พีระพันธุ์ยินดีประยุทธ์ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นองคมนตรี เชื่อเป็นกำลังสำคัญสถาบันสูงสุดของประเทศในการสร้างความมั่นคง และนำพาบ้านเมืองไปสู่ความร่มเย็น "อดิศร" ยินดีคุย"ก้าวไกล"ปมนิรโทษฯ ด้านสว.สมชายออกโรงขวางร่างฯนิรโทษฉบับก้าวไกล ในส่วน3คดีด้านความมั่นคง 

     
เมื่อวันที่ 30 พ.ย.66 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์รูปพร้อมข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวมีใจความว่า เมื่อคืนผมดีใจมาก พอทราบข่าวพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คนที่ 29 ให้เป็นองคมนตรี ผมรีบติดต่อท่านทันทีเพื่อแสดงความยินดีกับตำแหน่งใหม่และภารกิจใหม่อันมีเกียรติยศ และมีความสำคัญยิ่งทั้งต่อตัวท่านเอง ต่อประเทศและต่อสถาบันหลักของชาติ
     
ผมดีใจมากเพราะมีคนดีอีกคนหนึ่งได้รับโอกาสนี้ โดยเฉพาะเมื่อท่านไม่ใช่เพียงเป็นแค่คนดีจริงๆ เท่านั้น แต่เป็นคนดีที่มีความสามารถมีความรอบรู้ในการบริหารและการพัฒนาบ้านเมืองเป็นที่ประจักษ์ ที่สำคัญที่สุดคือ เป็นผู้มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีวิต
     
ผมเชื่อมั่นและมั่นใจว่าท่านจะเป็นกำลังสำคัญของสถาบันสูงสุดของประเทศในการสร้างความมั่นคงและนำพาบ้านเมืองไปสู่ความร่มเย็นและความเจริญมากยิ่งขึ้น
     
ด้าน นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลให้พรรคก้าวไกลเจรจาเกี่ยวกับการออกร่างกฎหมายนิรโทษกรรมกับวิปรัฐบาลว่า ตนยังไม่ได้รับการประสานหรือติดต่อจากพรรคก้าวไกล วิปรัฐบาลพร้อมพูดคุย และพร้อมสนับสนุนร่างกฎหมายที่ได้รับการบรรจุไว้ในระเบียบวาระ พรรคเพื่อไทยมีประสบการณ์เรื่องนิรโทษกรรมที่ได้รับความเจ็บปวด อยากให้พรรคก้าวไกลได้นำไปให้ตลอด หากตรงกันก็พูดคุยกันได้ไม่เป็นปัญหา ส่วนเรื่องมาตรา 112 ที่เป็นปัญหาในคราวนั้น และอาจจะเป็นปัญหาของคราวนี้ ควรตัดประเด็นให้สั้น อย่าพกมาเยอะ และควรสร้างความเข้าใจทีละขั้นตอน
     
นายอดิศร กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าที่พรรคก้าวไกลไปพบ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือพุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อยและแกนนำ กปปส. แบบหลบๆ ซ่อนๆ ทำให้ นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ฉายาชัยธวัชวัดอ้อน้อยแล้ว เพราะที่ผ่านมานายสุวิทย์ได้สร้างความเจ็บช้ำให้กับพรรคเพื่อไทยไม่น้อย ดังนั้นกรณีที่คิดจะโน้มน้าวให้ทุกพรรคการเมือง ในสภาฯ และส.ว. ร่วมสนับสนุน ตนอยากให้พรรคก้าวไกลเปิดเผย ไม่ใช่แอบไปพบใคร

       
ผมไม่อยากให้เรื่องการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นภาพหลอน หรือภาพซ้อนเหมือนกับการจัดตั้งรัฐบาลพรรคก้าวไกล ที่ตั้งไม่สำเร็จ  ผมให้กำลังใจ แต่หลักการของคนเราอาจจะแตกต่างกัน ความเห็นต่างทางการเมือง ไม่ควรเอาโทษให้เป็นอาชญากร เพราะเป็นหลักการทั่วโลก และหลักการของพรรคเพื่อไทยเป็นแบบนั้น และที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยถูกกระทำมาเยอะ ส่วนตัวไม่มีอะไรกับนายสุวิทย์ แต่คนผู้นี้รู้เช่นเห็นชาติกันอยู่ว่าทำให้เกิดความรุนแรง แม้พยายามจะลืม แต่ลืมไม่ลง หากก้าวไกลฟังพุทธะอิสระแล้วจะปฏิบัติตามหรือไม่ต้องคอยดู นายอดิศร กล่าว

 ผู้สื่อข่าวถามถึงรายละเอียดของการเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่พร้อมจะสนับสนุน นายอดิศร กล่าวว่า ต้องไม่มีประเด็นเกี่ยวกับ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112  เพราะเป็นปัญหาสำคัญต่อการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย และเป็นนัยที่รู้อยู่แล้วว่าทุกพรรคไม่เอาด้วย ดังนั้นจะหวังความสำเร็จได้ยาก พรรคก้าวไกลจะไปไม่รอด เพราะคะแนนไม่เพียงพอ
 
ด้าน  นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์เฟซบุ๊ก คัดค้านนิรโทษกรรม 3 คดีมั่นคงสำคัญคือการทุจริตชาติ คดีอาญาร้ายแรง เช่น คดีฆ่ากันตายแล้วอ้างเหตุทางการเมือง และคดีความผิด ม.112 พร้อมระบุ ไม่เห็นด้วยกับร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ ของพรรคก้าวไกลที่มีรากมาจากความเคลื่อนไหวของพรรคอนาคตใหม่ คณะก้าวหน้า ในการสนับสนุนให้มวลชน สมาชิก ส.ส. คณะกรรมการบริหาร รวมถึงผู้นำทางความคิดหลายคน ที่ไปจาบจ้วงละเมิดจนผิดกฎหมาย โดยเฉพาะคดีที่กลุ่มแกนนำและหัวหน้าพรรคได้เคลื่อนไหวเป็นนโยบายในการล้ม แก้ไขกฎหมาย และปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วจะมาอ้างเหตุเพื่อนิรโทษกรรม เป็นการเขียนกฎหมายเพื่อช่วยในสิ่งที่ตัวเองกระทำความผิด หากสำนึกว่ากระทำผิดก็สามารถทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคลได้ เช่นเดียวกับแกนนำหลายบุคคลที่เป็นนักวิชาการในอดีตก็เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษมาแล้ว "ผมไม่เห็นด้วย 100% และเชื่อว่า หากเสนอมา ส.ว.ก็คงไม่ให้ความเห็นชอบ"
          
ส่วนคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ไม่ว่าจะเป็น เสื้อเหลือง เสื้อแดง เสื้อส้ม ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องทางการเมืองก็ให้นิรโทษกรรมได้ และเห็นว่าเรื่องนี้รัฐบาลสามารถออกเป็นพระราชกำหนดได้เลย หากไม่มีเงื่อนไข 3 เรื่องดังกล่าวก็พร้อมที่จะสนับสนุน
         
 "สรุปว่าเห็นด้วยกับกระบวนการความปรองดองสมานฉันท์และขั้นตอนที่จะทำนั้น ไม่จำเป็นต้องออกเป็นพระราชบัญญัติ รัฐบาลนี้สามารถออกเป็นพระราชกำหนดได้เลย แต่ต้องชัดเจนว่ามีเรื่องใดบ้างและต้องไม่มี 3 เรื่องนี้ ซึ่งถ้าออกเป็นพระราชบัญญัติก็ต้องใช้เวลานานหน่อย ต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา แต่ก็เห็นด้วยในหลักการว่า ถ้าจะนิรโทษกรรมจะต้องยึดหลักเรื่องนิรโทษกรรมและกระบวนการยุติธรรมเปลี่ยนผ่าน ต้องยึดหลักความเข้าใจที่มีต่อกันแบบมีผลในระยะยาวและเป็นจริงได้ ไม่ใช่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อให้ตัวเองพ้นผิดแล้วกลับไปทำความผิดอีกต่อไป เพราะจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มั่นใจว่า สังคมไทยชัดเจนหรือยังว่า จะปรองดองสมานฉันท์กันแบบถาวรจริงหรือไม่ เพราะเงื่อนไขที่ยื่นมาในการนิรโทษกรรมคดี ม.112 ก็ดีหรือคดีทุจริต ล้วนเป็นเงื่อนไขที่เขียนกฎหมายเพื่อให้ตัวเองซึ่งกระทำผิดแล้วไม่ต้องรับโทษมากกว่า ที่จะเดินหน้าไปสู่ความปรองดองสมานฉันท์อย่างแท้จริง"
          
นายสมชาย ระบุอีกว่า หาก พ.ร.บ.ดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ แล้วส่งมาวุฒิสภาจะไม่คว่ำ แต่จะช่วยกลั่นกรองแก้ไขให้ดีขึ้น โดยต้องยึดในหลักการปรองดองสมานฉันท์แท้จริง ส.ว.ส่วนใหญ่ก็คงจะเห็นด้วยเช่นนั้น ในเรื่องความปรองดองสมานฉันท์มีความพยายามทำมาหลายรอบแล้ว แต่ไม่เคยสำเร็จ เพราะหลักการปรองดองที่ดีที่ทั่วโลกดำเนินการได้ผลคือการยินยอมพร้อมใจกันทุกฝ่ายที่จะปรองดองในความเห็นต่าง พร้อมแสดงออกยอมรับผิดในสิ่งที่เคยกระทำต่อกันและกัน ซึ่งสังคมไทยต้องมีความเห็นพ้องร่วมกันทั้งสังคมด้วย จึงจะปรองดองสมานฉันท์กันได้จริง