“บิ๊กหลวง” ผนึกหน่วยงาน เปิดยุทธการ “เด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย” ครั้งที่ 1 สร้างชุมชนปลอดภัย ประเดิมภาคกลาง 9 จังหวัด 232 เป้าหมาย พร้อมนำผู้ป่วยจิตเวชเข้ากระบวนการบำบัด
วันที่ 1 ธันวาคม 2566 ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทน เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย พล.ต.ต. ชยานนท์ มีสติ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต. โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้แทนจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กรมการปกครอง กรมคุมประพฤติ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์เปิด “ยุทธการ เด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย ครั้งที่ 1” สนธิกำลังเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานกวาดล้างผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยในพื้นที่ภาคกลาง 9 จังหวัด 232 เป้าหมาย
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เผยว่า ยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย มีเป้าหมายลดการแพร่ระบาดยาเสพติดที่สร้างความเดือดร้อนในชุมชน ในขณะเดียวกันหากพบผู้ที่มีอาการทางจิตเวชจากยาเสพติดจะเนินการตามปฏิบัติการ Quick win นำผู้ป่วยเหล่านั้นเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา โดยครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก และเริ่มดำเนินการในพื้นที่ 9 จังหวัด ในภาคกลาง คือ ชัยนาท ลพบุรี สิงห์บุรี สระบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปุทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ รวมกว่า 232 เป้าหมาย จาก 134 โรงพัก โดยจะจัดยุทธการเช่นนี้ในทั่วประเทศ
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มีเป้าหมายในการลดความเดือดร้อนของสังคมที่มีผลกระทบมาจากปัญหายาเสพติด โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้วางแผนควบคุมปัจจัยเสี่ยงตามปฏิบัติการ Quick win ทั้งจากภายนอกประเทศคือการกำหนดพื้นที่พิเศษสกัดกั้นยาเสพติด “5 (10)” จนถึงภายในจังหวัด “ยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย” รวมถึงการลดแนวโน้มความเสี่ยงการก่อความรุนแรงจากภาวะทางจิตเวชทั้งจากการเสพยาเรื้อรังและจากสาเหตุอื่น ซึ่งต้องขับเคลื่อนให้ทุกกระทรวง/กรมที่เกี่ยวข้องปฏิบัติอย่างจริงจัง โดยผล “ยุทธการ เด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย ครั้งที่ 1” มีผลปฏิบัติการ ณ เวลา 10.30 น. ตรวจยึดยาบ้ากว่า 5,000 เม็ด จับกุมผู้ต้องหา 92 ราย นำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัด 17 ราย ตรวจยึดปืน 7 กระบอก
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หรือ บิ๊กหลวง ยังได้เดินทางไปยัง 1 ในพื้นที่เป้าหมายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อพูดคุยกับผู้เสพยาเสพติดและครอบครัว และได้แนะนำให้เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา โดยได้มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขร่วมให้การแนะนำ โดยพล.ต.ท.ภาณุรัตน์ ได้ย้ำถึงการบำบัดให้หายเพื่อกลับมาเป็นพลังช่วยเหลือครอบครัว และชุมชน
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวในตอนท้ายว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ เป็นความตั้งใจของรัฐและเจ้าหน้าที่ในการลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติด ที่จะทำอย่างต่อเนื่องและขยายไปในทุกพื้นที่ และตนยินดีที่เห็นความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยตนยังได้เน้นย้ำถึงปัจจัยในความสำเร็จของการต่อสู้กับปัญหายาเสพติดที่หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นและดึงพลังชุมชนให้เห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วมกับภาครัฐ หรือ แม้แต่สร้างความตระหนัก ให้เกิดส่วนเล็กๆอย่างการเตือนถึงพิษภัยยาเสพติดภายในครอบครัว จึงจะแก้ปัญหายาเสพติดได้อย่างยั่งยืน เพราะสภาพแวดล้อมในครอบครัว ชุมชนเป็นสิ่งสำคัญที่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลง ทั้งกับ การเรียนรู้ที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด การเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้เสพ หรือกับการลดเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดในชุมชน