"ก.พลังงาน" ถก "กกพ.-สำนักงบประมาณ หาช่องลดค่าไฟเหลือ 4.20 บาท/หน่วยภายใน ธ.ค.นี้

นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักงานกำกับกิจการพลังงาน(สำนักงานกกพ.)ได้ประกาศผลการรับฟังความคิดเห็นค่าเอฟที หรือค่าไฟฟ้าผันแปรงวด 1/ 67 หรือรอบเดือนมกราคม-เมษายน 2567 โดยมีมติเห็นชอบให้ปรับค่าเอฟทีที่ 89.55 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟเฉลี่ยอยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย ซึ่งค่าเอฟทีที่ปรับเพิ่มขึ้นนี้สะท้อนถึงต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น และส่วนหนึ่งเป็นการคืนต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่ กฟผ.รับภาระไว้บางส่วน เพื่อให้ กฟผ. มีสภาพคล่องในการดำเนินงานและชำระคืนเงินกู้เท่าที่จำเป็นว่า กระทรวงพลังงานเตรียมหารือกับ กกพ. เพื่อให้พิจารณาการคำนวณค่าเอฟทีว่าจะมีส่วนใดบ้างที่สามารถปรับลดลงได้อีก เบื้องต้นคาดว่าจะมีการปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้มีความเป็นธรรมมากขึ้น มีการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งที่มีต้นทุนต่ำ รวมทั้งจะหารือกับสำนักงบประมาณเพื่อของบกลางมาช่วยเหลือเพื่อลดค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบาง พร้อมทั้งการเพิ่มการใช้พลังงานสะอาด และรณรงค์การอนุรักษ์พลังงาน

ทั้งนี้ขอยืนยันว่ากระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามบริหารจัดการค่าไฟฟ้ามาโดยตลอด แม้สถานการณ์ด้านราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูง เบื้องต้นคาดว่าจะลดค่าไฟฟ้าให้เหลือได้ประมาณ 4.20 บาทต่อหน่วย

ทั้งนี้ค่าไฟฟ้าที่ปรับขึ้นในครั้งนี้จะอยู่ในส่วนของค่าเอฟที ซึ่งเกิดจากการคำนวณต้นทุนค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ที่ผ่านมาต้นทุนค่าเชื้อเพลิงหลักของค่าไฟฟ้าคือก๊าซธรรมชาติ ซึ่งราคามีความผันผวนอยู่ในระดับสูง เป็นผลมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาวของกลุ่มประเทศตะวันตก ทำให้ความต้องการก๊าซธรรมชาติเพิ่มสูงขึ้น ราคาในตลาดโลกจึงปรับตัวสูงขึ้นตาม กอปรกับที่ผ่านมา ประเทศไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านผู้รับสัมปทานผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย จึงทำให้การผลิตก๊าซธรรมชาติลดน้อยลง จำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น แต่คาดว่าจะสามารถกลับมาผลิตในภาวะปกติได้ในช่วงเดือนเมษายน 2567

โดยค่าไฟฟ้าที่ทาง กกพ.ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ในส่วนของค่าเอฟที หรือค่าไฟฟ้าผันแปร ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนไปตามต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า หากย้อนดูค่าเอฟทีในอดีตก่อนเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะพบว่า ค่าเอฟทีของไทยติดลบมาโดยตลอด จนกระทั่งเกิดสงคราม ซึ่งรัสเซียเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของโลก เมื่อไม่สามารถส่งออกก๊าซธรรมชาติได้ ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น จึงส่งผลกระทบต่อค่าเอฟที ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานมีแผนปรับลดการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า และเพิ่มพลังงานหมุนเวียนซึ่งเป็นพลังงานสะอาด แต่ด้วยพลังงานหมุนเวียนยังมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง หากนำมาใช้มากเกินไปอาจจะยิ่งกระทบต่อค่าไฟฟ้ามากขึ้น

 

 

#ค่าไฟ #พลังงาน #ลดค่าไฟ #สำนักงบประมาณ #ค่าเอฟที #ก๊าซธรรมชาติ