คต.ย้ำเตือนการปลอมหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแล้วนำไปใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรที่ประเทศปลายทาง นอกจากจะมีความผิดตามกฎหมายแล้วยังส่งผลให้ปลายทางเข้มงวดตรวจสอบการใช้สิทธิฯ ของสินค้าจากไทยมากขึ้น

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ(คต.) เปิดเผยว่า ในช่วงปี 2566 (มกราคม – ตุลาคม) กรมฯ ในฐานะหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่ออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin : C/O) ให้ผู้ส่งออกนำไปใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรภายใต้ความตกลงการค้าเสรีต่างๆ ได้รับการร้องขอจากหน่วยงานศุลกากรสาธารณรัฐประชาชนจีนให้ตรวจสอบความถูกต้องของหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form E) รวมจำนวน 585 ฉบับ ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ซึ่งการตรวจสอบพบว่า มีผู้ที่ไม่หวังดีได้ทำ Form E ปลอมขึ้นมา เพื่อนำไปใช้แสดงต่อศุลกากรจีนเพื่อใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร โดยหมายเลขอ้างอิง (Reference No.) ที่แสดงบน Form E ปลอมดังกล่าว จะไม่พบในระบบการออกหนังสือรับรองฯ ของกรมฯ รวมถึงระบบ THAILAND CERTIFICATE ON-LINE INQUIRY SYSTEM (TCOIS) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ตรวจสอบความถูกต้อง/ความแท้จริงของหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่ออกโดยกรมฯ ซึ่งการปลอม Form E ดังกล่าวสร้างความเสียหายและส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของการส่งออกสินค้าไปจีนซึ่งเป็นตลาดหลักของไทยเป็นอย่างมาก 

โดยจากสถิติการออก Form E ของกรมฯ ในปี 2566 (มกราคม – ตุลาคม) มีจำนวนรวม 217,007 ฉบับ คิดเป็นมูลค่าส่งออก 20,508 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมี Form E ที่ถูกปลอมขึ้นจำนวน 585 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 0.27 ของ Form E ทั้งหมด โดยสินค้าที่ระบุใน Form E ปลอมส่วนใหญ่ คือ ทุเรียนสดและส้มโอสด ถึงแม้ Form E ปลอมจะมีสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับการออก Form E ทั้งหมดในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าของไทย หากเกิดขึ้นมากจะทำให้ศุลกากรจีนเข้มงวดกับการใช้สิทธิพิเศษฯ กับสินค้าจากไทยมากขึ้น และอาจจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกผลไม้ของไทยที่ส่งออกไปจีนเป็นจำนวนมากด้วย 

นายรณรงค์กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมฯ ได้ดำเนินการอย่างเข้มงวดในการสืบสวนสอบสวน หาตัวผู้กระทำความผิดในการปลอม Form E และดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป นอกจากนี้กรมฯ ได้พัฒนาระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าใหม่ หรือที่เรียกว่า ระบบ DFT SMART C/O ที่จะนำร่องเปิดให้บริการกับ 4 ความตกลงฯ ได้แก่ RCEP,อาเซียน-ฮ่องกง, อาเซียน-ญี่ปุ่น และไทย-เปรู ในวันที่ 15 ธ.ค.66 ซึ่งระบบดังกล่าว ผู้ส่งออกสามารถพิมพ์หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าได้ด้วยตนเอง (Self-Printing) และได้เพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยในการป้องกันการปลอมเอกสาร โดยจะมี QR Code 2 รหัส แสดงบนหนังสือรับรองฯ เพื่อใช้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและแสดงการประทับรับรองเวลาอิเล็กทรอนิกส์ (e-timestamping) จากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและรับรองการมีอยู่ของเอกสาร ณ เวลานั้นๆ อีกทั้งกระดาษแบบพิมพ์หนังสือรับรองฯ ยังเพิ่มฟังก์ชันพิเศษและกำหนดเลขที่หนังสือรับรองฯ รูปแบบใหม่ เพื่อให้ยากต่อการปลอมแปลงด้วย 

 

#ถิ่นกำเนิดสินค้า #กรมการค้าต่างประเทศ #FTA