เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 30 พ.ย. 2566 ภายหลังลงพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เดินทางมาเยี่ยมชมบริเวณสันเขื่อนสิริกิติ์ พร้อมสอบถามถึงปริมาณน้ำ ก่อนถ่ายภาพร่วมกับคณะ โดยนายกฯ ได้พูดคุยกับรองผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) พร้อมเปิดเผยว่ายืนยันว่าสถานการณ์น้ำใน เขื่อนสิริกิติ์ในปัจจุบันมีเพียงพอ โดยปัจจุบันปริมาณมีอยู่ 60% และช่วงต่ำสุดจะเหลือประมาณ 30% ฉะนั้นไม่มีปัญหา จึงไม่มีปัญหา แม้ปีนี้ฝนจะตกน้อยกว่าปกติ ซึ่งมีปริมาณน้อยกว่าปีที่แล้วประมาณ 20% แต่ไม่มีผลต่อภาคการเกษตรเพราะสามารถบริหารจัดการกาากักเก็บน้ำได้ 

 

อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยเรื่องโซลาร์เซลล์ไฮบริดซึ่งเป็นต้นแบบไฟฟ้าพลังงานสะอาด ซึ่งมีการดำเนินการมาแล้วหลายเขื่อนและเขื่อนสิริกิติ์อาจจะเป็นเขื่อนท้ายๆ ที่จะมีการดำเนินการ ซึ่งในทุกพื้นที่จะทำได้ประมาณ 10,000 เมกะวัตต์ โดยจะใช้พื้นที่เพียงแค่ 2% ของเขื่อน ซึ่งศักยภาพที่จะขยายต่อนั้นมีมาก ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้ไฟ หากเทคโนโลยีดีก็จะสามารถกักเก็บไฟได้ดีขึ้นและสามารถต่อฝ่ายผลิตได้เลย ซึ่งจากข้อมูลปริมาณการใช้ไฟฟ้าของไทยอยู่ที่ 35,000-36,000 เมกะวัตต์ต่อปี ซึ่งหากทุกเขื่อนสามารถทำโซล่าร์เซลล์ไฮบริดก็จะถือว่าเป็นประโยชน์และเป็นพลังงานที่มีค่า

 

จากนั้นนายกฯ ได้เดินทางมารับประทานอาหารค่ำและพักค้างคืนที่เรือนรับรอง ภายในเขื่อนสิริกิติ์ซึ่งถือเป็นการปิดทริปทัวร์ภาคเหนือที่จังหวัดอุตรดิตถ์