ส่งออกไทย ต.ค.ขยายตัวต่อเนื่อง SCB EIC มองส่งออก Q4 พลิกกลับเป็นบวก
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC เผยว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในเดือน ต.ค.2023 อยู่ที่ 23,578.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 8%YOY ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยการส่งออกเดือนนี้มีแรงสนับสนุนจาก (1) ปัจจัยฐานต่ำ (2) ราคาสินค้าส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง 1.6%YOY และ (3) มูลค่าการส่งออกทองคำขยายตัวสูง 59.8% (Contribution to growth 1.4% เป็นองค์ประกอบที่เติบโตสูงสุด) ในภาพรวมการส่งออกไทยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2023 มีมูลค่า 236,648.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัว -2.7%
การส่งออกเดือนนี้ขยายตัวทุกกลุ่มสินค้าสำคัญ
ภาพรวมการส่งออกรายสินค้าปรับดีขึ้นทุกกลุ่มสินค้า นำโดย (1) สินค้าเกษตรขยายตัว 12.3% ต่อเนื่องจาก 17.7% ในเดือนก่อน โดยผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง รวมถึงข้าวส่งออกได้ดี ขณะที่การส่งออกยางพาราหดตัว (2) สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวต่อเนื่อง 5.9% ต่อเนื่องจาก 5.4% ในเดือนก่อน สาเหตุที่สินค้าเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวดีในเดือนนี้เป็นผลจากราคาสินค้าเกษตรที่ยังสูงและการเร่งนำเข้าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรของหลายประเทศเพื่อป้องกันผลกระทบจากภัยแล้งและนโยบายห้ามส่งออกสินค้าเกษตรของบางประเทศ เช่น อินเดีย (3) สินค้าแร่และเชื้อเพลิงยังขยายตัวแข็งแกร่ง 61.3% ต่อเนื่องจาก 13.8% ในเดือนก่อน แม้ราคาส่งออกสินค้ากลุ่มนี้หดตัว -1.5% ขณะที่ (4) สินค้าอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัว 5.4% หลังจากหดตัว -0.3% ในเดือนก่อน โดยหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด และอัญมณีและเครื่องประดับ (หักทอง) เป็นสินค้าหลักที่ขยายตัวดีในเดือนนี้ ขณะที่การส่งออกเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และรถจักรยานยนต์และส่วนประกอบเป็นสินค้าสำคัญที่หดตัว
การส่งออกเดือนนี้ขยายตัวในหลายตลาดสำคัญ
ภาพรวมการส่งออกรายตลาดปรับดีขึ้นในหลายตลาดสำคัญ โดย (1) ตลาดสหรัฐฯ พลิกกลับมาขยายตัว 13.8% หลังจากหดตัว -10% ในเดือนก่อน โดยการขยายตัวในเดือนนี้เป็นไปอย่างทั่วไป สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกสินค้าสำคัญในตลาดสหรัฐฯ 10 ลำดับแรกขยายตัวสูงถึง 9 สินค้า ยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบที่หดตัว (2) ตลาดจีนขยายตัวชะลอลงที่ 3.4% หลังจากเร่งตัวในเดือนก่อนที่ 14.4% นับว่าเป็นตัวเลขค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนที่ดีขึ้นบ้างในเดือนนี้และปัจจัยฐานต่ำ (มูลค่าการส่งออกไปจีนหดตัวมากถึง -8.6% ในเดือน ต.ค. 2022) (3) ตลาดสวิตเซอร์แลนด์ขยายตัวสูงถึง 135.1% จากการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ (รวมทองคำ) ที่ขยายตัว 180.9%
ดุลการค้าระบบศุลกากรพลิกกลับมาขาดดุลอีกครั้ง เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าขยายตัวสูง
มูลค่าการนำเข้าสินค้าในเดือน ต.ค. อยู่ที่ 24,411.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐขยายตัว 10.2% หลังจากหดตัว -8.3% ในเดือนก่อน โดยการนำเข้าเติบโตอย่างทั่วถึงจากการนำเข้ายานพาหนะและอุปกรณ์ที่ขยายตัว 33.4% การนำเข้าสินค้าทุนที่ขยายตัว 21.3% และการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่พลิกกลับขยายตัว 10.2% สำหรับดุลการค้าระบบศุลกากรในเดือนนี้ขาดดุล 832.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากเกินดุล 2,092.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนก่อน หากรวม 10 เดือนแรกของปี 2023 ยังคงขาดดุล 6,665 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
SCB EIC ประเมินมูลค่าการส่งออกในปี 2023 พลิกกลับมาขยายตัวในไตรมาส 4
แรงส่งมูลค่าการส่งออกจะพลิกกลับมาขยายตัวได้ในไตรมาสที่ 4 จากปัจจัยราคาสินค้าส่งออกที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี (เช่น กลุ่มสินค้าเกษตร) เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มจะซบเซาน้อยกว่าคาดในช่วงท้ายปี 2023 โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย (เช่น สหรัฐฯ และจีน) ประกอบกับการที่รัฐบาลจีนขยายเพดานขาดดุลการคลังเป็น 3.8% ต่อ GDP โดยออกพันธบัตรรัฐบาลกลางเพิ่ม 1 ล้านล้านหยวน โดยเม็ดเงินครึ่งหนึ่งจะใช้เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศในไตรมาส 4 นี้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการนำเข้าสินค้าจากไทยได้บางส่วน (รูปที่ 4) และปัจจัยฐานต่ำต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปี 2023 อย่างไรก็ดี แม้มูลค่าการส่งออกในไตรมาสสุดท้ายจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส แต่การขยายตัวที่ดีขึ้นของมูลค่าการส่งออกในช่วงท้ายปีจะไม่สามารถชดเชยการหดตัวรุนแรงตั้งแต่ต้นปีได้ทั้งหมด ส่งผลให้มูลค่าส่งออกสินค้าในปี 2023 มีแนวโน้มหดตัวเล็กน้อย โดย SCB EIC คงประมาณการมูลค่าส่งออกสินค้าไทยปี 2023 ที่ -1.5%YOY (USD BOP)
SCB EIC มองส่งออกไทยปี 2024 ขยายตัว 3.7% เร่งตัวจากปี 2023
มูลค่าการส่งออกในปี 2024 มีแนวโน้มกลับมาขยายตัวได้ 3.7% จากแรงสนับสนุนหลายด้าน ได้แก่ (1) เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม โดย SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 2.5% สูงขึ้นจากประมาณการเดิมที่ 2.3% ซึ่งจะส่งผลให้อุปสงค์จากต่างประเทศดีกว่าคาดการณ์ก่อนหน้า (รูปที่ 3) ทำให้ปริมาณการค้าโลกในปี 2024 มีแนวโน้มขยายตัวดีกว่าปีนี้ค่อนข้างมาก (รูปที่ 5) (2) ราคาสินค้าส่งออกยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงในปี 2024 เช่น ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามปริมาณผลผลิตในตลาดโลกที่ลดลงจากภัยแล้งและนโยบายควบคุมการส่งออกสินค้าในบางประเทศ (3) ความแออัดของห่วงโซ่อุปทานโลกคลี่คลายลง ส่งผลให้การผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกและกระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างปกติ สะท้อนจากอัตราค่าระวางเรือที่กลับเป็นปกติและระยะเวลาการส่งมอบสินค้าที่ลดลง (รูปที่ 5) (4) ความพยายามของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในการผลักดันการส่งออกของไทย เช่น การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าระหว่างประเทศ การจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (Comprehensive Economic Partnership Agreement : CEPA) กับหลายประเทศและกลุ่มประเทศต่าง ๆ เช่น สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association : EFTA) กลุ่มประเทศคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council : GCC) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และศรีลังกา ซึ่งบางฉบับอาจสามารถดำเนินการให้ลุล่วงและมีผลบังคับใช้ในปี 2024 และ (5) มูลค่าการส่งออกหดตัว -1.5% ในปี 2023 จะส่งผลให้อัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกในปี 2024 เพิ่มสูงขึ้นตามปัจจัยฐานต่ำ
อย่างไรก็ดี แม้มูลค่าการส่งออกไทยในปี 2024 จะพลิกกลับมาขยายตัวได้ แต่ถือว่าไม่สูงนักเทียบค่าเฉลี่ย 10 ปีก่อนโควิดที่ 5.2% (USD, BOP) อีกทั้งยังต้องเผชิญแรงกดดันจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในหลายพื้นที่ทั่วไทย รวมถึงความเสี่ยงจากการดำเนินนโยบายการเงินที่อาจตึงตัวกว่าคาดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เศรษฐกิจจีนที่อาจฟื้นช้าและเปราะบางกว่าคาด และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะสงครามอิสราเอล-ฮามาสที่อาจลุกลามหรือยืดเยื้อนานขึ้น รวมถึงประเด็นพิพาทจีน-ไต้หวัน-สหรัฐฯ ที่อาจรุนแรงขึ้นอีกครั้งจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันในเดือน ม.ค. 2024 ทั้งนี้ SCB EIC ประเมินว่าในปี 2024 มูลค่าส่งออกไทยจะกลับมาขยายตัวได้ที่ 3.7% (USD BOP)
เขียนบทวิเคราะห์
-นายวิชาญ กุลาตี นักเศรษฐศาสตร์
-นางสาวณัฐณิชา สุขประวิทย์ นักเศรษฐศาสตร์
-ดร.ปุณยวัจน์ ศรีสิงห์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส
#SCBEIC #ส่งออก #อิสราเอล #วิชาญกุลาตี #ณัฐณิชาสุขประวิทย์ #ปุณยวัจน์ศรีสิงห์ #นักเศรษฐศาสตร์