วันที่ 29 พ.ย.2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ชี้แจงกรณีดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ออกมาระบุว่า พรรคเพื่อไทยเคยทำMOU กับพรรคก้าวไกลก่อนตั้งรัฐบาลเช่น เรื่องปฏิรูปกองทัพ แต่พอเปลี่ยนขั้วการจัดตั้งรัฐบาล กลับไม่คิดที่จะผลักดันเรื่องที่เคยคุยกับพรรคก้าวไกลไว้ หลายเรื่องที่เคยได้คุยกับพรรคก้าวไกลเราก็ดำเนินการอยู่ ส่วนเรื่องการยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พรรคเพื่อไทยไม่เคยพูดว่าจะยุบ ซึ่งขณะนี้ได้มีการปรับปรุงกฎหมาย กอ.รมน. ให้ภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามาทำหน้าที่แทนทหารเพิ่มมากขึ้น
นายสมคิด ยังกล่าวถึงเรื่องที่ นายพิชาย ได้ระบุว่า พรรคเพื่อไทยไม่พูดเรื่องนิรโทษกรรม ทั้งที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้น ตนขอชี้แจงว่า สัปดาห์ก่อนได้มีการประชุมกับมูลนิธิสันติภาพและวัฒนธรรม มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และศูนย์ความร่วมมือทรัพยากรสันติภาพ มีการเชิญตัวแทนพรรคการเมืองต่าง ๆ มาเข้าร่วม เช่น พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีการถามตนว่าจะทำอย่างไรเกี่ยวกับกฎหมายนิรโทษกรรม ตนจึงได้ชี้แจงว่าพรรคเพื่อไทยมีบาดแผลเรื่องดังกล่าวอยู่ และขณะนี้เพิ่งจะตกสะเก็ด จึงไม่สามารถออกหน้าได้ ดังนั้นอย่าให้เป็นคนเริ่มต้น เพราะหากเริ่มไปแล้วไม่รู้ฝ่ายอื่นจะว่าอย่างไร จึงขอให้ทุกคนไปพูดคุยกับวิปรัฐบาลก่อน ตนพร้อมเป็นสะพานให้ และให้ฟังความเห็นจากทุกพรรคในภาพรวมอย่าเพิ่งลงรายละเอียด เพราะตอนนี้แค่เริ่มก็มีคนบอกว่าไม่เอาเรื่อง ม.112 ขึ้นมาแล้ว จึงอยากให้ไปคุยก่อน พรรคเพื่อไทยพร้อมช่วยเหลือ แต่ไม่ขอเริ่มต้นให้ หากเราเริ่มต้นไปแล้ว เมื่อมีคนไม่เอาก็จะมารุมด่าเรา ทั้งนี้ตนขอยืนยันว่าเรื่องอะไรที่ได้ตกลงกันไว้กับพรรคก้าวไกล กฎหมายไหนที่เห็นตรงกัน ก็พร้อมที่จะช่วยผลักดัน เช่น การแก้ไขพ.ร.บ.แพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยเรื่องสมรสเท่าเทียม เราก็ช่วยกันทำ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เห็นร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกลหรือยัง นายสมคิด ได้กล่าวว่า ตนเห็นร่างกฎหมายบ้างแล้วบางส่วนทั้งของพรรคก้าวไกลและภาคประชาชน ซึ่งมีทั้งจุดดีและจุดด้อย ถ้าเอาทุกเรื่องเข้ามาคนอื่นไม่เห็นด้วยจะทำอย่างไร จึงไม่อยากให้ลงรายละเอียด แต่ส่วนตัวตนเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรม
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยมีท่าทีอย่างไรกับเรื่องดังกล่าว นายสมคิด กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้พูดเรื่องนี้ รอฟังพรรคอื่น แต่รับรองว่าเราไม่ได้ขัดขวาง
เมื่อถามย้ำว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีม.112 หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วตนเห็นด้วย เพราะเรานิรโทษกรรม เฉพาะเรื่อง เช่น ปี 63-64 ที่มีการประท้วง ก็มีการจำกัดกรอบอยู่ไม่กี่คน เด็ก ๆ เป็นลูกหลานทั้งนั้น อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจจะคิดว่าตัวเองถูกต้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว อย่าเอาเรื่องอื่นมาพัวพัน พร้อมทั้งบอกว่าให้ไปคุยรายละเอียด เราไม่อยากให้สังคมนี้ไปสร้างบาดแผลให้กับเด็ก อย่างที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ระบุว่า ไม่อยากทำกฎหมายนิรโทษกรรมโดยที่ไปสร้างความแตกแยกใหม่ นั่นคือสิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องระมัดระวัง
เมื่อถามถึงกรณี นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีการระบุว่ากฎหมายฉบับนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความปรองดองในประเทศ นายสมคิด กล่าวว่า หากคุยกันได้มันก็ดี อยากให้มาคุยที่วิปรัฐบาล มาคุยกันทั้งหมดในสภา ตนยืนยันกับพรรคก้าวไกลแล้วว่ายินดีที่จะเป็นสะพานให้ไม่ว่าจะเป็นในสภาและประชาชน
เมื่อถามอีกว่า นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาระบุว่ากฎหมายนิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน เพราะหลายคนไม่ได้รับสิทธิพิเศษเหมือนคนชั้น 14 นายสมคิด กล่าวว่า ไม่ไดมีอะไรพิเศษ ทุกอย่างเป็นไปตามกติกาและกระบวนการ รวมถึงเรื่องการลดโทษก็ไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์อะไร ซึ่งเป็นไปตามกติกาของกรมราชทัณฑ์ ทุกคนได้เหมือนกัน ไม่แตกต่างกัน และไม่ควรหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดถึง คนที่พูดนั้นพูดเพราะอะไร ขอร้องคนที่พูดแบบนี้ หากจะทำเรื่องนิรโทษกรรม เอาพวกไว้เยอะ ๆ มันถึงจะสำเร็จ อย่าถูกต้องคนเดียว เราอยู่ฝ่ายค้านด้วยกันมาก่อน บางเรื่องถ้าได้ประโยชน์ทุกฝ่ายก็ช่วยกัน ไม่ต้องทำพูดสร้างความเกลียดชัง ทะเลาะเบาะแว้ง