ายทะยิง หมู่ 6 ต.วังโรงใหญ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านหลังเดิมที่เคยเกิดเหตุกาณ์ตำรวจปลอมเอาปืนเข้ามาบุกบ้านตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น แต่ครั้งนี้โดนซ้ำสองมาเป็นคันรถ 2 คัน จำนวน 10 คน อาศัยตอนจังหวะเจ้าของบ้านไม่อยู่เดินบุกเข้าบ้านและหาทรัพย์สินภายในบ้านครั้งนี้อีกด้วย

               

โดยนางสาวจารุวรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า เหตุกาณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ตนและครอบครัวไม่อยู่บ้าน เนื่องจากเหตุกาณ์ครั้งก่อนยังหวั่นเรื่องความปลอดภัยอยู่ แต่ก็ไม่วายได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์มาที่บ้านและมาก่อเหตุตัดประตูบ้าน เพื่อจะไปรื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้านอีก แถมยังตบตาเอาไม้ดันกล้องวงจรปิดให้พ้นสายตาด้วย แต่โชคดีก่อนหน้าวันที่ก่อเหตุตนเห็นกลุ่มคนเหล่านี้มาดูลาดราวได้สักพักแล้ว มาวันนี้ตนไม่อยู่บ้าน จึงได้เปิดวงจรปิดตลอดเวลาเพราะในบ้านก็มีทรัพย์สินอยู่ด้วย พอมาเจอแบบนี้ตนก็หวั่นไปอีกว่าจะไม่ปลอดภัย แต่โชคดีตรงที่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับได้ทันควัน ซึ่งเป็นรถฟอจูเนอร์สีขาวมาดูลาดราวและต้นทาง รถที่ก่อเหตุจะเป็นรถกระบะตู้ทึบพร้อมอุปกรณ์ ทั้งนี้ตนก็อยากให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะไม่ไหวแล้วที่จะต้องมาเจอเหตุการณ์ซ้ำสองแบบนี้

                

ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้นได้สกัดจับรถก่อเหตุคันดังกล่าวได้ที่บริเวณถนนสีคิ้ว-ด่านขุนทด ที่ห่างจากบ้านที่ก่อเหตุมาประมาณ 7 กิโลเมตร ส่วนฟอจูนเนอร์คันที่ดูลาวราวจับได้ที่ จ.สระบุรี ซึ่งกำลังหลบหนี ทั้งนี้ข้อมูลเบื้องต้นจากปากคนขับรถกระบะตู้ทึบอ้างว่า ได้รับการว่าจ้างมาให้นำกลุ่มคนเหล่านี้ไปขนของย้ายบ้าน ตนจึงได้ขับรถกระบะมารอที่ปั้มน้ำมันก่อนขนคนขึ้นไป แต่ตนก็งงว่าทำไมต้องมีการปิดหน้าปิดตาด้วย พอก่อเหตุเสร็จทางกลุ่มชายฉกรรจ์ก็ให้ตนนำคนที่ก่อเหตุ 8 ราย ไปส่งรถกระบะใกล้เคียงกับปั้มน้ำมันที่เดิมก่อนขับรถหลบหนีไป ตนก็กำลังจะกลับบ้านแต่มาโดนตำรวจสกัดจับเสียก่อน ทั้งนี้กลุ่มคนก่อเหตุและดูตนทางกำลังสอบปากคำอยู่ ส่วนบุคคลที่ร่วมก่อเหตุ 8 รายที่หลบหนีไปตอนนี้กำลังเร่งไล่ล่ามานำมาดำเนินคดีต่อไป