นาย จตุพร พรหมพันธ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวในรายการ ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน  "น่าวิตก" เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2566 ที่ผ่านมา ว่า การจุดประเด็นแก้ รธน. 60 กับนิรโทษกรรมคดีการเมืองทุกฝ่าย เป็นเพียงการปั่นเกมยื้อเวลาของพรรคเพื่อไทยจะได้อยู่ในอำนาจได้นาน อย่างไรก็ตาม ถ้ามีความจริงใจต้องรีบลงมือทำให้สำเร็จทันที เพราะในประเด็นเหล่านี้มีผลงานศึกษาไว้พร้อมสมบูรณ์แล้ว คงเหลือแต่การปฎิบัติให้เป็นจริงเท่านั้น

นายจตุพร กล่าวถึงความพยายามจะแก้ รธน.60 ว่า พรรคเพื่อไทยได้ตั้งรัฐบาลและนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ ก็มาจาก รธน.60 เพราะ สว.ส่วนมากเป็นสายแต่งตั้งจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โหวตให้ถึง 152 เสียง ดังนั้น ความกระตือรือร้นเพื่อแก้ รธน.60 จึงเบาบางมาก ที่ทำกันขณะนี้เพียงกลเกมซื้อเวลาเท่านั้น

ความจริงการแก้ รธน.สำเร็จ ต้องผ่านสองด่านสำคัญ คือ สว.จำนวน 1 ใน 3 ให้การสนับสนุน และฝ่ายค้านจำนวน 20% เห็นชอบด้วย ส่วนการทำประชามติไม่ได้ยุุ่งยากเพียงทำเรื่องสอบถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ทำได้หรือไม่


"สิ่งสำคัญคือ วันนี้เพื่อไทยจะรีบแก่้ รธน.ไปทำไม เพราะประเด็นหลักในการแก้ รธน.อยู่ที่เรื่องอำนาจ สว. เลือกนายกฯ ซึ่งจะหมดในวันที่ 11 พ.ค. 67 ส่วนประเด็นอื่นยังไม่มีความน่าสนใจ ดังนั้น การชูประเด็นแก้ รธน. จึงเป็นเรื่องที่นำมาปั่นชิงไหวชิงพริบกัน อีกอย่างหากเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลจะแก้ รธน.กันจริง จะรอเวลาทำไม สามารถลงมือทำได้สำเร็จแล้ว เพราะมีเสียง สว.คอยหนุนอยู่ ส่วนฝ่ายค้านก็คงไม่ขวาง"

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลจริงใจในการแก้ รธน.แล้ว ต้องตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาศึกษาและดำเนินการ โดยการแก้ รธน.นั้น ต้องเน้นให้ทุกองค์ประกอบทางอำนาจเชื่อมโยงกับประชาชนให้หมด สิ่งสำคัญ สว.ต้องมาจากการเลือกตั้งจากประชาชนทุกจังหวัด ดังนั้น ถ้าจริงใจกับประชาชนแล้ว อย่าได้เหนี่ยวรั้งอำนาจประชาชนไว้

อีกทั้งเชื่อว่า ทั้งการแก้ รธน. การกำหนดแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาท และการพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 67 ล้วนเอาปัญหาไปสุมอยู่ใน พ.ค. 67 ซึ่งเป็นช่วงที่ สว.หมดวาระ (แต่ยังรักษาการ) ดังนั้น เมื่อคลี่ปมเหล่านี้ออกมาจะเห็นเกมดึงเวลาของรัฐบาลเพื่อไทย และเป็นเกมที่ต้องการนำไปสู่การเปลี่ยนอำนาจใหม่ให้เกิดขึ้นในช่วงก่อน พ.ค. 67 สิ่งนี้จึงต้องเฝ้าดู

นอกจากนี้ นายจตุพร อ่านเกมการเมืองกรณีหากพรรคก้าวไกลถูกยุบพรรค โดยเชื่อว่าถ้าถูกยุบพรรคจริงในขณะเพื่อไทยเป็นรัฐบาลแล้ว พรรคเพื่อไทยจะเดือดร้อนมากที่สุด เพราะเสียงที่เลือกก้าวไกลส่วนมากมาจากฐานเสียงเก่าของเพื่อไทย ดังนั้น จึงต้องชั่งน้ำหนักกันเพราะแรงเหวี่ยงจะเกิดขึ้นกับเพื่อไทย ด้วยเหตุนี้เพื่อไทยจึงต้องยื้อเวลาเป็นรัฐบาลให้นานที่สุด

ส่วนการนิรโทษกรรม นายจตุพร กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญต้องการให้บ้านเมืองมีความสงบ มีสันติ แต่ความคิดในวันนี้แตกออกเป็นสองทาง คือ จะนิรโทษกรรม 112 หรือไม่ กับการนิรโทษกรรมให้ฝ่ายของทักษิณ ชินวัตร ได้ประโยชน์ฝ่ายเดียวหรือไม่
อีกอย่างสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไปมากตั้งแต่การยึดอำนาจปี 57 เป็นต้นมา จนถึงขณะนี้มีความชัดเจนว่า ฝ่ายก่อความขัดแย้งได้คืนดีกันหมดแล้ว ไม่มีฝ่ายเหลืองหรือแดง แต่เกิดพลังขัดแย้งใหม่เกิดขึ้นในฝ่ายของคนรุ่นใหม่ที่ถูกข้อหา 112 ดังนั้น ถ้าจะนิรโทษกรรมจึงต้องให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ถ้วนหน้า ความสันติและสงบสุขจึงจะเกิดขึ้น

"เมื่อกังวลว่า ถ้านิรโทษกรรม 112 แล้วจะกลับมาทำอีก ถึงวันนั้นสังคมจะจัดการเอง เพราะบรรดาน้องๆ ที่กำลังเรียนหนังสือหรือจบแล้ว หากไม่มีการนิรโทษกรรมก็คงติดคุกกันตลอดชีวิตจริงๆ เพราะคดี 112 จะถูกนับโทษต่อกันเป็นรายคดี ไม่ได้นับรวม ยิ่งมีคดีมากก็ติดคุกมากตามไปด้วย"

ขอบคุณ:รายการประเทศไทยต้องมาก่อน