"ภูมิธรรม" ชี้ "ก้าวไกล" มีสิทธิ์เดินสายพบทุกขั้วขอแรงหนุนร่างพรบ.นิรโทษกรรม ยืนยันรัฐบาลไม่พร้อมเปิดความขัดแย้งรอบใหม่ "อนุสรณ์" แนะ"ชัยธวัช"ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต้องทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้านซูเปอร์โพล ห่วงเกษตรกรเป็นเป้าโจรไซเบอร์หลังแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต

    
 เมื่อวันที่ 26 พ.ย.66 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินสายขอเสียงสนับสนุนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของพรรคก้าวไกล โดยล่าสุดได้เข้าพบอดีตพระพุทธอิสระ ที่วัดอ้อน้อย ว่า เป็นสิทธิของพรรคก้าวไกล ที่จะไปรับฟังความเห็นทุกฝ่าย ทั้งพรรคการเมือง และ พุทธอิสระ  ขอให้สรุปมา อะไรที่เป็นประโยชน์ รัฐบาลนี้ทำได้ก็จะทำ
    
 เมื่อถามถึงจุดยืนของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ต่อร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามุ่งมั่นที่จะทำทุกเรื่องที่เป็นข้อสรุปในสังคม แต่ถ้ายังไม่มีข้อสรุป แล้วจะนำไปสู่ความขัดแย้ง เราก็ยังไม่อยากจะทำ เพราะไม่อยากสร้างความขัดแย้งใหม่ ในขณะที่เราได้สลายความขัดแย้งเดิมไปแล้ว หน้าที่ของเราวันนี้ คือ ทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า อย่าให้ความขัดแย้งใดๆ เป็นอุปสรรคในการขับเคลื่อนประเทศ
    
 นายธนกร  วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ  กล่าวในเรื่องเดียวกัน ว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีที่นายชัยธวัช ไปรับฟังทุกฝ่าย ก่อนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ระหว่างรอเปิดสมัยประชุมสภา ซึ่งจะทำให้แต่ละฝ่ายเข้าใจเนื้อหาเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรมคดีทางการเมืองดีมากขึ้น หากมีวัตถุประสงต์หวังให้เป็นจุดเริ่มต้นทำให้เกิดกระบวนการปรองดองทางการเมือง จะต้องเป็นการดำเนินการเพื่อคนทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ไม่ใช่มีผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มตัวเองแอบแฝง ควรทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ
    
 เมื่อถามว่า แต่ดูเหมือนร่างกฎหมายนิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล จะมุ่งปลดล็อคคดีมาตรา 112 นายธนกร กล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวหากจะสร้างความปรองดองแก่ทุกฝ่ายทางการเมืองที่เห็นต่างถือว่ายอมรับได้ แต่ต้องไม่ใช่ความผิดจากการกระทำที่ความรุนแรง และต้องไม่ละเมิดกฎหมายความมั่นคงแห่งรัฐ โดยเฉพาะประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่มีไว้เพื่อปกป้องประมุขแห่งรัฐ สถาบันพระมหากษัตริย์ผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้  ซึ่งไม่ใช่เรื่องการเมือง  ตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งหากจะมีการนิรโทษความผิดในมาตรา112
    
 "หากพรรคก้าวไกลจะผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อช่วยกลุ่มผู้สนับสนุนให้พ้นความผิดในมาตรา112 นั้น ผมขอคัดค้าน เพราะเป็นการเหยียบย่ำจิตใจคนไทยทั้งชาติที่รัก เทิดทูนสถาบันฯ การเดินสายรับฟังความเห็นคนทุกสีเสื้อ ทุกกลุ่มของก้าวไกล แต่จะนำมาอ้างว่าทุกฝ่ายเห็นด้วยคงไม่ใช่  ผมเชื่อว่า สภาก็จะไม่เห็นด้วย จึงขอให้พรรคก้าวไกลพูดให้ชัดในเรื่องนี้ หากรวมคดีม.112 ด้วย ผมรับไม่ได้และขอคัดค้านแน่นอน นายธนกร กล่าว
    
 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ ว่า ตนสนับสนุนให้นิรโทษกรรมคดี ม.112 ให้คนรุ่นใหม่ได้รับการอภัยเพื่อจะได้เริ่มต้นใหม่ หากนิรโทษกรรมเฉพาะคดีการเมืองเฉพาะผู้ชุมนุมทางการเมืองรุ่นเก่าได้ประโยชน์แล้ว ในอนาคตย่อมมีความขัดแย้งกันไม่ยุติระหว่างคนรุ่นใหม่กับรุ่นเก่า
    
 นายจตุพร กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมคดีทางการเมืองทุกฝ่ายตั้งแต่ปี 2549 รวมทั้งคดี ม.112 นักการเมืองและสังคมควรร่วมมือให้อภัย เพราะขณะนี้จุดเริ่มต้นความขัดแย้งได้กลับหวนมาคืนดีกันหมดสิ้นแล้ว จึงสมควรนิรโทษกรรมให้ผู้ชุมนุมทางการเมืองกับทุกฝ่ายจึงเป็นสิ่งที่ต้องกระทำเป็นอย่างยิ่ง
    
 อย่างไรก็ตาม ถ้าพรรคเพื่อไทยจะขวางการนิรโทษกรรมคดี ม.112 ต้องคิดให้ดี เพราะคนรุ่นใหม่จะไม่ได้รับผลการนิรโทษกรรมด้วย แต่จะเกิดประโยชน์สำหรับนักการเมือง นักเคลื่อนไหว ผู้ชุมนุมทางการเมืองรุ่นเก่าเท่านั้น ดังนั้น สิ่งสำคัญของการนิรโทษกรรมจะต้องคิดและถูกจัดวางไว้โดยไม่มีผลประโยชน์ทางการเมืองอื่นใดจึงจะเป็นหัวใจของการยุติความขัดแย้ง
      
 ถ้าเพื่อไทยขวางนิรโทษกรรมคดี 112 แล้ว อย่าลืมว่าผู้ต้องหาคนสำคัญที่ต้องคดี 112 คือชั้น 14 ถ้าเด็กโดนคดี ชั้น 14 ก็ต้องโดนด้วย และวันปล่อยตัวคนชั้น 14 ในต้นเดือนธันวานี้ สน.ปทุมวันต้องอายัดตัว (ในคดี 112) ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องของฝ่ายค้านหรือรัฐบาล
    
 นายจตุพร กล่าวย้ำว่า จุดเริ่มต้นของคดี 112 นั้น อยู่ที่ความผิดพลาดทางการเมืองที่นักการเมืองต้องการเอาตัวเองรอด แต่ไม่ได้ทำให้สถาบันรอดเลย ถ้าต้องการให้สังคมจบลงแบบนโยบาย 66/23 ที่ให้อภัยต่อความขัดแย้งและการสู้รบกันระหว่างรัฐบาลกับคอมมิวนิสต์ แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่หมด ซึ่งวันนี้ทำไมจะให้อภัยด้วยการนิรโทษกรรมคดี 112 ไม่ได้ 
    
 ถ้าจะนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองแล้ว ก็ไม่ควรทิ้งใครไว้ให้กลายเป็นปัญหาบานปลายในอนาคตอีก และยังจะเป็นการสร้างพระราชภาระ ยิ่งจะเป็นปัญหากับสถาบัน ดังนั้น จึงต้องนิรโทษกรรมคดี 112 ด้วย เพราะอย่างน้อยที่สุดในสังคมที่ไร้ความหวัง เมื่อนักการเมืองตระบัดสัตย์กันหมด ที่เป็นปฐมบทให้เกิดความขัดแย้งก็ดีกันหมดแล้ว ได้รับอานิสงส์ลดโทษจาก 8 ปีเหลือปีเดียว และยังไม่ติดคุกสักวันด้วย แล้วที่เหลือจะเอาอะไรกันอีก เมื่อเดินมาถึงจุดนี้ควรจะมีความเข้าใจกันแล้ว
   
  นายจตุพร กล่าวถึงโครงการซอฟพาวเวอร์ ว่า เพื่อป้องกันความสับสนและถกเถียงกันไม่มีสิ้นสุด ควรเปลี่ยนชื่อใหม่แต่ให้เข้าใจตรงกันว่า การปฏิบัติการนั้น เป็นซอฟพาวเวอร์ที่มีความซึมซับ เกิดอารมณ์ร่วมจนเป็นที่ยอมรับของคนไทยและต่างประเทศจึงจะเกิดผลดีต่อผลผลิตวัฒนธรรมที่จะนำมาเป็นสินค้าในอนาคตด้วย
   
  นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย  กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิที่นายชัยธวัชจะเดินสายไปพบใคร หรือนำเสนออะไร แม้ดูในคลิปเหมือนไปรับฟังโอวาทจากพุทธะอิสระมากกว่า นายชัยธวัชต้องไม่เคร่งครัดกับคนอื่น แต่ย่อหย่อนกับตัวเอง ประชาชนตั้งคำถามว่าถ้าไม่โดนเข้ากับพวกพ้องของตัวเองจะลุกขึ้นมาเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมรอบนี้หรือไม่ การคืนความยุติธรรมต้องทำอย่างเสมอภาคเท่าเทียมไม่เลือกปฏิบัติ และต้องไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งรอบใหม่หรือทำตัวเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมคดีทางการเมือง จะได้รับการยอมรับมากขึ้น หากมีวัตถุประสงค์ให้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เกิดกระบวนการปรองดองสมานฉันท์ทางการเมือง จะต้องเป็นการดำเนินการเพื่อคนทุกฝ่าย ทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง หวังช่วยหรือใช้ประโยชน์เฉพาะเครือข่ายพวกพ้องหรือกลุ่มของตัวเอง ควรทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ
    
 "เกือบ 20 ปี ที่ความขัดแย้งทางการเมืองทำเศรษฐกิจเสียหายกว่า 2 ล้านล้าน การสร้างความปรองดองสมานฉันท์เป็นสิ่งที่ทุกรัฐบาลต้องการผลักดันให้เกิดขึ้น และรัฐบาลเศรษฐา ก็ได้ดำเนินการผลักดันหลายเรื่อง เพื่อคืนความเป็นธรรมและก้าวข้ามความขัดแย้ง" 
  
   นายอนุสรณ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา ออกมาเตือน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระบุเป็นนักการเมืองมือใหม่ต้องระมัดระวังคำพูด กรณีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับผู้กำกับการ และผู้กำกับการใหม่ ว่า นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงชัดแล้วว่าไม่มีอำนาจในการแทรกแซง ไม่เคยก้าวก่ายกรณีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ข้อเท็จจริงที่ได้หารือกันในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยวันนั้นคือ การสะท้อนปัญหาในพื้นที่ ทั้งเรื่องหนี้นอกระบบ ดอกเบี้ยโหด เรื่องยาเสพติด ที่อยากให้รัฐบาลเข้าไปดูแลแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน รวมถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ก็ออกมาปฏิเสธแล้วว่าเรื่องตั๋วไม่มีอยู่จริง นายกฯ หรือ สส.คนไหนไม่เคยมาฝากอะไรทั้งนั้น ดังนั้น ก่อนออกมาเสนอแนะนายกฯ นายชวน ควรทำความเข้าใจกับประเด็นปัญหาให้ชัด ความจริงปัญหาในพรรคประชาธิปัตย์ก็มีมากมาย ควรเอาเวลาไปแก้ไขปัญหาในพรรคก่อนจะดีกว่าหรือไม่
    
 "หากนายชวน จะได้นำเอาประสบการณ์ความรู้ความสามารถที่มีไปแก้ปัญหาให้พรรคประชาธิปัตย์ ให้มีหัวหน้าพรรค มีกรรมการบริหารพรรคให้ได้โดยเร็ว น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า" นายอนุสรณ์ กล่าว
   
  นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส. นครศรีธรรมราช ได้โพสต์เพจ Facebook ส่วนตัว ข้อความว่า ตั๋วผู้กำกับ จุดตายของ เศรษฐา ข้อหาที่ดิ้นไม่หลุด  หลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้หลุดปากพูดถึงตั๋วผู้กำกับ ในที่ประชุมส.ส.เพื่อไทย ในทำนองว่ามีส.ส.ฝากแต่งตั้งผู้กำกับหลายคน อาจจะมีผู้ผิดหวังบ้าง และผู้สมหวังบ้างจำนวนไม่น้อย ซึ่งเป็นการสื่อความหมายถึงการโยกย้ายแต่งตั้งตำรวจ ที่มีระบบเส้นสาย มีตั๋ว มีเด็กฝาก ซึ่งนายเศรษฐาเคยประกาศมาก่อนหน้านี้ว่า จะไม่ยอมให้มีการโยกย้ายแต่งตั้งในระบบเส้นสาย แต่ตัวเองกลับปฏิบัติเสียเอง
   
  แม้ว่าจะพยายามออกมาชี้แจง และปฏิเสธแบบข้างๆคูๆ หรือเอาสีข้างเข้าถูก็ตาม แต่คนทั่วไปหรือแม้กระทั่งเด็ก ป.1 ก็ยังเข้าใจได้ว่า การที่นายเศรษฐา พูดนั้นคือการโยกย้ายแต่งตั้งตำรวจ ในตำแหน่งผู้กำกับ ไม่ใช่เรื่องคำพูดเกี่ยวกับคนหรือความ ตามที่พยายามแก้ตัว ซึ่งเป็นการแก้ตัวที่หาเหตุผลมาอธิบายได้ยากมาก 
   
  ช่วงนี้อาจจะมีสมาชิกพรรคเพื่อไทยหลายคน ออกมาแก้ตัวแทนก็ตาม แต่เป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น ซึ่งเรื่องนี้น่าจะเป็นจุดตายของนายกเศรษฐามากกว่าเรื่องอื่นๆ เพราะมีพยานหลักฐานชัดยิ่งกว่าใบเสร็จเสียอีก คำพูดที่ออกมาจากปากของนายกรัฐมนตรีเอง จะปฎิเสธบอกว่าพูดเล่นก็ไม่ได้ ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ จะยอมรับว่าพูดจริงก็ผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา185 และกฎหมายอื่นๆอีกอย่างน้อย2ฉบับ
   
  เรื่องนี้น่าจะเป็นกับดักที่อันตราย มากกว่าเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออก พรบ.กู้เงิน ที่หลายฝ่ายท้วงติงว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายวินัยการเงินการคลังบ้าง ก็เป็นเรื่องของการตีความและใช้ดุลย์พินิจ ซึ่งอาจจะหลุดพ้นได้ แต่การโยกย้ายตำรวจครั้งนี้ ที่นายเศรษฐา ออกมายืนยันเอง น่าจะดิ้นยาก เป็นข้อหาที่ดิ้นไม่หลุด เพราะมีความชัดเจน แบบไม่ต้องตีความแต่อย่างใด  ถ้าเรื่องทำให้นายเศรษฐาต้องหลุดจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีจริง เป็นการตายน้ำตื้น แบบน่าเสียดาย
   
  วันเดียวกัน นายนพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) และนักวิชาการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) เสนอผลสำรวจความรู้สึกของประชาชน (Sentiment Survey) เรื่อง เป๋าตัง เกษตรกร กับ ภัยไซเบอร์ ชี้เป้าและทางออก กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,130 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 20  25 พ.ย.66 ที่ผ่านมา
   
  เมื่อถามถึง การมีแอปพลิเคชั่น เป๋าตัง ในมือถือของเกษตรกร รอรับเงินแจกจากรัฐบาล 1 หมื่นบาท พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 72.3 มีแล้ว อย่างไรก็ตาม เกินกว่า 1 ใน 4 หรือร้อยละ 26.1 ยังไม่มี และร้อยละ 1.6 ยังไม่รู้จัก เมื่อถามถึงประสบการณ์ของเกษตรกรในช่วง 12 เดือน เคยถูกโจรไซเบอร์ล่อลวงออนไลน์ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 66.2 เคย ในขณะที่ร้อยละ 33.8 ไม่เคย ที่น่าเป็นห่วงคือ เกินกว่า 1 ใน 3 หรือร้อยละ 34.4 เคยตกเป็นเหยื่อเสียตังค์ให้พวกโจรไซเบอร์ มิจฉาชีพออนไลน์ ในขณะที่ร้อยละ 65.7 ไม่เคย นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.8 กังวลต่อโจรไซเบอร์ ออกอาละวาดหนัก หลอกลวงประชาชน ช่วงรัฐบาลแจกเงิน 1 หมื่นบาทผ่าน แอปพลิเคชั่น เป๋าตัง
   
  นายนพดล กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยตายแน่ ถ้าไม่กรุยทางสร้างสภาพแวดล้อมตั้งมาตรฐานกลางความปลอดภัยไซเบอร์ให้กับมาตรการการแจกเงินและให้กับประชาชนเพราะจุดอ่อนแอที่สุดในโลกไซเบอร์คือผู้ใช้ปลายทาง (End Point) และกลุ่มเกษตรกรคือกลุ่มประชาชนที่ถูกศึกษาในครั้งนี้ที่ส่วนใหญ่เคยถูกหลอกลวงจากโจรไซเบอร์และรู้สึกกังวลต่อโจรไซเบอร์ที่จะออกอาละวาดหนักช่วงรัฐบาลแจกเงิน 1 หมื่นบาทผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง เพราะขนาดยังไม่แจกเกษตรกรและประชาชนทั่วไปส่วนใหญ่เคยถูกหลอ