วันที่ 30 พ.ย. 2566 เวลา 12.25 น. ที่รัฐสภา นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและบริหารจัดการงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่จะมีการปรับขึ้นราคาค่าไฟในช่วงต้นปีหน้า ว่า ตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ประกาศมติปรับขึ้นราคา 0.69 บาทต่อหน่วย ในเดือน ม.ค.-เม.ย. 67 ถ้าเราย้อนไปดูในช่วงที่รัฐบาลเข้ามาใหม่ๆ ก็โปรโมทว่าเป็นผลงานรัฐบาล ซึ่งในขณะนั้นลดลงไป 0.46 บาทต่อหน่วย มองว่าเป็นช่วงโปรโมชั่นในตอนรัฐบาลเข้ามา เพราะสิ่งที่รัฐบาลทำคือการเลื่อนการจ่ายหนี้ที่ค้าง กฟผ. ไป จึงทำให้ค่าไฟลดลงมาได้แค่ 4 เดือน
นายวรภพ กล่าวต่อว่า แต่ความเป็นจริงในตอนนี้ เมื่อต้นตอโครงสร้างค่าไฟที่มีปัญหา รัฐบาลยังไม่ยอมไปแก้ไข ไปแตะต้องในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนพลังงานต่างๆ จึงไปสู่ความเป็นจริงที่ว่า เดือน ม.ค. จะต้องกลับมาจ่ายค่าไฟแพงเหมือนเดิม ซึ่งเป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนอาจจะได้รับผลกระทบตรงนี้ กลายเป็นลดค่าไฟช่วงหน้าหนาวมาขึ้นค่าไฟช่วงหน้าร้อนแทน แน่นอนว่าเราไม่เห็นด้วย ในการที่รัฐบาลจะมองว่า การลดค่าไฟเป็นแค่โปรโมชั่นสั้นๆ แต่ต้นตอที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพลังงานไฟฟ้า ไม่ได้มีการแก้ไขเลยในเรื่องของนโยบายก๊าซธรรมชาติ ที่มีการพูดกันมาตั้งแต่ช่วงเลือกตั้ง
นายวรภพ กล่าวอีกว่า พรรคร่วมรัฐบาลเอง ก็หาเสียงเหมือนกันกับพรรคก้าวไกล ในการนำก๊าซธรรมชาติบริเวณอ่าวไทยที่มีราคาถูกกว่ามาเฉลี่ยเป็นต้นทุนให้กับโรงไฟฟ้า เพื่อให้ค่าไฟฟ้าของประชาชนราคาถูกลงด้วย จากนโยบายในปัจจุบันก๊าซธรรมชาติในบริเวณอ่าวไทยจะถูกจัดสรรให้กับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีทั้งหมดก่อน เหลือเท่าไหร่ค่อยมาจัดสรรให้กับโรงไฟฟ้า ทำให้ประชาชนต้องมาแบกรับต้นทุนก๊าซนำเข้า LNG ที่มีราคาแพงจากต่างประเทศ ซึ่งเรามองว่านี่คือต้นตอของโครงสร้างค่าไฟที่ไม่เป็นธรรม
นายวรภพ กล่าวว่า ปัญหาส่วนหนึ่งโรงไฟฟ้าที่มีกำลังผลิตมากเกินเกือบร้อยละ 60 ที่ไม่ได้เดินเครื่อง แต่รัฐบาลไม่ได้ริเริ่มแก้ไขสัญญาที่ไม่เป็นธรรมส่วนนี้เลย จึงต้องเสียค่าความพร้อมจ่ายให้กับโรงไฟฟ้าเหล่านี้ ซ้ำรัฐบาลยังสานต่อ การรับซื้อพลังงานไฟฟ้าเพิ่ม ต่อเนื่องจากรัฐบาลที่แล้ว ที่ซื้อพลังงานหมุนเวียน 5,200 เมกะวัตต์ แม้จะอ้างว่าเป็นพลังงานหมุนเวียน แต่ศาลปกครองก็ได้มีคำสั่งทุเลาชั่วคราวออกมาแล้ว เพราะกระบวนการรับซื้อไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรม อาจสร้างความเสียหายให้กับประเทศได้ แต่รัฐบาลกลับไม่มีทีท่าที่จะเปลี่ยน หรือทบทวน และเรื่องนี้ยังไม่มีคำตอบจากนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง
“ผมได้สอบถามเพิ่มเติมไปยัง กฟผ. ว่า โครงการจัดซื้อพลังงานดังกล่าว จะเริ่มขึ้นในเดือน เม.ย.นี้ นายกรัฐมนตรีจึงมีเวลาที่จะทบทวนโครงการนี้ เพื่อให้ประชาชนไม่ต้องเสียค่าไฟแพงบนความร่ำรวยของเจ้าสัวบางคน ไม่ควรสานต่อสิ่งที่รัฐบาลชุดที่แล้วทำมา จึงอาจเป็นเหมือนส่วนที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลเคยพูดว่า นี่คือส่วนต่อขยายของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายวรภพ กล่าว
เมื่อถามว่า หากรัฐบาลเลือกใช้วิธีการยืดหนี้ กฟผ. เพื่อตรึงราคาค่าไฟ จะคุ้มค่ากับงบประมาณที่ต้องเสียไปหรือไม่ นายวรภพ กล่าวว่า อาจชะลอราคาค่าไฟได้ชั่วคราว แต่ก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะเป็นเหมือนมาตรการระยะสั้น ที่ต้องมาลุ้นกันทุก 4 เดือน